‘จตุพร’ เตือนสงครามไทย-กัมพูชา ต้องไม่จบแบบโง่ๆ แค่ให้พ้นสิ้นปี

จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกัมพูชาคืนดินแดนไทยและหยุดยิงจริง ชี้หากสงครามจะยุติในช่วงสิ้นปี ต้องไม่จบแบบลวงโลกหรือซ้ำรอยการหยุดยิงรอบแรก พร้อมย้ำไทยไม่อาจแลกแผ่นดินกับสันติภาพจอมปลอม

20 ธันวาคม 2568 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่า ท่ามกลางสงครามไทย-กัมพูชา มีเส้นบางๆ จะเกิดสันติภาพขึ้นได้ โดยกัมพูชาต้องหยุดยิงและไม่ส่งทหารมารุกล้ำคุกคามพื้นดินไทย แล้วมอบดินแดนไทยที่ยึดครองไว้กลับคืนมา

"วิธีเดียวสันติภาพจะเกิดคือ กัมพูชาต้องคืนดินแดนไทยกลับมา แล้วหยุดยิงทุกอย่างมันก็จบ แล้วสันติภาพก็บังเกิด แต่วันนี้ยังเรียกร้องหาสันติภาพไม่ได้เพราะกัมพูชายังยึดครองแผ่นดินไทยอยู่”

พร้อมทั้งกล่าวว่า กองทัพไทยวางเป้าสงครามไทย-กัมพูชาให้จบในสิ้นเดือน ธ.ค. ดังนั้นกองทัพต้องเร่งเวลาเอาแผ่นดินไทยกลับคืนมาจึงจะเกิดสันติภาพจริงขึ้นมาได้ ซึ่งไม่ใช่สันติภาพจอมปลอมตามการประชุมพิเศษที่มาเลเซียเพื่อตกลงหยุดยิงเมื่อ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ดังนั้นก่อนถึงการประชุมอาเซียน 22 ธ.ค.นี้ หากทั้งสองประเทศไม่ตกลงหยุดยิงแล้ว สงครามต้องดำเนินต่อไป และไทยก็ไม่มีทางถอยทัพออกจากแผ่นดินแม่ของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ทั้งประชาชนกัมพูชาและคนไทยบางส่วนเรียกร้องให้เกิดสันติภาพซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าเป็นสันติภาพจอมปลอมแล้วจะนำไปสู่ปัญหากันอีกได้ และไทยคงไม่ยอมเอาดินแดนไปแลกสันติภาพ ดังนั้นสันติภาพและสงครามจึงเป็นเป็นความละเอียดอ่อนกับการเลือกตั้งทั่วไปของไทยตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศให้มีขึ้นทั่วประเทศวันที่ 8 ก.พ. 2569

นายจตุพร ไม่แน่ใจว่า กกต. รู้ว่าสงครามจะจบในสิ้นปีนี้หรือเปล่า จึงแสดงความแข็งกร้าวว่ามีสงคราม มีระเบิดก็จะจัดการเลือกตั้งให้ได้ ส่วนตนยืนยันว่า ถ้าสงครามจบโดยไทยไม่เสียดินแดนเป็นเรื่องประเสริฐ หากไทยยอมให้กัมพูชามายึดครองดินแดนแล้ว ไทยย่อมหมดสิ้นศักดิ์ศรีเกียรติภูมิความเป็นชาติ คงไม่มีชาติใดเกรงใจ ดังนั้น ไทยต้องปกป้องเกียรติภูมิชาติเอาไว้

"กัมพูชาต้องคืนดินแดนไทยที่เข้ามายึดครองกลับมา แต่วันนี้เรียกร้องหาสันติภาพไม่ได้ เพราะในอดีตไม่เคยมีจริง ดังนั้น ถ้าสงครามจะจบในสิ้นปีนี้ ต้องไม่จบแบบโง่ๆ เหมือนเจรจาหยุดยิงรอบแรก (28 ก.ค.) ซึ่งคนไทยคงไม่ยอมแน่” นายจตุพร ย้ำ

อีกทั้งกล่าวว่า ขณะนี้ไทยมีความชอบธรรม เพราะกัมพูชายังเป็นภัยสแกมเมอร์ที่คุกคามประเทศอื่นทั่วโลก จึงขอเตือนดังๆ กันไว้ว่า วันนี้เรื่องดินแดนเป็นเรื่องใหญ่ ถ้านักการเมืองยังไม่รู้สึกรู้สา คนไทยหากไม่รักแผ่นดินเกิดของตัวเองแล้ว คนพวกนี้ปล่อยไว้ก็เปลืองลมหายใจของประเทศนี้เสียเปล่า ซึ่งการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอาจจะเกิดขึ้นอีกรอบ

นายจตุพร กล่าวถึงความกังวลว่า กกต.ประกาศรับสมัครรับเลือกตั้ง 27-31 ธ.ค.นี้ ถ้าสงครามไม่สงบแล้ว จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาโดยประชาชนอยู่ศูนย์พักพิง นักการเมืองจะไปหาเสียงอย่างไรและการจัดหน่วยเลือกตั้งพิเศษจะไม่มีการหาเสียงใช่หรือไม่

นอกจากนี้ กกต.พยายามอธิบายว่า จัดเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม แต่การทำหน้าที่อย่างเร่งรีบจะนำไปสู่เลือกตั้งโมฆะที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 2 เม.ย.2549 และ 2 ก.พ.2557 จนทหารยึดอำนาจล้มกระดานเลือกตั้ง ล้วนมาจากการทำหน้าที่ของ กกต.ส่วนหนึ่งด้วย แต่กลับไม่รู้สึกรู้สา ทำเป็นอวดเก่งอวดดีกันอีก

“สิ่งสำคัญ กกต.ควรนัดพรรคการเมือง รัฐบาล และฝ่ายความมั่นคงมาคุยพร้อมกันถึงบรรยากาศสงคราม หารือความเป็นไปได้ในการเลือกตั้ง และประชาชาชนได้รับรู้มีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการจัดการเลือกตั้ง”

อีกอย่างเมื่อแต่ละพรรคการเมืองย่อมรณรงค์หาเสียงในปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่แตกต่างกัน โดยทหารอยู่ในสงคราม เอาชีวิตไปทวงแผ่นดินคืนและประชาชนอยู่ศูนย์พักพิง หลบกระสุนปืนจะมีความรู้สึกอย่างไร

"ถ้ามั่นใจสงครามจะสิ้นสุดจริง ทำไมไม่รอเพื่อให้รับสมัครทุกพื้นที่อย่างเสมอภาค ถ้ายังเลือกตั้งแบบนี้อีก 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ย่อมไม่เสมอภาคกันแล้ว พรรคการเมืองหาเสียงก็จะถกเถียงด้วยเนื้อหาย่ำยีคนที่สู้รบกันอยู่"

พร้อมย้ำว่า นับจากนี้ไปถึงการประชุมผู้นำกลุ่มอาเซียนวันที่ 22 ธ.ค.นี้ การสู้รบชายแดนไทยต้องไม่หยุดจนกว่าจะเอาแผ่นดินคืนมาให้ได้ หากมีการหยุดยิงแล้วให้ถือครองพื้นดินตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น เหมือนเจรจาหยุดยิงเมื่อ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา จนนำไปสู่การรบกันใหม่ไม่สิ้นสุด ซึ่งคนไทยคงไม่ยอมง่ายๆ

"กัมพูชาต้องคืนแผ่นดินที่บุกรุกยึดครองกลับคืนมาให้ไทยแล้วสงครามก็ไม่เกิด ถ้ายังไม่คืนจะให้ไทยยืนกุมเป้าตาปริบๆ มันก็ไม่เหลือสภาพความเป็นประเทศ ไทยก็ต้องลุกขึ้นสู้ แลกชีวิตและความสูญเสียทุกอย่างเพื่อทวงพื้นดินเราคืนมาอีก".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทัพเรือเผยเหตุเขมรบุกหนัก เคยใช้สไนป์เปอร์ลอบยิง ผบ.หน่วย ก่อนเปิดฉากรบ

โฆษกกองทัพเรือเปิดเผย ช่วงก่อนการโจมตีบ้านเรือน 3 หลัง ฝ่ายกัมพูชามีความพยายามยั่วยุหลายครั้ง รวมถึงเหตุใช้พลซุ่มยิงลอบยิงผู้บังคับหน่วยระดับผู้นำ ก่อนสถานการณ์พัฒนาไปสู่การสู้รบ

กองทัพบกประณามกัมพูชา ใช้กำลังโจมตีพลเรือนชายแดน

โฆษกกองทัพบกระบุ การโจมตีชุมชนและบ้านเรือนประชาชนใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการใช้กำลังไม่เลือกเป้าหมาย ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนไทยจำนวนมาก

ทภ.2 สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเป็นระยะ โดรนฝ่ายตรงข้ามหนาแน่น

กองทัพภาคที่ 2 รายงานภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบการปะทะต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายตรงข้ามใช้งานโดรนและอาวุธหนักหนาแน่น ขณะฝ่ายไทยยิงตอบโต้ทำลายที่ตั้งยิงและยานพาหนะได้หลายครั้ง สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุม

ทภ.2 มีหลักฐานเขมรละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎหมายมนุษยธรรม 3 ประการ

กองทัพภาคที่ 2 เปิดข้อมูลการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 13 วัน ระบุพบพฤติกรรมทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ชี้ชัดการใช้โบราณสถานเป็นฐาน การดึงพลเรือนร่วมปฏิบัติการ และการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่การรบ

'ปานเทพ' เรียกร้องเอาผิดไส้ศึกส่งน้ำมันให้เขมร ชี้เข้าข่ายโทษประหาร!

ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ระบุผู้ที่ส่งน้ำมันซึ่งเป็นยุทธปัจจัยให้กัมพูชา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เข้าข่ายช่วยข้าศึกทำร้ายทหารและพลเมืองไทย ขอให้ประชาชนช่วยแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

ไทยมีมนุษยธรรม นำชิ้นส่วนศพทหารเขมร ฝาก รพ. เก็บไว้ แม้กัมพูชาปฏิเสธรับกลับ

ศพทหารกัมพูชาที่ชายแดน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง หลังกัมพูชาปฏิเสธรับศพทหารตัวเองกลับ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เก็บชิ้นส่วนศพทหารเขมร ฝาก รพ.ตราด รอประสานหน่วยงานกัมพูชามารับกลับภายหลัง