
13 ธ.ค. 2565- ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรม “อสม. เชียงใหม่ รวมพลังกายใจ นำประชาชนไทยรับวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้น” โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค คณะผู้บริหาร นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ อสม. ของจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมงานกว่า 2,000 คน
นายอนุทิน กล่าวว่า สถานการณ์โควิด 19 ของไทยขณะนี้ แนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว จะมีกิจกรรมรวมกลุ่มของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวส่งผลให้เชื้ออยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานและแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น กระทรวงสาธารณสุขจึงเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีน เพื่อลดการป่วยอาการรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 มีเป้าหมายให้ทุกจังหวัดฉีดวัคซีนรวมได้อย่างน้อย 2 ล้านโดส ภายในเดือนธันวาคม 2565 โดยเน้นสื่อสารให้ประชาชนทราบถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละ 4 เข็ม เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้สูงพอ ซึ่งในช่วงรณรงค์ ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2565 ถึงปัจจุบัน ฉีดไปแล้วกว่า 8 แสนโดส และตั้งแต่เริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนมา ได้ให้บริการฉีดวัคซีนสะสมกว่า 145 ล้านโดส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทย ช่วยสร้างเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2565 ที่มีแนวคิด “Health for Wealth : คนไทยสุขภาพดี เศรษฐกิจมั่งคั่ง” สู่เป้าหมาย “คนไทยแข็งแรง เศรษฐิจไทยเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง”
นพ.โอภาสกล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวหลักที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพื้นที่มากขึ้นในช่วงฤดูหนาวนี้ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2565 จึงมีการจัดกิจกรรม “ชาวเชียงใหม่ฮ่วมใจ๋ฉีดวัคซีนโควิด เข็มกระตุ้น” โดยเปิดหน่วยฉีดทั้งเชิงรับในโรงพยาบาล และบริการหน่วยฉีดวัคซีนเชิงรุก (mobile vaccine unit) ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ชุมชน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และโรงเรียน พร้อมทั้งให้ อสม. เป็นเครือข่ายช่วยประชาสัมพันธ์กระตุ้นประชาชนให้เข้ารับวัคซีน สำหรับกิจกรรมรณรงค์ฉีดวัคซีนในวันนี้ จะช่วยสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการได้รับวัคซีนโควิด 19 อย่างน้อยคนละ 4 เข็ม โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
ด้าน นพ.ธเรศ กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4-10 ธันวาคม 2565 พบผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 3,961 ราย เฉลี่ย 565 รายต่อวัน แม้ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว แต่มีจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบเพิ่มขึ้นเป็น 649 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 3 จำนวนผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้นเป็น 385 ราย หรือร้อยละ 10 นอกจากนี้ ยังพบผู้เสียชีวิตรวม 107 ราย เฉลี่ย 15 รายต่อวัน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์ โดยพบว่ากลุ่ม 608 เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19 สูงสุดถึงร้อยละ 97 ทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย และ ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือน
“กรมควบคุมโรค ขอย้ำมาตรการที่สำคัญสำหรับประชาชนทั่วไปและกลุ่ม 608 ขอให้ไปรับวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 4 เข็ม ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน ขอให้รีบไปฉีดวัคซีนเข็มถัดไป เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันการป่วยหนัก และลดการเสียชีวิตจากเชื้อโควิด 19 โดยไม่ต้องรอวัคซีนรุ่นใหม่” นพ.ธเรศ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
จับตา ครม. พิจารณา 4 มาตรการเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้
การประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณา 4 มาตรการเพื่อฟื้นฟู-เยียวยาประชาชน ผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้

