วิธีผ่อนคลายในช่วงโควิด-19 มีให้เลือกหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือการอ่านหนังสือ เพราะไม่ใช่การอ่านจะช่วยเติมความรู้ แต่ทว่าช่วยให้เราสามารถปรับพฤติกรรม การดำเนินชีวิตไปในทางบวกได้ และยังช่วยทำให้เกิดการพัฒนาด้านต่างๆอีกด้วย โดยเฉพาะความคิดและมุมมองด้านใหม่ๆ และนั่นจึงทำให้เกิดความเพลิดเพลิน จากการหยิบหนังสือเล่มโปรดขึ้นมา เพราะการใช้เวลาอยู่กับสื่อออนไลน์มากเกินไป อาจทำให้หลายคนรู้สึกเบื่อ แต่หลายคนมักเกิดคำถามว่า นิสัยรักการอ่านนั้นจะต้องเริ่มจากจุดไหน เพราะจากผลสำรวจพบว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละไม่เกิน 2 เล่ม และเสียเงินไปกับการซื้อหนังปีละ 260 บาท ขณะที่เพื่อนบ้านอย่าง คนเวียดนามและสิงคโปร์นั้น อ่านหนังสือคนละไม่ต่ำกว่า 40-60 เล่มต่อปี เพื่อช่วยให้แต่คนแต่ละช่วงวัยเลือกอ่านหนังสือได้ถูกต้อง และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านเมื่อยามว่าง ท่ามกลางชีวิตภายใต้วิธีนิวนอร์มอล ได้อย่างมีความสุขและสุขภาพจิตที่ดี

งานนี้ “สุจิตร สุวภาพ” เลขานุการ สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ให้ข้อมูลว่า “ หลักการเลือกอ่านหนังสือที่ดี ต้องเริ่มจากการจำแนกกลุ่มของผู้อ่าน เช่น หากเป็นวัยรุ่นวัยเรียนหนังสือที่อ่านก็จะเป็นคนละแนวกับ วัยทำงาน และวัยเกษียณ ดังนั้นขอเริ่มจากกลุ่มคนทำงานที่บ้าน หรือ “คนเวิร์คฟอร์มโฮม” ซึ่งเรารู้กันว่าคนกลุ่มต้องทำงานที่บ้าน ไม่สามารถออกไปออกกำลังกายนอกบ้านได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาวิธีคลายเครียด เพราะจะทำให้ทำงานทั้งวันก็คงไม่ดี แต่การที่จะอยู่กับมือถือมากเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น สายตา หรือแม้แต่การที่คนทำงานหยิบมือถือ มาเปิดดูภาพยนต์ที่ดาวโหลดมาแอพพิเคชั่นออนไลน์ หากดูมากเกินไปก็ทำให้รู้สึกเบื่อ ดังนั้นการอ่านหนังสือจึงเป็นวิธีผ่อนคลายที่ดี เช่น การที่คนวัยทำงานหยิบหนังสือในตู้ ที่เคยอ่านแล้วกลับมาอ่านอีก ก็ทำให้เราย้อนกลับไปคิด ในสิ่งที่เราเคยอ่านเมื่อครั้งวัยหนุ่มสาวได้ ประกอบโควิด-19 นั้น ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไป คือทำให้เราถอยหลัง กลับไปใช้ชีวิตที่สโลว์ไลฟ์มากขึ้น และกลับไปอยู่กับธรรมชาตินั่นเอง
“สิ่งที่พี่เห็นอีกอย่างหนึ่งคือการ นักเขียนหลายคนใช้เวลาว่างช่วงโควิดระบาด หยิบหนังสือเล่มเก่าในตู้ที่เคยอ่านแล้วมาอ่านอีก ซึ่งตรงนี้มันทำให้เกิดความประทับใจได้เช่นกัน เพราะตอนที่เราอ่านหนังสือนี้ เรายังเป็นวัยรุ่น ความประทับใจมันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นไปด้วยความประทับใจแบบหวือหวา ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี หรือ 10 ปี ความดื่มด่ำในอรรถรสของการอ่านหนังสือ มันจะเปลี่ยนไปทำให้รู้สึกซึ้ง ในการอ่านหนังสือเล่มเดิมมากขึ้น เพราะเรามีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากขึ้น พูดได้ว่าวิกฤตโควิด-19 นั้นถือเป็นสิ่งที่ดี ในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ที่ทำให้เราได้อ่านหนังสืออีกครั้ง และเมื่ออ่านแล้วก็ทำให้เกิดความประทับใจ”
“อ.สุจิตร” บอกอีกว่า สำหรับหลักในการเลือกอ่านหนังสือที่ดีนั้น อันดับแรกอยู่ที่ความสนใจ และตั้งใจที่จะอ่านหนังสือเล่มนั้นจริงๆ เพราะความสนใจของคนแต่ละช่วงวัยนั้นต่างกัน “ เช่นหากเป็น “คนวัยเกษียณ” ความสนใจอาจอยู่ที่อาหารและงานบ้าน หรือการออกกำลังกายเบา อย่างการเล่นโยคะ หรือหนังสือที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว หนังสืองานเย็บปักถักร้อย หนังสือสุขภาพ เพราะคนวัยนี้ไม่ต้องการอะไรมาก เพียงแค่มีกิจกรรมทำไม่ให้อยู่ว่างๆ ดังนั้นคนกลุ่มนี้ก็มักจะเลือกอ่านหนังสือในสิ่งที่ตัวเองสนใจ แต่สิ่งสำคัญคือการที่เราจะทำอย่างไร ให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงหนังสือที่ตัวเองสนใจได้ ดังนั้นการที่นักเขียนใช้ช่องทางโซเชียล เป็นตัวแนะนำหนังสือให้กับคนกลุ่มนี้ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ และทำให้คนวัยเกษียณเลือกหนังสือได้ตรงจริตมากขึ้น หรือแม้แต่การพิมพ์ตัวอักษรในหนังสือให้ตัวใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับสายตาคนกลุ่มนี้ หรือแม้แต่การดีไซน์หนังสือ ให้คนวัยเกษียณได้อ่านผ่านรูปภาพ ที่เป็นตัวเล่าเรื่อง ก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง

ไล่มาถึงการเลือกหนังสือของ “กลุ่มเด็กและเยาวชน” นั้น เนื่องเด็กวัยนี้จำเป็นต้องมีคนไกด์ไลน์ในการตัดสินใจเลือกหนังสือที่ชอบสักเล่ม ไม่ว่าจะเป็นครูพ่อแม่ เพราะเด็กวัยนี้มักจะไม่มีคนคอยชี้แนะ ประกอบเด็กมักมองว่าตัวเองนั้นมีตัวตน ดังนั้นถ้าจะให้ดีต้องมีคนที่คอยชี้แนะเรื่องการอ่าน แต่สุดท้ายเด็กก็จะเป็นผู้เลือกเองว่า เขายากจะอ่านหนังสือแนวไหน เช่น ชมรมรักการอ่าน และทางสสส.ได้ทำการวิจัยและมีคณะกรรมการ ในการเลือกหนังสือน่าอ่าน 100 เล่ม ไว้ให้กับเยาวชนที่สนใจ ซึ่งสามารถเลือกอ่านตรงตามช่วงวัยของเด็กๆ ตรงนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการฝึกนิสัยการอ่านให้กับเด็กๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าทำหล่อ! เรียกตัวเองพวก 'ก้าวหน้า' จนกว่าอ่านหนังสือ 3 เล่มนี้ก่อน
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นพวก "ก้าวหน้า" และอย่าทำหล่อ เรียกคนอื่นว่าเป็น "ฝ่ายอนุรักษ์" หรือ "อนุรักษ์นิยมก้าวหน้า"
'หมอมนูญ' กางสถิติ รพ.วิชัยยุทธโควิด19 เริ่มลดลง
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
โควิดรายสัปดาห์พุ่ง พบผู้ป่วยรายใหม่ 29,415 ราย เสียชีวิต 22 ราย
กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานสรุปสถานการณ์โควิด 19 รายสัปดาห์ ข้อมูลประจำสัปดาห์ที่ 26 (22-28 มิถุนายน 2568)
น่าห่วง! อาจารย์หมอจุฬาฯ เผยโควิด-19 รอบ 4 สัปดาห์ เสียชีวิตมากถึง 116 ราย
ในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนคนเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มีมากถึง 116 ราย สูงกว่าไข้หวัดใหญ่ 29 เท่า
น่าห่วง! โควิด-19 พุ่ง ยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิต ทำลายสถิติรายสัปดาห์ของปีนี้อีกครั้ง
ตัวเลขโควิด-19 สัปดาห์ที่ 22 (25-31 พ.ค. 2568) อัปเดต 05.20 น.จาก delayed report ตอนนี้เพิ่มจาก 65,846 ราย ตาย 3 ราย ไปเป็น 73,065 ราย ตาย 6 ราย
5 ของว่างที่อุดมด้วยวิตามินคลายเครียดเพิ่มพลังสมองระหว่างวัน
ในยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบและความกดดัน การเลือกทานของว่างที่เหมาะสมสามารถช่วยคลายเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้อย่างมีประสิทธิผล


