สถานทูตUSปัดหนุน3นิ้ว กรมคุกแจงกวิ้นลด6.2กก.


เพิ่มเพื่อน    

 สถานทูตสหรัฐแจงไลน์หลุด อ้างชื่อ Agent H. พันอดีตเจ้าหน้าที่ทูตเป็นของปลอม แต่ยอมรับมีตัวตนจริงและพ้นหน้าที่ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ยันไม่เคยให้เงินสนับสนุนกลุ่มการเมือง   แต่สนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม จบดรามาน้ำหนักเพนกวิน กรมคุกเผยเอง ลดไปแค่ 6.2 กิโลกรัม ส่วน "รุ้ง" อดทีหลังลดแล้ว 8 โล "บิ๊กตู่" ย้ำดูแลทุกคนเพราะเป็นคนไทย

    เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 หลังมีการแชร์แชตไลน์หลุดที่ระบุว่า เป็น “ลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว” คุยกับนาย Henry Rector  Senior Diplomatic Adviser จนท.สถานทูตสหรัฐอเมริกา ในเรื่องความเคลื่อนไหวของการชุมนุม และทำให้ Agent H. ถูกพูดถึงวิพากษ์วิจารณ์ว่าสหรัฐสนับสนุนความเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบ นั้น  
    โฆษกสถานทูตสหรัฐอเมริกา นิโคล ฟ็อกซ์ ได้ชี้แจงถึงกรณีที่โซเชียลมีเดียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการเผยภาพไลน์แชต    โดยอ้างว่าเป็นอดีตเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐกับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยนั้น โดยสถานทูตยืนยันว่า แชตไลน์ดังกล่าวเป็น a complete fabrication ถูกทำขึ้นมา  
    อีกทั้งเจ้าหน้าที่ทูตคนดังกล่าวได้พ้นหน้าที่ออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่ ก.ค.2020 และไม่มี Line Account  และไม่เคยติดต่อกับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนดังกล่าวของไทย
    โฆษกสถานทูตสหรัฐยังขออ้างอิงถึงแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ ว่า ก็เคยมีภาพของอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำไทยไปพบปะกับนักศึกษา แกนนำการชุมนุม ที่ถูกนำไปบิดเบือนว่า สหรัฐสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมหรือนักศึกษาเหล่านั้นมาแล้ว
    สถานทูตสหรัฐขอยืนยันอีกครั้งว่า เอกอัครราชทูตทุกท่าน และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ พบปะกับคนไทยในหลากหลายภาคส่วนอยู่เป็นประจำ มิใช่เพียงแต่นักเรียนนักศึกษาและเยาวชนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบุคคลในรัฐบาล กองทัพ ภาคธุรกิจ และผู้นำในภาคส่วนอื่นๆ ด้วย การพบปะเช่นนี้มิได้แสดงถึงการสนับสนุนมุมมองหนึ่งมุมมองใด รัฐบาลสหรัฐมิได้ให้เงินทุนหรือให้การสนับสนุนอื่นใดแก่การประท้วงใดๆ ในประเทศไทย สหรัฐมิได้สนับสนุนบุคคลหรือพรรคการเมืองใด หากแต่เราสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม
    ในฐานะมิตรประเทศของไทย เราสนับสนุนให้ทุกฝ่ายดำเนินการใดๆ ด้วยความเคารพและระมัดระวังต่อไป ตลอดจนมีส่วนร่วมในการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ถึงแนวทางในการที่ประเทศจะก้าวต่อไปข้างหน้า
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โฆษกสถานทูตสหรัฐได้ตอบคำชี้แจงมาทางผู้สื่อข่าวที่ได้ส่งคำถามไปถามหลังจากเกิดประเด็นดังกล่าวขึ้นมา โดยเขียนเป็นคำตอบและแถลงการณ์อย่างเป็นทางการผ่านทางอีเมลของผู้สื่อข่าว  
    ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย วันเดียวกันนี้ กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ , นายพิชิต ไชยมงคล และนายภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ พร้อมด้วยมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมายื่นแถลงการณ์กรณีการแทรกแซง ทำลายความมั่นคงไทย ต่อนายไมเคิล ฮีธ อุปทูต และรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานด้านการเมืองของสถานเอกอัครราชทูตฯ มารับหนังสือแทน
    โดยนายพิชิตได้ยืนอ่านแถลงการณ์หน้าสถานเอกอัครราชทูตฯ ก่อนมอบหนังสือ โดยมีใจความว่า ปรากฏข่าวกรณีนายเดวิด สเตร็คฟัสส์ และบุคคลอักษรย่อ H เมื่อสืบค้นข้อมูลก็ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มุ่งทำลายความมั่นคงของไทย ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งยังพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่ปฏิบัติการลับของสหรัฐ ถ้าหากความที่กล่าวข้างต้นเป็นจริง ทางกลุ่มเห็นร่วมกันว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดอธิปไตยไทย ที่ชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด อันมิอาจยอมรับได้อีกต่อไป ทั้งจะถือว่าการกระทำดังกล่าวมิใช่การทำหน้าที่ในฐานะทูต แต่เป็นปฏิบัติการทางทหารโดยร่วมมือกับองค์กรลับของสหรัฐเพื่อทำให้ไทยเข้าสู่ภาวะล่มสลาย
    ด้านนายนิติธรให้สัมภาษณ์ว่า ได้คุยกับเจ้าหน้าที่สหรัฐว่าเขาก็ต้องตรวจสอบและเปิดเผยอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันเราก็ต้องตรวจสอบ แต่ว่าเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงแบบนี้ มันเป็นข้อเท็จจริงที่น่ากังวลและน่าเป็นห่วง เราจึงมายื่นหนังสือตรงนี้
    วันเดียวกันนี้ กรมราชทัณฑ์แจ้งอาการของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ว่าทัณฑสถานหญิงกลาง พยาบาลประจําสถานพยาบาล ภายในทัณฑสถานได้ตรวจสุขภาพและให้คําปรึกษากับผู้ต้องขังเมื่อวันที่ 19 เม.ย. เวลา 15.00 น. พบว่าผู้ต้องขังรู้สึกตัวดี ถาม-ตอบรู้เรื่องและเข้าใจ ตอบตรงคําถาม มีปฏิสัมพันธ์ดี ช่วยเหลือตัวเองได้ ด้านสัญญาณชีพปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.6 องศาเซลเซียส ปกติ ไม่มีไข้ ความดันโลหิต 112/78 mmHg ชีพจร 100 ครั้ง/นาที ปกติ อัตราการหายใจ 20 ครั้ง/นาที น้ำหนัก 104 กิโลกรัม ลดจากเมื่อแรกรับเข้าเรือนจำ น้ำหนัก 112 กิโลกรัม ไม่มีอาการเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย ไม่ปวดศีรษะและไม่มีอาการเวียนหัวแต่อย่างใด เจ้าตัวยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหารต่อเนื่อง ดื่มเพียงนม น้ำหวาน และเกลือแร่ สุขภาพร่างกายทั่วไปถือว่าปกติ
    ส่วนนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ซึ่งอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร วันที่ 20 เม.ย. เวลา 07.20 น. เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำสถานพยาบาลเรือนจำฯ ได้เข้าตรวจสุขภาพ โดยทั่วไปรู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง มีอาการอ่อนเพลีย ริมฝีปากแห้ง ไม่มีอาการเวียนศีรษะ ไม่มีอาการวูบ ลุกนั่ง-ลุกเดินทำกิจวัตรประจำวันได้ ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร ขอดื่มแต่น้ำเกลือแร่ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 5%D/N/2 1,000 ml. อัตราหยด 60 ml./hr. สัญญาณชีพโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.2 องศาเซลเซียส อัตราเต้นของหัวใจ 56 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 20 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 114/72 mmHg ปฏิเสธการเจาะวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้ว น้ำหนัก 96.8 กิโลกรัม (น้ำหนัก แรกรับตัว 103 กิโลกรัม) โดยมีสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ ภาวะช็อกจากน้ำตาลต่ำ จากการอดอาหาร และอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มจากอาการอ่อนเพลีย ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังดูแลอย่างใกล้ชิดและช่วยเหลือเพื่อป้องกันเหตุ
    นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกรณีระบุนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร อาจถูกพิพากษาจำคุกไม่ต่ำกว่า 50 ปี ว่าเป็นการพิเคราะห์จากข้อหาที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง ประกอบกับอัตราโทษสูงสุดที่กฎหมายเขียนไว้ในมาตรานั้น อย่าง ป.อาญา ม.112 นั้นอัตราโทษสูงสุดคือ 15 ปี ซึ่งคดีที่เพนกวินโดนยื่นฟ้องก็ 4 คดีแล้ว ให้การต่อสู้คดี ไม่ได้รับสารภาพ โดยที่ยังปฏิเสธไม่รับกระบวนการ แต่โจทก์ก็สามารถสืบพยานต่อได้ ทำให้ก็มีโอกาสที่จะถูกตัดสินในอัตราโทษสูงสุด 4 คดีก็ 60 ปีแล้ว แต่กฎหมายจะให้จำคุกในข้อหานี้ได้รวมแล้วไม่เกิน 50 ปี
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า คงไม่ต้องห่วงเรื่องการอดข้าวประท้วง เพราะเป็นเรื่องที่ท่านตัดสินใจเอง แต่ผมก็เป็นห่วงเรื่องของสุขภาพ เพราะอย่างไรก็ตามท่านก็เป็นคนไทยที่ผมต้องดูแลเช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ขอให้แยกแยะออกจากกันว่าอะไรผิดอะไรถูก เพราะฉะนั้นการอดข้าวจะมีผลต่อกระบวนการยุติธรรมก็คงไม่ใช่ เพราะเป็นกระบวนการของศาล กระบวนการยุติธรรม
    นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) พร้อม กสม. ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ 2563 โดย กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 465 เรื่อง เป็นการร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรม 170 เรื่อง, สิทธิพลเมือง 74 เรื่อง, สิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน 53 เรื่อง ซึ่งพื้นที่ที่มีการร้องเรียนแสนสูงสุดคือตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวน 90 เรื่อง ซึ่ง กสม.ได้ตรวจสอบคำร้องและจัดทำรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวน 387 เรื่อง เช่น สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย กรณีชีวิตของนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวและตรวจเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมาย.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"