แห่แจ้งความแม่ชีเก๊ เอาผิดฉ้อโกงยกแก๊ง


เพิ่มเพื่อน    

 

แฉภิกษุณีเก๊-อรหันต์ลวงโลก พร้อมสาวกตุ๋นยกหมู่บ้าน กว่า 200 ราย แห่เข้าแจ้งความกว่า 50 คน เผยเสียหายนับสิบล้านบาท อ้างเทวดาประทานโชคสะสมบุญผ้าป่าทองคำ แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กำลังดูฤกษ์ยามที่จะคืนให้ ตร.ชี้ไม่ต่างจากแชร์ลูกโซ่ ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงเป็นรายบุคคล ต่างกรรมต่างวาระ สอบเส้นทางการเงิน เชื่อมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่านี้ พร้อมเตรียมฝากขัง ผงะ! เจอชุดโปรดสัตว์ยามราตรีในห้องสาวกสาว

    เมื่อวันที่ 28 เมษายน มีชาวบ้านจากหมู่บ้านโพนแดงน้อย หมู่ 8 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กว่า 50 คน เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน กรณีมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.อิสรีย์ อินทร์ไชยา หรือแม่ชีอู๋ อายุ 49 ปี แอบอ้างเป็นพญาธรรมิกราช ผู้สำเร็จธรรมชั้นพิเศษ ร่วมกับสาวก ประกอบด้วย นางดรุณี จันทะนาม อายุ 45 ปี และ น.ส.ไพลิน สุนทรสุวรรณ อายุ 31 ปี หรือแม่ชีการ์ตูน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ทำให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทนไม่เพียงพอในการสอบปากคำ ต้องขอความช่วยเหลือจาก สภ.เมืองนครพนมส่งพนักงานสอบสวนไปช่วย
    นางกชกร (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี อาชีพเกษตรกร หนึ่งในชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อ เล่าลำดับเหตุการณ์ว่า ช่วงต้นเดือนมีนาคม 64 มีคนในหมู่บ้านไปทำอาหารให้สถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนาพระพุทธสักขี เลขที่ 210 หมู่ 1 บ้านดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม แล้วมาเล่าว่ามีพระอรหันต์ผู้สำเร็จญาณชั้นสูงสุดต้องการจะช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ขอเพียงเชื่อมั่นในองค์ท่าน ทุกอย่างจะได้ตามประสงค์ สะสมบุญเป็นกองทุนผ้าป่าเงินสดกองละ 2,700 บาท หรือกองทุนผ้าป่าทองคำกองละ 3,500 บาท โดยให้คำมั่นสัญญาว่าไม่เกิน 110 วันจะได้ผลตอบแทนเป็นทองคำรูปพรรณกองละ 1 สลึง ส่วนผู้สะสมกองบุญเงินสดจะได้เงินสด 6,000 บาท ตนจึงลงทุนซื้อกองบุญทองคำจำนวน 5 กอง และก็เป็นจริง เพียงอาทิตย์เดียวก็ให้ไปรับทองคำ 5 สลึง
    นางกชกรเล่าต่อว่า เกิดความเชื่อศรัทธาว่าพระอรหันต์ลงมาโปรดสัตว์โลก จึงชักชวนญาติพี่น้องไปร่วมซื้อกองบุญกัน ส่วนตัวเองซื้อผ้าป่าทองคำไปกว่า 30 กอง ส่วนญาติๆ และเพื่อนบ้านก็ซื้อตามกำลังทรัพย์ เพราะถือว่าเป็นการลงทุนระยะสั้น ไม่ถึง 10 วันก็ได้กลับมาเป็นสองเท่า ประกอบสายบุญออกมาแพร่ข่าวว่าเทวดามีโปรโมชั่นพิเศษ มีกองทุนทองคำ 40 กอง ใครต้องการต้องรีบๆ เดี๋ยวจะหมด ก็มีคนแห่กันซื้อ เพียงไม่ถึงชั่วโมงกองทุนนั้นก็หมดเกลี้ยง จากนั้นสายบุญก็บอกให้รอถึงวันที่ 30 มี.ค. จะได้รับผลบุญที่ลงไปกันครบถ้วน เวลาล่วงเลยมาถึงเดือน เม.ย.ก็ไม่มีวี่แววเทวดาจะลงมาโปรด สอบถามไปก็อ้างเทวดากำลังดูฤกษ์ยามอยู่ วันที่ 27 เม.ย. ตนทนรอไม่ไหวจึงเดินทางไปที่สำนักปฏิบัติธรรม ยังไม่ทันทำอะไรก็มีตำรวจมาจับกุมแม่ชีทองพูนกับแม่ชีการ์ตูนไปดำเนินคดี เพราะมีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.กุตาไก้ อ.ปลาปาก ตนจึงกลับมาที่บ้านชักชวนผู้ที่ลงทุนไปแจ้งความที่ สภ.ท่าอุเทน ซึ่งทั้งหมู่บ้านถูก น.ส.อิสรีย์หลอกลวงแล้วกว่า 200 คน
    ขณะที่นายสำอาง (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ชาวบ้านโพนแดงน้อยเช่นเดียวกัน เผยว่า เห็นคนในหมู่บ้านแห่ก็ซื้อกองทุนดังกล่าวเกือบทุกหลังคาเรือน กลัวจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโง่จึงลงทุนซื้อกองบุญผ้าป่าเงินสด 1 กองเท่านั้น คำตอบเหมือนกันคือให้รอวันที่ 30 มี.ค. เทวดาจะมอบของให้ รอจนจะสิ้นเดือน เม.ย. รู้ว่าถูกหลอกแน่และเห็นข่าวในสื่อต่างๆ จึงพากันมาแจ้งความ รวมเบ็ดเสร็จชาวบ้านหมู่เดียวถูกหลอกยกหมู่บ้าน
    ด้านการดำเนินคดี พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า มอบหมายให้ทางฝ่ายสอบสวนและสืบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินของ น.ส.อิสรีย์ว่ามีการโอนถ่ายไปให้ใคร เพราะเชื่อว่าต้องมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่านี้แน่นอน หากหลักฐานสาวไปถึงใครก็จับมาดำเนินคดีหมดทุกราย
    พ.ต.อ.แสวง คนคล่อง ผกก.สภ.ท่าอุเทน เปิดเผยว่า ได้ตั้งทีมพนักงานสอบสวนไว้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกรณีถูกหลอกซื้อกองทุนผ้าป่า ให้รีบมาแจ้งความเพื่อพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับผู้ต้องหา จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีผู้เสียหายเกือบ 200 รายที่ถูกหลอกกำลังทยอยเข้ามาแจ้งความกับตำรวจ ส่วนรูปแบบ จากการสอบถามชาวบ้านเป็นกลโกงไม่ต่างจากแชร์ลูกโซ่ ซึ่งถือเป็นความผิดฉ้อโกงประชาชน จะต้องมีการดำเนินคดีเป็นรายบุคคล ต่างกรรมต่างวาระ ส่วนความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ และโทษสูงสุดจำคุก 2 ปี ในผู้เสียหาย 1 ราย หากมีหลายรายจะเพิ่มโทษตามความผิดที่เกิดขึ้น เพราะเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ
    ทั้งนี้ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม ร่วมกับว่าที่ร้อยตรี ดร.จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดฯ เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์อำเภอเมืองนครพนม นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมฝ่ายปกครอง นำหมายจับศาลจังหวัดนครพนม ที่ ค.181/2564 ลงวันที่ 27 เม.ย.2564 เข้าจับกุม น.ส.อิสรีย์ ฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน มีผู้เสียหายรวมกว่า 400 ราย มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และได้นำตัวผู้ต้องหาไปควบคุมตัวไว้ที่ สภ.เมืองนครพนม พร้อมถอดจีวรสีแดงที่ห่มกายออก ให้สวมชุดขาวอยู่ในห้องขัง เพื่อรอพนักงานสอบสวน สภ.กุตาไก้ มารับตัวไปสอบ โดยจะนำตัวไปเสนอศาลจังหวัดนครพนมขออนุมัติฝากขังวันที่ 28 เม.ย.
    ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม น.ส.อิสรีย์ ขณะถูกคุมตัวมาสอบสวนว่า รับรู้หรือไม่ว่ากระทำผิดกฎหมาย แต่เจ้าตัวยังพูดจาวกวนไปมาคล้ายคนป่วยจิต และยืนยันว่าตนเป็นอริยบุคคล เทียบเท่าอริยสงฆ์ ไม่ยึดติดกับสิ่งใด ไม่รับรู้สิ่งใดในโลกนี้แล้ว ส่วนการจัดตั้งกองทุนผ้าป่าเป็นการทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนยากจน แต่จะมีเวลาคืนเงินให้ตามความเชื่อศรัทธา จะต้องมีฤกษ์ยามที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคืนให้ แต่คนที่มาร่วมทำบุญเกิดความโลภจึงเกิดปัญหา ซึ่งหากทุกคนรอตามเวลากำหนดจะได้รับเงินคืน
    ด้านว่าที่ร้อยตรี ดร.จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นครพนม ให้ข้อมูลว่า น.ส.อิสรีย์ถือว่าเป็นบุคคลธรรมดา ไม่มีตำแหน่งทางสงฆ์ เพราะไม่มีตามพระธรรมวินัยหรือระเบียบสงฆ์ เทียบเสมือนแม่ชีธรรมดาหรือเป็นบุคคลธรรมดาตามกฎหมาย หากผิดกฎหมาย ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้เหมือนบุคคลทั่วไป ไม่ต้องผ่านการพิจารณาของคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ ส่วนพื้นที่ปฏิบัติธรรมไม่มีการขออนุญาตก่อตั้งตามกฎหมาย เป็นการจัดตั้งขึ้นเองในพื้นที่ส่วนบุคคล สามารถปฏิบัติธรรมได้ แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย  
    ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นห้องแม่ชีที่ปลูกเรียงรายอยู่ในสำนักเถื่อนนั้น ได้พบวิกผมสีทองและชุดกระโปรงสั้น ตลอดจนเครื่องสำอางชุดประทินความงาม ลอตเตอรี่จำนวนหนึ่ง และกล่องบรรจุทองคำรูปพรรณ สอบถามแม่ชีปลายได้ความว่าเป็นของแม่ชีการ์ตูน มีไว้สำหรับสวมออกไปตอนออกนอกสำนัก ซึ่งสอดคล้องกับชาวบ้านคนหนึ่งเผยว่า พบเห็นรถยนต์ออกจากสำนักนี้ในตอนดึกและจะกลับมาก็ย่างเข้าเวลาวันใหม่
    นายสุนทร ผูนา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ผู้ดูแลพื้นที่หมู่ 1 บ้านดงโชค ที่ตั้งสำนักเถื่อนแห่งนี้ เปิดเผยว่า ปี 2557 น.ส.อิสรีย์ได้มาซื้อที่ดินตรงนี้จำนวน 7 ไร่ พร้อมกับสร้างเป็นที่อยู่อาศัยมา 1 หลัง จากนั้นก็มาขอบ้านเลขที่กับตน เมื่อตรวจสอบก็เห็นเป็นบ้านพักทั่วไปจึงอนุญาตตามขั้นตอน ไม่นานก็เริ่มมีการสร้างพระพุทธรูปและสร้างบ้านเป็นหลังเพิ่มขึ้น ตนเห็นว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมจึงไม่เอะใจ กระทั่งมีข่าวก็รู้สึกตกใจ
    แหล่งข่าวในพื้นที่เปิดเผยว่า น.ส.อิสรีย์เป็นคนหมู่ 6 ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม หายออกจากบ้านไม่หลายปี กลับเข้ามาอีกทีก็มาเลาะหาซื้อที่ดิน ตอนนั้นยังไม่ได้โกนหัวเป็นแม่ชีด้วยซ้ำ เผลอแป๊บเดียวหลังซื้อที่ดินจำนวน 7 ไร่นี้แล้ว ก็กลายเป็นแม่ชีตั้งสำนักขึ้นมา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"