รู้ยัง! ชาว 3 นิ้วจะอดอาหารประท้วงเป็นเพื่อน 'เพนกวิน-รุ้ง' ตั้งแต่ 6 พ.ค. เป็นต้นไป


เพิ่มเพื่อน    

3 พ.ค.64 - นายสุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการด้านปรัชญา คอลัมนิสต์ผู้ใช้นามแฝงว่า "นักปรัชญาชายขอบ" ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กดังนี้

อดอาหารเป็นเพื่อนเพนกวินและรุ้ง ศาลควรทบทวนคำสั่งเดิม

เมื่อคืนทราบข่าวจากเพจเพนกวิน-พริษฐ์ ชีวารักษ์ว่า เพนกวินอดอาหารเป็นวันที่ 48 แล้ว และจะอดต่อไปจนกว่าจะได้สิทธิประกันตัว ซึ่งวันที่ 6 พ.ค.นี้ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอประกันตัวเพนกวินกับรุ้ง

ผมจะเริ่มอดอาหารเป็นเพื่อนเพนกวินกับรุ้งตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 6 พ.ค. โดยจะดื่มเฉพาะนมกล่อง, โอวัลติน และน้ำเปล่า แม้เป็นสิ่งเล็กน้อยที่ทำได้ก็จะทำ

ผมเชื่อว่า "เสียง" ของเราทุกคนมีความหมายไม่ว่าเราจะสื่อสารโดยช่องทางใดๆ ก็ตาม ในขณะที่ "ความเพิกเฉย" ก็มีความหมายอีกแบบหนึ่งด้วยเช่นกัน

คำถามที่เราต้องถามตัวเองก็คือ เราจะร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์แห่งยุคสมัยของเราอย่างไร วันข้างหน้าเราจะเล่าให้คนรุ่นหลังฟังว่า ในยุคสมัยของเรามีคนหนุ่มสาวลุกขึ้นมาสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย อดอาหารประท้วงและตายไปต่อหน้าต่อตาเราเช่นนั้นหรือ 

แล้วคนรุ่นหลังก็ถามว่า "เขาประท้วงเรื่องอะไร?" เมื่อเราตอบว่า "เขาประท้วงขอสิทธิประกันตัว" นึกภาพเอาแล้วกันว่าคนรุ่นหลังเขาจะจินตนาการถึงความโหดร้ายในยุคสมัยของเราอย่างไร ที่คนหนุ่มสาวเพียงแค่ขอสิทธิประกันตัวเท่านั้น ก็ต้องตกอยู่ในสภาพถูกบีบบังคับให้เขาต้องทรมานตัวเองถึงตาย 

เขาผิดอะไร? เราก็ต้องตอบให้ชัดว่ากาลิเลโอผิดอะไรหรือที่พูดความจริง และถ้าประวัติศาสตร์ยุโรปถูกทำให้หยุดนิ่งด้วยการ "ห้ามพูดความจริง" ทุกคนที่พูดความจริงแบบกาลิเลโอก็ต้องมีชะตากรรมเดียวกันหมด ความคิด ความรู้ สติปัญญา การเมือง เศรษฐกิจของมนุษย์จะก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร 

เช่นเดียวกัน ถ้าคนหนุ่มสาวหรือใครก็ตามในประเทศนี้ลุกขึ้นมาพูดความจริงเพื่อสร้างสังคมที่มีเสรีภาพและประชาธิปไตย แล้วต้องถูกจับขังคุก ถูกไล่ล่าให้ต้องลี้ภัยการเมืองในต่างประเทศ ถูกทำให้หายหรือตายไป ก็เท่ากับว่าประเทศนี้ถูกห้ามไม่ให้มีเสรีภาพและประชาธิปไตย หรือเราทุกคนถูกบังคับให้อยู่กับ "การเมืองแห่งความสิ้นหวัง" เพราะเราไม่มีสิทธิที่จะคิด จะฝันหรือร่วมกันสร้างความหวังเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศของเราให้เป็นประชาธิปไตยที่ก้าวหน้ากว่าเดิม มีความเป็นธรรมทางการเมือง เศรษฐกิจและอื่นๆ มากกว่าเดิม

ผมเชื่อว่า สังคมเราทุกวันนี้ไม่ได้อับจนปัญญาถึงขนาดที่จะยอมให้มีการสูญเสียคนหนุ่มสาวไปต่อหน้าต่อตาได้อีก บทเรียนที่ผิดพลาดในอดตีดคือการปล่อยให้เกิดความสูญเสียขึ้นแล้วค่อยนั่งโต๊ะเจรจา ซึ่งมันไม่คุ้มเลย

ก่อนถึงวันที่ 6 พ.ค. ซึ่งเป็นวันไต่สวนคำร้องยื่นขอประกันตัวเพนกวินกับรุ้งอีกครั้ง (จำไม่ได้ว่าครั้งที่เท่าไรแล้ว) หากทุกภาคส่วน เช่น พรรคการเมือง สภา คณะกรรมการสมานฉันท์ ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน ปัญญาชนฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายก้าวหน้า ประชาคมมหาวิทยาลัยและอื่นๆ ร่วมกันส่งเสียงให้ศาล "ทบทวนคำสั่งเดิม" และกรุณาใช้ดุลยพินิจบนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรมเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ก็เท่ากับทุกภาคส่วนของสังคมได้ร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่

เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ของการรอคอยและยืนดูการสูญเสียแบบที่ผ่านๆ มา แต่เป็นประวัติศาสต์รวมพลังปกป้องชีวิต อิสรภาพ ความยุติธรรมและความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการ เพราะเกียรติของตุลาการคือการรักษาความยุติธรรมอย่างเป็นอิสระและเป็นกลาง โดยเฉพาะต้องเคารพและปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่สู้เพื่อประชาธิปไตย

ถึงที่สุดแล้วก็อยู่ที่ว่า เราจะร่วมเขียนประวัติศาสตร์ของเราอย่างไร เป็นประวัติศาสตร์ยุคสมัยแห่งระบบทรราชย์ที่กดขี่และอยุติธรรม หรือประวัติศาสตร์ยุคสมัยแห่งเสรีภาพและความยุติธรรม อยู่ที่เราทุกคน!

#saveเพนกวินและรุ้ง #ปล่อยเพื่อนเราทุกคน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"