คณะแพทย์ ไฟเขียว กทม.ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ในกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว หวังศึกษาข้อดี-ข้อเสีย


เพิ่มเพื่อน    

 

5 พ.ค.64-   พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย  คณะแพทย์จากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ  รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยฯ พล.อ.ต.นพ.สันติ ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ฯลฯ ร่วมประชุม

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครขณะนี้เป็นสถานการณ์พิเศษซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการปฏิบัติที่เข้มข้นมากกว่าปกติ ด้วยความห่วงใยในสถานการณ์แพร่ระบาด ในปัจจุบัน กรุงเทพมหานครจึงได้เตรียมพร้อมยาฟาวิพิราเวียร์กว่า 600,000 เม็ด เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง

 โดยในที่ประชุมได้ร่วมกันหารือแนวทางการใช้ยาเพื่อให้เกิดประสิทธิผลและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และเห็นร่วมกันว่า การให้ยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยเร็วจะมีผลดีต่อผู้ป่วยมากกว่าการให้ยาช้า รวมทั้งเห็นว่าแนวทางปฏิบัติเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นแนวทางหลักที่ต้องถือปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตามกรุงเทพมหานครจะกำหนดมาตรการเสริมเพิ่มเติม อาทิ การเร่งตรวจหาผู้ป่วยเชิงรุกอย่างเข้มข้น จากนั้นจะคัดกรองผู้ป่วยตามระดับอาการป่วยแบ่งเป็นสีเขียว เหลือง และแดง และนำส่งต่อระบบการรักษาพยาบาล ในส่วนของผู้ป่วยที่อยู่ระดับสีเขียวคือไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยรวมทั้งไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงของโรคจะได้รับการรักษาและติดตามอาการตามที่กทม. กำหนด คือการให้ยาฟาวิพิราเวียร์เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงของโรค โดยเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวบางส่วนเท่านั้นที่จะได้รับการรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ คือต้องอยู่ในเกณฑ์ตามการประเมินของแพทย์ที่กรุงเทพมหานคร อาทิ เป็นผู้ป่วยที่มีปริมาณไวรัสในร่างกายมากกว่าผู้อื่นและเสี่ยงต่อการลุกลามของโรค ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้หากได้รับยาตั้งแต่แรกได้และรักษาต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5-10 วัน จะช่วยรักษาไม่ให้กลายเป็นผู้ป่วยระดับสีเหลืองหรือสีแดงในอนาคตได้ อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญที่สุดคือกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวนี้ต้องให้ความยินยอมในการรักษาด้วย 

ทั้งนี้กรุงเทพมหานครจะจัดให้มีระบบการจัดเก็บข้อมูลจากการรักษา รวมทั้งมีมาตรการป้องกันผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรักษาที่เพื่อปกป้องผู้ที่เข้าร่วมการรักษา และต้องมีการประเมินผลว่า การดำเนินตามนี้จะมีผลดีต่อการรักษาด้วยยาอย่างไร หรือจะมีผลทำให้เกิดเชื้อดื้อยาในอนาคตหรือไม่ ซึ่งการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ครั้งนี้จะเป็นไปภายใต้การควบคุมของแพทย์ มีการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล มีระบบการติดตามผลและประเมินซึ่งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะร่วมให้คำแนะนำในการศึกษา ติดตามและประเมินผลครั้งนี้ด้วย  และหากพบว่าการรักษาตามที่กรุงเทพมหานครกำหนดครั้งนี้เกิดประโยชน์อาจนำไปเพิ่มเติมในคำแนะนำในการดูแลรักษาระดับประเทศต่อไปในอนาคตได้ 

สำหรับในปัจจุบันนี้กรุงเทพมหานครมีผู้ป่วยสะสมในพื้นที่ 1,478 ราย ในระดับสีเขียว คืออาการเพียงเล็กน้อย กว่า 1,241 ราย ระดับสีเหลือง 199 ราย และระดับสีแดง 38 ราย ที่ยังไม่ได้รับยา ซึ่งจะได้รับยาต่อเมื่อเลื่อนระดับอาการเป็นสีเหลืองและแดง คือมีปอดอักเสบและอาการรุนแรง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"