
กรณีการจัดซื้อรถเมล์ NGV ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ถือเป็นกรณีศึกษาของสังคมไทย เพราะเป็นสุดยอด “มหากาพย์” ผ่านเวลาล่วงเลยมากว่า 13 ปี คนไทยยังไม่มีโอกาสได้ใช้ พอทำท่าว่าจะได้ใช้ก็ต้องล้มประมูลกันไปอย่างไม่เป็นท่า ไม่ว่าจะยุคไหน รัฐบาลไหนก็เหมือนกัน เปลี่ยนกันไปเปลี่ยนกันมา หลากหลายรูปแบบจากซื้อเป็นเช่า จากเช่าเป็นซื้อ แล้วก็กลับมาเป็นเช่าเป็นซื้อวนเวียนกันไป จากซื้อ 3,183 คัน ลดลงมาจนถึงยุค คสช.ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหลือเพียง 489 คัน
เริ่มประมูลในปี 2558 ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ผู้แข่งขันการประมูลทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด และบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ต่อสู้กันอย่างดุเดือด จนต้องล้มประมูลหลายครั้งหลายคราว ยกตัวอย่างง่ายๆ ปี 2559 บริษัท เบสท์รินฯ ชนะประมูล แต่มีปัญหาในการส่งมอบรถให้ ขสมก. เพราะรถยนต์ที่บริษัทเบสท์รินฯ นำเข้ามา ถูกกรมศุลกากรท้วงติงว่า อาจสำแดงแหล่งกำเนิดสินค้าเป็นเท็จ โดยอ้างว่าประกอบที่มาเลเซีย ซึ่งจะได้รับยกเว้นภาษีนำเข้า 40% ในฐานะประเทศในกลุ่มอาเซียน แท้จริงแล้วประกอบที่จีนเป็นเหตุให้ ขสมก.ยกเลิกสัญญาในที่สุด
ต่อมาปี 2560 เปิดประมูลรอบใหม่ บริษัทเบสท์รินฯ ถูกขึ้นแบล็คลิสต์ ขสมก.เปิดประมูลใหม่ “กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO” ชนะประมูล และทยอยส่งมอบรถเมล์ NGV ให้กับ ขสมก.ตามสัญญาไปแล้ว 100 คัน ในเดือนมีนาคม 2561 และเตรียมส่งมอบภายในสิ้นปีนี้ครบ 489 คันตามสัญญา
ทำให้ประชาชนดีใจกันเหลือล้นว่า ในที่สุดก็ได้ใช้บริการรถเมล์ใหม่กันเสียทีหลังจากที่ทนนั่งรถเก่าๆ อายุการใช้งานบางคันมากกว่า 30 ปีเสียด้วยซ้ำไป
แต่แล้วฝันของประชาชนก็สลายไป เมื่อศาลปกครองกลางออกคำสั่งคุ้มครอง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.61 ไม่ให้ ขสมก.รับมอบรถเมล์จากกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO มาใช้
คนกรุงฯ “ฝันสลาย” ลงฉับพลันและคงต้องทำใจใช้รถเมล์เก่าๆ ขสมก.กันต่อไป
ปัจจุบัน ขสมก.มีรถเมล์ที่ให้บริการอยู่ประมาณ 2,774 คัน ประกอบด้วยรถธรรมดาและปรับอากาศ ให้บริการขนส่งผู้โดยสารทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 114 เส้นทาง แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ขณะที่รถเมล์เหล่านั้นผ่านอายุการใช้งานมาเป็นเวลา 20-30 ปี ซึ่งจริงๆ แล้ว ควรที่จะปลดระวางได้แล้ว เพราะมีสภาพทั้งเก่า ชำรุดทรุดโทรม แถมยังสร้างมลพิษทางอากาศ เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนกรุงฯ
มาคิดกันเล่นๆ ว่า รถเมล์ ขสมก.ใช้เวลาวิ่ง 1 รอบ หรือประมาณ 12-13 ชั่วโมงต่อวัน ค่าซ่อมบำรุงกิโลเมตรละ 5-6 บาท/วัน/กิโลเมตร
แต่ถ้าหากใช้รถใหม่จะใช้เวลาวิ่งเพียงรอบละ 8 ชั่งโมง 2 รอบ หรือ 16 ชั่วโมงต่อวัน ค่าซ่อมบำรุงรถใหม่ไม่เกิน 2.50-3 บาท/วัน/วัน/กิโลเมตร
จึงไม่แปลกเลยว่าค่าซ่อมรถของ ขสมก.ที่เกินกว่า 6 บาท/วัน/กิโลเมตร และยังไม่นับรวมค่าเชื้อเพลิง ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการซ่อมบำรุงที่สูง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเห็นตัวเลขขาดทุนของ ขสมก.ที่สูงกว่า 1 แสนล้านบาทในปัจจุบัน
ดังนั้น ทางออกสำหรับการแก้ไขปัญหาการจัดซื้อรถเมล์ NGV ของ ขสมก. คงต้องรอการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลฯ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ว่าจะสามารถเดินหน้าตรวจรับรถเมล์ NGV จาก “กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO” ต่อ เพื่อนำมาให้บริการคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามแผนงานที่วางไว้ และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ ขสมก.
อย่างไรก็ตาม มหากาพย์รถเมล์ NGV ถือเป็นบทเรียนที่สะท้อนให้เห็นถึง “ความไม่โปร่งใส” ในกระบวนการจัดซื้อ จัดจ้างของภาครัฐ แม้จะมีความพยายามสร้างภาพด้วยการจัดให้มีการทำ “ข้อตกลงคุณธรรม” ก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับกระบวนการจัดซื้อตลอดเวลา 13 ปี ก็เป็นอย่างที่เห็น
....คนกรุงไม่มีโอกาสได้ใช้ใหม่ๆ ยังคงต้องทนนั่งรถเก่าๆ ท่ามกลางกาศร้อนๆ ที่ต้องฝ่าการจราจรที่ติดขัดไปอย่างไม่รู้ชะตากรรม แต่ก็แอบมีความหวังกันนิดๆ ว่าเร็วๆ นี่แหละคงได้ใช้รถใหม่กันแน่.
บุญช่วย ค้ายาดี
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |