ให้‘บิ๊กตู่’เสียสละ เสนอไอเดียใหม่! รัฐบาลสร้างชาติ


เพิ่มเพื่อน    

 

“นิติธร” นำทีมแถลงจี้ “ประยุทธ์” ลาออก ชี้ล้มเหลวปฏิรูป-แก้โควิด-ปกป้องสถาบันฯ เปิดทางตั้งรัฐบาลสร้างชาติ "ปิยบุตร" ตั้งวงเขียนประวัติศาสตร์ในความคิดตัวเอง เปิดเรียนฟรี "ธงชัย" ลากเข้าหา "ข่าวลือ" คนพูดความจริงไม่ได้เพราะ ม.112 เรียกร้องให้แก้ไขเพราะไม่ได้เขียนบนกำแพงจักรวาล

     วันที่ 15 พฤษภาคม 2564 ที่อาคารพญาไทพลาซ่า  โถงอาคารชั้น 1 นายนิติธร ล้ำเหลือ ในฐานะที่ปรึกษากลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.), นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจเพื่อสังคม และนายพิชิต ไชยมงคล ผู้ประสานงานกลุ่ม ปท. ร่วมกันแถลงข่าวเรื่อง “ขอให้รัฐบาลเสียสละลาออก” โดยนายพิชิตกล่าวว่า เรายืนยันเดินหน้าการปฏิรูปประเทศไทยเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผูกพันให้รัฐบาล  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินการ ตลอดเวลานั้นชัดเจนไม่คืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในการปฏิรูปสักข้อ โดยเฉพาะตำรวจและการเมือง ถึงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์เสียสละตัวเอง เพื่อให้เกิดรัฐบาลสร้างชาติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา  272 (2) ภายใต้กลไกรัฐสภา  
    นายพิชิตกล่าวถึงรัฐบาลสร้างชาติว่า จะมีภารกิจ 1.แก้ปัญหาไวรัสโควิดให้เป็นรูปธรรม สร้างการมีส่วนร่วมให้มากกว่านี้ หยุดการคอร์รัปชัน และกระจายวัคซีนทั่วถึง 2.รัฐบาลสร้างชาติ ต้องปฏิรูปประเทศไทย มีกรอบเวลาที่ชัดเจน และ 3.ต้องสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นให้ได้ จะเกิดได้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเสียสละลาออก ให้เกิดรัฐบาลสร้างชาติขึ้นมา ทั้งนี้ ในวันอังคารหน้า (18 พ.ค.) ตัวแทนกลุ่มจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ให้นายกฯ รับทราบเจตนารมณ์
    ช่วงหนึ่งนายพิชิตอ่านแถลงการณ์ มีเนื้อหาสรุปได้ว่า  7 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจจาก  คสช. พิสูจน์ชัดเจนยึดอำนาจเพื่อตัวเองและพวกพ้อง ไม่ตอบสนองการปฏิรูปทุกด้าน ออกแบบรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจเขียนให้ตัวเองได้เปรียบ ผิดสัญญาประชาคมที่ให้ต่อรัฐสภา ประชาชนคนไทยต้องทนเห็นการใช้อำนาจฉ้อฉล ตระบัดสัตย์คำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ที่สำคัญเกิดการก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  แทนที่รัฐบาลจะปกป้องอย่างแข็งขัน กลับกลายเป็นนำสถาบันมาอ้างเป็นเกราะกำบังพฤติกรรมชั่วร้ายทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์แสดงออกราวกับว่าปัญหาเป็นความแตกแยกของประชาชน ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ทั้งที่ต้นตอของปัญหาเกิดจากรัฐบาล ขอเรียกร้องให้ลาออก เปิดโอกาสให้สภาเลือกนายกฯ ตามมาตรา 272 (2) เพื่อแก้ปัญหาโควิด เดินหน้าปฏิรูปประเทศ และสร้างความปรองดองสมานฉันท์
    ด้านนายปรีดากล่าวว่า เราต้องการรัฐธรรมนูญปฏิรูปฉบับสุดท้ายของประเทศ เราทำเรื่องการปฏิรูปมา 15 ปี โดยสมัชชาปฏิรูปที่นำโดยนายประเวศ วะสี และกรรมการปฏิรูปที่นำโดยนายอานันท์ ปันยารชุน มีข้อเสนอเหมือนกันคือ ประเทศไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำ ถ้าไม่แก้ไขจะเกิดวิกฤติแตกแยก เราบอกทางออกชัดเจนต้องกระจายอำนาจ  แต่ไม่เคยถูกนำมาปฏิบัติ รัฐบาลเสนอวิสัยทัศน์ 20 ปีของแต่ละกระทรวงไม่ใช่การปฏิรูป การปฏิรูปต้องมาคุยกัน 7 ปี การปฏิรูปไม่ก้าวหน้า เรามีคนดีอย่างผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์  โอสถธนากร ถ้ามาอยู่ในคณะปฏิรูปเราต้องการ ไม่ใช่คนมีคดีแป้งเป็นรัฐมนตรี นายณรงค์ศักดิ์มีผลงานชัดเจน กล้าหาญ แต่ถูกเตะไปจังหวัดนู้นจังหวัดนี้
    นายปรีดากล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาประเทศต้องได้กลุ่มคนดีรักชาติ มองเพื่อประชาชน สังคม ประเทศชาติ  ขณะที่เศรษฐกิจถูกควบคุมไม่กี่สกุล การกระจายรายได้แย่สุดในโลก ทั้งที่เราน่าจะมีความสมบูรณ์ร่วมกัน การปกครองเอื้อผู้มีอำนาจเสวยกันในกลุ่มเล็กๆ ไม่ดีขึ้น สวนทางกันหมด ข้อเสนอไม่ถูกสนองเลย เราต้องเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยคนมีจิตวิญญาณแก้ปัญหาประเทศอย่างแท้จริง ประเทศกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ถ้าไม่เขียนรัฐธรรมนูญใหม่เอื้อให้ประเทศปฏิรูปตัวเอง สร้างผลิตผลช่วยดูแลผู้มีอายุ ประเทศจะล้มเหลว
รัฐบาลสร้างชาติ
    ส่วนนายนิติธรกล่าวว่า ตนประเมินการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 7 ปี ใช้รัฐธรรมนูญประเมิน ตามคำปรารภชี้เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญแก้ปัญหาที่ปรากฏ คือ 1.ผู้ไม่นำพานับถือกฎเกณฑ์ปกครองบ้านเมือง 2.ทุจริตฉ้อฉลบิดเบือนอำนาจ 3.ขาดความตระหนักสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ประชาชน ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล รัฐบาลนี้มีตัวอย่างกรณีนาฬิกายืมเพื่อน มีการล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์มากที่สุด ประชาชนขัดแย้งแตกแยกต้องออกมาปกป้องสถาบันฯ ด้วยตัวเอง รัฐบาลเพิกเฉยไม่สามารถจัดการอะไรได้
    นายนิติธรกล่าวต่อไปว่า กรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปัญหาอยู่ที่จริยธรรม นายกฯ ต้องสร้างระบบคุณธรรม เป็นตัวอย่างจริยธรรมที่ดี เรื่องจริงคือมีคำพิพากษาศาลออสเตรเลีย และศาลรัฐธรรมนูญเป็นระบบไต่สวนต้องค้นหาเอกสาร ไม่ใช่หน้าที่ผู้ร้องซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูล และปัญหาโควิด รัฐบาลไม่นำพาต่อการบริหารจัดการป้องกันเชื้อ มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการกระจายของเชื้อ บริหารผิดมาโดยตลอด เห็นเป็นประจักษ์ชัด รัฐธรรมนูญให้ปฏิรูปการศึกษา การบังคับใช้กฎหมาย เสริมสร้างระบบคุณธรรม ไม่เกิดขึ้นเลย รัฐบาลไม่สามารถนำพาประเทศพ้นวิกฤติได้ จึงเรียกร้องประชาชนทุกคนทุกฝ่ายมองความจริง สร้างรัฐบาลสร้างชาติตามมาตรา  272 (2)
    ผู้สื่อข่าวถามถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มจะร่วมกับกลุ่มไทยไม่ทนหรือไม่ และยกระดับการเคลื่อนไหวอย่างไร นายพิชิต ไชยมงคล ระบุว่า คงไม่สามารถตอบได้ ต่างคนต่างดำเนินการ ไม่มีการพูดคุยกัน ข้อเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกตรงกัน แต่เราเสนอรัฐบาลสร้างชาติ มีภารกิจชัดเจน  แตกต่างกัน การเคลื่อนไหวยังประเมินสถานการณ์กันอยู่ ในวันที่ 22 พ.ค.นี้อาจจัดเสวนาทางวิชาการ 7 ปี ความล้มเหลวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ ม.รังสิต ซึ่งนายสุริยะใส  กตะศิลา รับเป็นเจ้าภาพ
    เมื่อถามถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.ยังยืนยันสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อยู่ นายนิติธร ล้ำเหลือ กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายสุเทพ ไม่ได้คุยกัน  ตนไม่ค่อยคุยกับใคร ไม่สร้างเครือข่าย ทำหน้าที่เมื่อประเทศวิกฤติ รัฐบาลไม่นำพา นายสุเทพจะเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ก็เชียร์ไป แต่ถ้าประเทศเสียหายนายสุเทพจะรับผิดชอบร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์หรือเปล่า รัฐบาลอยู่บนความแตกแยก อยู่บนวิกฤติโควิด และอยู่ด้วยการปล่อยให้ละเมิดสถาบันฯ  ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไป สถาบันฯ จะสง่างามมากขึ้น
    ถามถึงการเสนอนายกฯ ตามมาตรา 272 (2) คือนายกฯ คนนอก คิดว่าใครเหมาะสม นายนิติธรกล่าวว่า คนที่มีคุณสมบัติครบตามรัฐธรรมนูญ สอดคล้องมาตรฐานจริยธรรม เห็นแก่ประเทศชาติประชาชนมากกว่าพวกพ้อง มีวิสัยทัศน์มองความเป็นจริงให้ชัดเจน ใครก็ได้ ไม่เอ่ยชื่อชี้นำใคร ถ้าเกิดขึ้นจริงจะให้ประชาชนโหวต อยากให้ใครเป็นนายกฯ ให้ประชาชนเข้าถึงนายกฯ ได้อย่างแท้จริง
    ทิ้งท้ายนายนิติธรระบุด้วยว่า องค์กรอิสระต่างๆ โดยเฉพาะด้านการตรวจสอบที่ได้รับการแต่งตั้งในรัฐบาล คสช.  สิทธิพิเศษที่ได้รับจากอำนาจรัฐประหารต้องวางลงและควรลาออก มิเช่นนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ และบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่ได้รับผลพวงจากรัฐประหารควรลาออก  ปล่อยให้คนดีมีฝีมือเข้าไปตรวจสอบจึงจะเป็นไปได้จริง
ประวัติศาสตร์ที่ผิดๆ
    วันเดียวกันนี้ คณะก้าวหน้าจัดกิจกรรมปฐมนิเทศเบิกโรงหลักสูตร “ประวัติศาสตร์นอกขนบ” ซึ่งเป็นหลักสูตรในโครงการ “ตลาดวิชาอนาคตใหม่” ซึ่งขณะนี้กำลังมีการเปิดรับสมัครผู้สนใจร่วมเรียน โดยรับจำนวน 30 คนเท่านั้น ฟังบรรยายผ่านระบบออนไลน์ที่สามารถพูดคุยซักถามกับวิทยากรได้โดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม ผู้สนใจสามารถรับฟังการบรรยายทางไลฟ์เฟซบุ๊กได้เช่นเดียวกัน แต่ไม่สามารถพูดคุยตอบโต้ได้ ทั้งนี้ ในการปฐมนิเทศ นายปิยบุตร  แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้พูดถึงความสำคัญของการจัดทำโครงการตลาดวิชาอนาคตใหม่ ขณะที่นายธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ Wisconsin  Madison สหรัฐอเมริกา ได้พูดถึงความหมายและความสำคัญของวิชาประวัติศาสตร์ และชวนตั้งคำถามถึงประวัติศาสตร์กระแสหลักที่เป็นอุดมการณ์รับใช้รัฐ
    นายปิยบุตรกล่าวว่า การก่อตั้งตลาดอนาคตใหม่เพราะเราเล็งเห็นอุปสรรคขัดขวางในมหาวิทยาลัยไทย ที่ติดกับดักระบบราชการและกับดักเสรีนิยมเศรษฐกิจแบบใหม่ ซึ่งกำลังกัดเซาะทำลายการศึกษา เพราะไปเริ่มคิดถึงผลลัพธ์ ขาดทุน กำไร การจัดอันดับ มากกว่าคุณภาพเนื้อหาการศึกษา  ซึ่งแบบนี้จะบีบบังคับให้เหลือแต่คณะที่ทำเงิน ที่คนเรียนไปประกอบอาชีพ วิชาเกี่ยวกับความคิดมนุษย์ กระตุ้นจินตนาการใหม่ๆ จะค่อยๆ หายไป ทั้งนี้เราต้องการให้การศึกษาสร้างความคิดใหม่ พูดง่ายๆ ก็คือความคิดที่เป็นขบถ อย่างที่หลุยส์ มิเชล สตรีนักปฏิวัติชาวฝรั่งเศสเคยกล่าวว่า  ภารกิจของครูอาจารย์นั่นก็คือการมอบวิธีการปัญญาให้กับประชาชนเพื่อให้เขาเป็นขบถ นั่นคือไอเดียใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ ไม่ใช่เรียนแล้วเป็นแบบเดิมๆ ได้หุ่นยนต์ในสายพานการผลิต และเมื่อมีคนคิดแบบใหม่เป็นขบถ สังคมถึงจะก้าวหน้า
    “ตลาดวิชาอนาคตใหม่เรายึดหลัก ‘5 ท’ คือ 1.ท ทุกคนเรียนได้หมด ไม่ว่าคุณจะเคยเรียนอะไรมาก็ตาม สามารถเข้าเรียนในตลาดวิชานี้ได้ 2.ท ทั่วถึง อยู่ที่ไหนก็เข้าถึงได้  ทั้งบรรยายในห้อง ถ่ายทอดสด ฟังย้อนหลังได้ 3.ท เท่าเทียม ไม่ว่าจะมีสถานะอะไรเรียนได้หมด ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ค่าเทอมใดๆ ทั้งสิ้น 4.ท ทันโลก เป็นวิชาการที่เรียนรู้อดีต รู้จักปัจจุบัน เพื่อก้าวหน้าไปสู่อนาคต และ 5.ท ทางเลือก ต่างจากระบบการศึกษาที่เป็นทางการนั่นเอง” นายปิยบุตรกล่าว
    ด้านนายธงชัยกล่าวว่า เพราะความรู้ประวัติศาสตร์ที่ผิดๆ ไม่มีพื้นฐานอยู่ในอดีตที่เป็นจริง กลายเป็นความเป็นจริงที่มีผลต่อปัจจุบันได้ ความรู้ประวัติศาสตร์แบบนั้นก็ใกล้เคียงกับข่าวลือ เหมือนกันในแง่ที่ว่าข่าวลือมีพื้นฐานจากอดีตที่เป็นข้อมูล กลายเป็นความรู้ หรือเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด แต่ถ้ามันได้กลายเป็นสิ่งที่มีตัวตนมีผลจริงๆ มันก็สร้างประวัติศาสตร์
    “ข่าวลือทั้งหลายที่มีมาในไม่กี่วันนี้ เราปฏิเสธไม่ได้แล้ว  เพราะความจริงมันไม่เคยเปิดเผยออกมาอย่างตรงไปตรงมา  สังคมที่ข่าวลือจะมีอิทธิพลน้อยมาก คือสังคมที่เปิดเผย โปร่งใส บอกคนเขาซะ คนเรามีวิธีบอกคนที่จะให้คนเข้าใจและยินดีที่จะรับฟังอย่างมีเหตุมีผล ถ้าประเทศไทยและผู้มีอำนาจตั้งแต่ระดับกระจอก จนถึงยาม คนเฝ้าคุก จนถึงเจ้านายใหญ่โตในสังคมไทย ไม่มีความสามารถจะสื่อสารข่าวที่มันเป็นความจริงให้คนรับรู้เข้าใจอย่างไม่ตื่นตระหนก ก็หมดหวังกันแล้ว ทำไมถึงใช้วิธีการปิดข่าว ยิ่งปิดข่าว คนยิ่งต้องฟังข่าวลือ”
    นายธงชัยกล่าวว่า "อาจจะบอกว่าเพราะกฎหมายปัจจุบันยังเป็นอย่างนี้อยู่ ถ้าอย่างนั้นก็แก้กฎหมายสิ เขาเรียกร้องให้แก้กฎหมาย มาตรา 112 ไม่ได้เขียนบนกำแพงจักรวาล พระมนูไม่ได้บันทึกในพระธรรมศาสตร์ ไม่ได้อยู่ในกฎหมายตราสามดวงและกฎหมายสมัยอยุธยา เป็นกฎหมายที่มนุษย์สมัยใหม่บังคับใช้ โดยเฉพาะการขยายบทลงโทษให้รุนแรงขึ้นเมื่อปี 2019 หลังเหตุการณ์ล้อมปราบในธรรมศาสตร์ พระมนูมาเห็นก็คงร้องไห้ เพราะกฎหมายนี้มันผิดหลักกฎหมาย".


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"