วืดประกันประสิทธิ์นอนคุก จับเพิ่ม‘กิตติศักดิ์’ร่วมแก๊ง


เพิ่มเพื่อน    

  นอนคุกยาวไป "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก"  ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน "ศาล" ไม่ให้ประกันตัวคดีฉ้อโกง ชี้คดีร้ายแรงเกรงหลบหนี เจ้าตัวปากแข็ง ลั่นถึงถูกขังแต่หัวใจและอุดมการณ์ยังอยู่ แฉพฤติการณ์ตุ๋นซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนม ตร.จับเพิ่ม "กิตติศักดิ์" ผู้ต้องหาแก๊งเดียวกัน

    ความคืบหน้าคดีฉ้อโกงประชาชนมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท ที่มีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก  ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน เป็นหัวหน้าขบวนการ ร่วมกับพวกรวม 6 คน เปิดบริษัทในลักษณะเครือข่ายใหญ่  หลอกประชาชนให้ร่วมลงทุนหลายรูปแบบ มูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท
    โดยเมื่อวันที่ 18 พ.ค.64 ที่กองบังคับการปราบปราม  (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายประสิทธิ์เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน บก.ป.เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายประสิทธิ์แบบ
มาราธอนหลายชั่วโมง โดยนายประสิทธิ์ให้การปฏิเสธ และต่อมาในช่วงเช้าวันอังคารที่ 18 พ.ค. พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ.ได้ไปยื่น
คำร้องฝากขังต่อศาลอาญาผ่านระบบวิดีโอ?คอนเฟอเรนซ์พร้อมคัดค้านการประกันตัว
    พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.บก.ปอศ. เปิดเผยว่า ตำรวจได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้เสียหายและมีมูลค่าเสียหายจำนวนมาก ประกอบกับนายประสิทธิ์ถือเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ เกรงว่าจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและอาจหลบหนีได้
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการสอบสวนปากคำนายประสิทธิ์ เบื้องต้นให้การรับสารภาพแค่ว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับและเป็นประธานบริษัทดังกล่าวจริง และมีอำนาจในการลงนามช่วงที่เกิดเหตุ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทั้งประเด็นเรื่องการลงทุน การชักชวนผู้เสียหาย นายประสิทธิ์ไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน
    มีรายงานด้วยว่า วันเดียวกันนี้ที่กองปราบปราม ตำรวจกองปราบปรามได้คุมตัวนายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์  รองประธานบริษัทในเครือเอ็ม กรุ๊ป หนึ่งในผู้ต้องหาคดีเดียวกันนี้ ที่หลบหนีอยู่เป็นคนสุดท้ายมายังกองปราบปรามเพื่อสอบปากคำ โดยนายกิตติศักดิ์ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อแต่อย่างใด  
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญาว่า คำร้องขอฝากขังที่พนักงานสอบสวน บก.ปอศ.ยื่นฝากขังนายประสิทธิ์เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-29 พ.ค.64 เนื่องจากจะต้องรอสอบปากคำพยานบุคคลอีก 30 ปาก รวมถึงรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษ
    โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปได้ว่า ผู้เสียหายกับพวกรวม 19 คน ได้รับเชิญไปงานเปิดตัวบริษัท วีเลิฟยัวแบ็ก (ไทยแลนด์) จำกัด จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.63 โดยมีผู้ต้องหากับพวกร่วมกันโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมลงทุนในธุรกิจซื้อขายและเช่ากระเป๋าแบรนด์เนมผ่านบริษัทดังกล่าว อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง เพียงแต่รอรับเงินปันผลภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อตัดสินใจเข้าร่วมลงทุน
    คำร้องระบุอีกว่า สำหรับรายละเอียดในการลงทุนกับธุรกิจกระเป๋าแบรนด์เนมมีขั้นตอนดังนี้ คือ ให้เข้าไปเลือกสินค้าจากเว็บไซต์ CRABYBRANDNAME.COM ซึ่งจะมีภาพกระเป๋าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อ พร้อมราคาสินค้า จากนั้นสามารถเลือกสินค้าได้หลายชิ้นตามที่ต้องการลงทุน  แล้วสามารถชำระเงินได้หลายช่องทาง เช่น จ่ายเป็นเงินสด  ผ่านบัตรเครดิต หรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ หลายแห่ง หรือชำระเป็นทองคำ เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้วจะมีสัญญาที่ลงลายมือชื่อ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดไฟล์ PDF  ได้จากเว็บไซต์ของร้าน และจะได้รับใบเสร็จรับเงิน ซึ่งหลังจากผ่านขั้นตอนการลงทุนเรียบร้อยแล้วก็จะได้รับผลตอบแทนทุกวันที่ 30 ของเดือน แต่ปรากฏว่ามิได้มีการจ่ายเงินตอบแทนตามที่สัญญาตกลงกันไว้แก่ผู้เสียหาย จึงได้มีการทวงถามทั้งทางโทรศัพท์และทางไลน์ แต่เริ่มติดต่อได้ยากขึ้น จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง
    คำร้องระบุอีกว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า  บริษัทดังกล่าวไม่พบว่ามีการลงทะเบียนทางศุลกากรจริง  และผู้เสียหายไม่ได้รับเงินตอบแทนแต่อย่างใด ทำให้เกิดความเสียหายทั้งสิ้น 21,583,846 บาท จึงแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว ต่อมาศาลอาญาได้ออกหมายจับนายประสิทธิ์ ผู้ต้องหา กระทั่งเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา นายประสิทธิ์ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 749/2564 ได้เดินทางเข้ามอบตัว จึงแจ้งข้อหาว่าร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
    ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานได้ อีกทั้งมีประชาชนตกเป็นผู้เสียหายจำนวนมาก และทางการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้บงการ รวมทั้งมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารและมีอำนาจจัดการในบริษัทต่างๆ ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ การปล่อยชั่วคราวอาจทำให้เสียหายต่อรูปคดี โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้    
    โดยหลังศาลอนุญาตฝากขังนายประสิทธิ์ นายประกันของนายประสิทธิ์ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขังด้วยหลักทรัพย์เงินสด 400,000 บาท ซึ่งศาลอาญาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง ความเสียหายมีจำนวนมาก ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน  จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
    จากนั้นในช่วงเย็น ตำรวจ บก.ปอศ.ได้คุมตัวนายประสิทธิ์ไปฝากขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ภายหลังศาลอาญายกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยนายประสิทธิ์กล่าวสั้นๆ ว่า ถึงตัวจะโดนขัง แต่หัวใจและอุดมการณ์ยังคงอยู่  และยืนยันว่ามีหลักฐานหนังสือการแจ้งความเอาผิดคนที่โกงเงินตัวเองไป ก่อนจะขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปทันที.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"