การอยู่ 'เหนือการเมือง' ของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ คืออะไร? ทำไมต้องมี ม.112?


เพิ่มเพื่อน    

22 พ.ค.64 - นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

การอยู่ “เหนือการเมือง” ของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ คืออะไร? ทำไมต้องมี ม.112?

ในการจัดทำรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 บทบัญญัติในมาตรา 11 กำหนดว่า “พระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปโดยกำเนิดหรือโดยแต่งตั้งก็ตาม ย่อมดำรงอยู่ในฐานะ”เหนือการเมือง”

ซึ่งนี่คือคำตอบสำหรับเกรียนที่บอกว่าตัวเองอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย แต่ไม่เคยรู้และไม่เคยเข้าใจ ไม่ศึกษา ไม่เปิดตา ไม่เปิดใจ แต่ชอบเปิดปาก วิพากษ์วิจารณ์กันไปผิดๆ เช่น พูดกันเซ็งแซ่ ว่าทำไมต่อต้าน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ ลงเล่นการเมือง

คำตอบคือ กฏหมายรัฐธรรมนูญระบุ “พระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปโดยกำเนิดหรือโดยแต่งตั้งก็ตาม ย่อมดำรงอยู่ในฐานะ”เหนือการเมือง” ซึ่งหมายรวมถึง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง”

สำหรับคำว่า ‘เหนือการเมือง’ ได้มีการอภิปรายถึงความหมายกันพอสมควร เนื่องจากเห็นว่าในภาษาไทยมีความคลุมเครือ คำนี้อาจมีความหมายถึง “เจ้านายมีอำนาจครอบงำการเมือง” หรือ “เจ้านายมีอำนาจเหนือกฎหมายของบ้านเมือง”

ซึ่งอาจทำให้ความหมายต่างไปจากความตั้งใจของทางคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้ “เหนือการเมือง (Being above politics) เป็น “นอกวงการเมืองนั้นเอง”จึงได้มีผู้เสนอให้การแปลถ้อยคำ”เหนือการเมือง”ให้มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้ง ‘เหนือจากการเมือง’, ‘พ้นการเมือง’, ‘นอกวงการเมือง’, ‘พ้นแล้วซึ่งการเมือง’

สุดท้าย พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย เป็นผู้ยืนยันให้ใช้คำว่า “เหนือการเมือง” และเพื่อความรัดกุมจึงได้มีการแก้ไขคำแปลในปทานุกรมให้สอดคล้องกับความหมายที่ได้อภิปรายกันมา


ซึ่งในที่ประชุมก็ได้ข้อยุติว่า

*** “เหนือการเมือง”หมายถึง “การดำรงอยู่นอกการเมือง” อันหมายถึงการจัดวางสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ “พ้นไปจากความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการเมืองทั้งหลายทั้งปวง” หน้าที่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีมากมายหลายอย่าง พระราชกรณียกิจสำคัญอย่างยิ่งที่จะสร้างความสามัคคีในชาติ ให้ความร่วมเย็นแก่ประชาชน ในการสังคมสงเคราะห์แก่ผู้ยากไร้เป็นหน้าที่สำคัญ ไม่ใช่หน้าที่ในด้านการเมือง เปรียบเสมือนร่วมโพธิ์ร่มไทร

สรุปเป็นภาษาชาวบ้านได้ว่า ในเมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกกฎหมายกำหนดให้อยู่เหนือการเมือง ซึ่งหมายถึง เมื่อกฏหมายห้ามพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะฉะนั้นการเมือง รวมทั้งผู้หนึ่งผู้ใด ก็ไม่ควรไปล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์

ทำไมถึงต้องมีกฎหมาย ระบุให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง และต้องมี ม.112 คุ้มครอง? ก็เพราะแต่ดั่งแต่เดิม พระมหากษัตริย์มีสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียว ทุกเรื่องในแผ่นดิน คำพูดของพระมหากษัตริย์ คือ กฎหมาย

เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงจำกัดสิทธิของพระองค์ เพื่อไม่ให้สถาบันพระมหากษัตริย์ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองต่อไป ในขณะเดียวกัน เมื่อพระองค์โดนจำกัดสิทธิ์ จึงต้องมีกฎหมายที่ห้ามผู้อื่นไปล่วงละเมิด หมิ่นประมาท หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต่อสถาบันฯ ด้วย

คือพูดง่ายๆ ว่า ในเมื่อกฎหมายห้ามพระองค์ท่านยุ่งกับใคร ใครก็ห้ามยุ่งกับพระองค์ท่าน ไม่เช่นนั้น อาจมีผู้ไปหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กล่าวให้ร้าย ฟ้องร้องต่อพระองค์ โดยที่พระองค์ไม่มีโอกาสได้กล่าวโทษ ฟ้องร้องใครได้เลย

สังเกตมั้ย ว่าปัจจุบันมีผู้ที่เรียกตัวเองว่า”ฝ่ายประชาธิปไตย” หมิ่นพระบรมเดชานุภาพมากมาย แต่เราไม่เคยเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ฟ้องร้องดำเนินคดีกับใครเลย มันยุติธรรมแล้วหรือ? แล้วสังเกตดูได้ว่า ถ้ามีประชาชนคนใด ล่วงละเมิดผู้อื่น ก็จะโดนผู้นั้นฟ้องร้องดำเนินคดี

ถ้าใครล่วงละเมิดเรา เรายังฟ้องร้องดำเนินคดีกับคนนั้นเลย แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้รับสิทธิ์นั้น พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ไม่สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีใครได้เลย เราจึงมีกฎหมายคุ้มครอง เพื่อไม่ให้ใครหมิ่นประมาท ล่วงละเมิด ที่เรียกว่า หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ม.112 ไม่ได้มีไว้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่มีไว้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการเมือง ส่วนผู้ที่ใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือทางการเมือง คือนักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และผู้สนับสนุนกลุ่มการเมือง

รัฐสภา โดยผู้แทนราษฏร (ที่เป็นตัวแทนประชาชนทั้งชาติ) จึงออกกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อไม่ให้ใครหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่เรียกว่า ม.112 แปลว่าอะไร? แปลว่าพวกเราประชาชนทุกคน คือ คนที่ออกกฎหมาย ห้ามสถาบันพระมหากษัตริย์ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และพวกเราประชาชนทุกคน ก็คือ คนที่ออกกฎหมาย ม.112 เพื่อป้องกันไม่ให้ใครไปยุ่งเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ซึ่งถือว่าให้ความยุติธรรมเสมอกัน หรือผู้ภาษาชาวบ้านว่า แฟร์ๆต่อกันทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ถือได้ว่า เรื่องนี้ยุติธรรม และยุติไปแล้ว แต่ที่เกิดปัญหามากมาย เพราะมีคน”อยากจะให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์” มีคนยุยง”ให้ประชาชนช่วยกันโจมตีพระมหากษัตริย์” เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัว

ทั้งๆ ที่ข้อตกลง ว่า “ให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง” ในขณะเดียวกันให้ประชาชน “ไม่ล่วงละเมิด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”

การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย รัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติให้พระมหากษัตริย์ได้รับการเชิดชูให้อยู่เหนือการเมือง ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ คนไทยหรือคนต่างด้าวไม่ว่ากระทำในหรือนอกราชอาณาจักรก็ต้องรับโทษ

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับเรื่อยมามีข้อที่กล่าวว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้"

มาตรา 112 เป็นมาตราหนึ่งในประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”

พระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ไม่เคยฟ้องร้องเป็นการส่วนพระองค์ ผู้ถูกตั้งข้อหามักไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และถูกคุมขังในเรือนจำหลายเดือนก่อนมีการไต่สวนในชั้นศาล องค์การนิรโทษกรรมสากลถือว่านักโทษตามความผิดนี้เป็นนักโทษการเมือง มีบุคคลส่วนหนึ่งเลือกเดินทางออกนอกประเทศเพื่อมิให้ถูกดำเนินคดี

ความจริงมันมีเพียงหนึ่งเดียวและพิสูจน์ได้เสมอ “พระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง” เป็นคำที่ได้ถูกตีความ และถูกลงมติให้ใช้เป็นภาษากฎหมายโดยรัฐบาลของคณะราษฏร์ ส่วนคำว่า “พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้กฎหมาย” ก็เป็นกฎหมายอีกข้อหนึ่งที่ระบุไว้ในกฎหมายโดยรัฐบาลของคณะราษฏร์เช่นกัน แต่เป็นคนละข้อความ เป็นคนละความหมาย และเป็นคนละเรื่องกัน ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกัน ไม่ได้มีความหมายเดียวกัน อย่างที่เข้าใจ

สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เหมือนคนไทยทุกคน แต่ไม่สามารถเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ ไม่สามารถเล่นการเมือง จึงต้องมีกฎหมายคุ้มครอง ไม่ให้ใครหน้าไหน ไปเล่นการเมืองกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ความจริงมันมีเพียงหนึ่งเดียวและพิสูจน์ได้เสมอ เช่น พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกลงทางทิศตะวันตกเสมอ แต่ถ้าใครการพูดว่า พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นทางทิศตะวันออก แต่มันตกทางทิศตะวันตก หรือถ้าใครเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ควรพบแพทย์

รวมถึง สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และอยู่เหนือการเมือง คือข้อความที่ระบุอยู่ในกฎหมายมาตั้งแต่แรกที่เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย และกฎหมายคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ก็มีมาแต่แรก เพื่อปกป้องสถาบันจากการเมือง ที่เรารู้กันอยู่ว่า มันเล่นกันสกปรกตลอดมา

แต่นักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และผู้สนับสนุนกลุ่มการเมืองทุกยุคทุกสมัย ดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาสู่การเมือง และใช้การเมืองไปล่วงละเมิดสิทธิตามกฎหมายของสถาบันฯ ที่ไม่มีความประสงค์จะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

fact เป็นความจริงที่ไม่มีวันจะเป็นอย่างอื่นไปได้ ยกเว้นตัวเราเข้าใจผิด หรือผิดปกติ อยากเล่นการเมืองฟาดฟัน ชิงดีชิงเด่นกันอย่างไรก็ทำไปตามกติกาของบ้านเมือง แต่ต้องยุติการล่วงละเมิดกฎหมาย ด้วยการหมิ่นประมาท หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ทำกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเสียที

”สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง”

ดังนั้นจุดประสงค์หนึ่งของ ม.112 จึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้กิจกรรมการเมืองไปยุ่งเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ม.112 มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมือง

ม.112 ไม่ใช่มีไว้เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างที่เข้าใจ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"