พ่นนํ้าลาย7ปีรัฐประหาร


เพิ่มเพื่อน    

 

"ยิ่งลักษณ์" โผล่รำลึก 7 ปีรัฐประหาร จำนำข้าว-ถอดถอน ทิพย์ทั้งนั้น เจ็บปวดใจ ขมขื่นแทนประชาชน  เฝ้าอดทนหวังว่ารัฐบาลจะทำดี กลับไม่เคยแม้แต่เป็นที่พึ่งพิง หรือให้ความอบอุ่นเอื้ออาทร เมื่อไหร่จะคืนความสุข "จตุพร" เตรียมยื่นหนังสือให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว  "ธนกร" สวนทันควัน ยกผลงาน 15 ด้านโต้รัฐบาลไม่ทำอะไรเลย

    เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2564 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นในวันครบรอบ 7 ปีการรัฐประหารว่า "7 ปีก่อนรัฐประหารวันนั้น กับ 7 ปีหลังรัฐประหารวันนี้ ประเทศไทยและประชาชนสูญเสียโอกาส อะไรไปบ้าง ดิฉันขอย้อนเวลากลับไปช่วงนี้เมื่อ 7 ปีก่อน  ตอนนั้นดิฉันถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องการโยกย้ายตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเพียงตำแหน่งเดียว ทั้งๆ ที่เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร
    และต่อมาในวันรุ่งขึ้น ป.ป.ช.ได้เร่งชี้มูลความผิดดิฉันในคดีจำนำข้าว ทั้งๆ ที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ข้อสรุปคดีดังกล่าวในระดับรัฐมนตรีเลย แต่ทำไปเพื่อส่งเรื่องถอดถอนดิฉันออกจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพียงแค่ให้แน่ใจว่าดิฉันจะพ้นสภาพจริงๆ ทำให้เชื่อได้ว่ามีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าจากหลายเหตุการณ์ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างทำรัฐประหารวันที่  22 พฤษภาคม 2557  
    ดิฉันอยากให้ทุกท่านช่วยคิดว่า 7 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสูญเสียโอกาสอะไรไปบ้าง ทั้งศักยภาพในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจที่นับวันยิ่งแย่ลง เกิดปัญหาการว่างงาน นักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ คุณภาพชีวิตแย่ลง ขาดการพัฒนาทักษะของประเทศให้รองรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป สิทธิเสรีภาพถูกลิดรอนปิดกั้นความเห็นต่าง จากบุคคลที่อ้างว่าขออาสาเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ ไม่มีใครทำได้  เป็นคนเก่งสุด รู้ดีสุด ต้องคุณประยุทธ์เท่านั้น
    ตลอดเวลา 7 ปี ดิฉันเจ็บปวดใจ และขมขื่นแทนพี่น้องประชาชน พยายามเฝ้าอดทนด้วยความหวังที่ว่ารัฐบาลจะทำสิ่งดีๆ ให้กับประเทศบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไป  คำสัญญาและเหตุผลที่อ้างเพื่อรัฐประหารรัฐบาลดิฉัน จนถึงวันนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำได้ แม้จะจัดให้มีการเลือกตั้ง  แต่นั่นเป็นการสร้างภาพว่าคืนอำนาจให้กับประชาชน  เพราะได้มีการออกแบบรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนเองได้สืบทอดอำนาจ ประชาชนจึงออกมาเรียกร้องขอให้แก้ไข แต่ถูกยื้อ และไม่ให้ความสำคัญ"
    น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างต่อไปว่า ไม่แปลก เพราะรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน ย่อมไม่เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชน ไม่เคยแม้แต่เป็นที่พึ่งพิง หรือให้ความอบอุ่นเอื้ออาทร การบริหารประเทศแบบแนวทหารไม่สามารถทำให้ประเทศเศรษฐกิจดีได้ แถมยังซ้ำเติมด้วยการบริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ล้มเหลว ล่าช้า แล้วแบบนี้ประชาชนจะหันหน้าไปพึ่งใครได้
    ถึงวันนี้ทุกคนคงเห็นแล้วว่า 7 ปีของรัฐประหาร เป็น  7 ปีที่ประเทศและคนไทยสูญเสียโอกาสในการพัฒนา เป็น  7 ปีที่เสียงของประชาชนไม่มีความหมาย และเป็น 7 ปีที่ประชาชนได้แต่เฝ้ารอรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ไม่รู้ว่าจะได้เห็นหรือไม่
    "สุดท้ายนี้ ดิฉันจึงขอทวงถามคุณประยุทธ์แทนพี่น้องประชาชนว่า คุณได้ทำตามที่สัญญาว่าจะคืนความสุขให้กับประชาชนแล้วหรือยัง มิเช่นนั้นรัฐประหารเมื่อ 7 ปีก่อน ที่บอกว่าปฏิรูปก่อนเลือกตั้งคงเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น" น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
7 ปีประยุทธ์ไทยป่วยหนัก
    นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า "7 ปีที่ผ่านมา ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกพ้อง บริหารประเทศด้วยวาทกรรมและเสียงเพลง วาดหวัง สร้างฝัน สร้างคำมั่นลมๆ แล้งๆ ให้ประชาชน ซึ่งวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าทุกอย่างเป็นเพียงลมปาก 7 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารงานประเทศที่ต่อเนื่องกันมาจากการรัฐประหาร โดยใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของประยุทธ์  จันทร์โอชา แต่แทบไม่มีผลงานใดเลยที่เป็นผลสำเร็จให้วัดและจับต้องได้ว่าก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน"
    เขาระบุว่า "ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวก ครอบครองอำนาจบริหารประเทศแบบไม่สนใจไยดีเสียงเรียกร้องของประชาชน ประเทศไทยวันนี้กำลังอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก  นี่คือผลงาน 7 ปีของประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวก"
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปราศรัยผ่านสถานีพีซทีวีว่า "พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ไปวันๆ  คิดแบบข้าราชการ ในยามบ้านเมืองวิกฤติทำงานตามเวลาได้อย่างไร แล้วบ้าอำนาจมารวมไว้ที่ตัว วันเสาร์-อาทิตย์ ใครเห็นนายกฯ มาทำงานบ้าง ถ้าทำตามเวลาราชการ 5  วันสำเร็จดีก็ไม่มีใครว่า ส่วนเรื่องความปรองดอง รายงานถูกเก็บใส่ลิ้นชัก ความปรองดองของ พล.อ.ประยุทธ์เอาไว้ใช้ตบตา แต่มีความสุขกับการแบ่งแยกแล้วปกครอง และ  พล.อ.ประยุทธ์เลวร้าย ดูถูกนักการเมืองฉ้อฉลทุจริต แต่นักการเมืองกลับมาอยู่รอบตัว พอสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์กลายเป็นคนดี"
    นายจตุพรยังกล่าวถึงนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลว่า "ซีกไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ชนะการเลือกตั้ง แต่เห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประเทศ ปราศรัยไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ กลับตระบัดสัตย์ความไว้เนื้อเชื่อใจประชาชน ถ้านักการเมืองกอดกันเกิน 250 เสียง เสียงของ ส.ว.ก็ไม่มีความหมาย พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถสืบทอดอำนาจได้  สุดท้ายเราต้องฝากความหวังกับประชาชน ถ้านักการเมืองไม่ตระบัดสัตย์ ระบอบประยุทธ์ไม่เกิด"
    ประธาน นปช.เปิดเผยด้วยว่า ตั้งแต่วันจันทร์หน้า  (24 พ.ค.) จะทยอยเดินทางไปยื่นหนังสือให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก ให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และยื่นต่อ  ส.ว. โดยตำแหน่งให้แสดงจุดยืนต่อรัฐบาล ไม่ใช่ให้ยึดอำนาจ แต่จะถามจุดยืนเพื่อให้ประเทศเดินต่อได้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่มา 7 ปี ถ้าไม่ทำอะไรจะอยู่ต่ออีก 2 ปี ถ้า ส.ว. โหวตให้อีก จะอยู่ต่อ 6 ปีเป็นอย่างน้อย
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนทุกอย่าง เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดย 7 ปีที่ผ่านมาเป็น 7 ปีซ่อม 7 ปีสร้าง ในส่วน 7 ปีซ่อม พล.อ.ประยุทธ์ต้องซ่อมซากปรักหักพังที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ทำไว้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน การแก้ปัญหาทุจริตจำนำข้าว  
    เขากล่าวว่า ส่วน 7 ปีสร้างนั้น รัฐบาลก็ดำเนินการปฏิรูปประเทศในทุกด้าน ประกอบด้วย 1.ปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน : มอเตอร์เวย์ ทางด่วน วงแหวน อุโมงค์ 2.ปฏิรูปขนส่งทางราง : สถานีกลางบางซื่อ (ยิ่งใหญ่ ทันสมัย และสวยงามที่สุดในภูมิภาค) เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของประเทศ รถไฟความเร็วสูง
    3.ปฏิรูปการเชื่อมโยงรถ-เรือ-ราง : เร่งสร้างสายสีน้ำเงิน-ม่วง-เขียวอ่อน-แดง-ทอง-ส้ม-เหลือง-ชมพู และเรือ  Smart ferry เจ้าพระยา+เรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ 4.ปฏิรูปคุณภาพชีวิตชาวชุมชน : ชุมชนแฟลตดินแดง  ชุมชนริมคลองลาดพร้าว-เปรมประชากร-บึงบางซื่อ 5.ปฏิรูปการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ : อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา-ลำน้ำชี-รัชชโลทร-ลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง แก้มลิงบางบาล-บางไทร
7 ปีคนไทยก็ยังไม่ลืม
    6.ปฏิรูปแนวทางแก้ปัญหาเมืองหลวง : แก้ไขน้ำท่วมกรุงเทพฯ (อุโมงค์ยักษ์ กทม.) แก้ไขรถติด มลพิษเมืองหลวง (รถเมล์ NGV) คลองสวยน้ำใส (คลองโอ่งอ่าง-คลองหลอด-คลองผดุงกรุงเกษม-คลองมหานาค) นำสายไฟฟ้า-สายสื่อสารลงใต้ดิน 7.ปฏิรูปแนวทางแก้ปัญหาผู้มีรายได้น้อย : ปราบหนี้นอกระบบ กฎหมายขายฝาก กฎหมายทวงหนี้ คืนโฉนดที่ดิน 8.ปฏิรูปสู่ยุคดิจิทัล :  ระบบคลาวด์กลางภาครัฐ ไทยแลนด์ 4.0 รัฐบาลดิจิทัล  โครงสร้างพื้นฐาน 5G
    9.ปฏิรูปกฎหมายปลดล็อกประเด็นสังคม : พ.ร.บ.ปรับเป็นพินัย...คุกขังคนผิด ไม่ได้ขังคนจน และกฎหมายสำคัญ (ไม้มีค่า 58 ชนิด - กฎหมายอำนวยความสะดวก -  กฎหมายขายฝาก) 10.ปฏิรูประบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า : เพิ่ม 50 สิทธิ์ เพิ่มวงเงิน UCEP 1669 รักษาทันที ทุกที่ ทุกโรงพยาบาล ฟรี 72 ชั่วโมง ยกระดับ อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน)
    11.ปฏิรูประบบสวัสดิการแห่งรัฐ : จ่ายตรงเข้าบัญชี  14 ล้าน ตัดหัวคิว ตัดวงจรทุจริต ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแก้ปัญหา เพิ่มสิทธิ์ เพิ่มวงเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด-คนชรา-คนพิการ 12.ปฏิรูปการศึกษา : กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ใกล้ไกลไม่ไร้การศึกษา 13.ปฏิรูประบบบำนาญเพื่อทุกคน : กองทุนการออมแห่งชาติ  (กอช.) ใครๆ ก็มีบำนาญ
    14.ปฏิรูปการเยียวยา “ยามวิกฤติ” (โควิด) : ทันใจ  ไร้ทุจริต ผ่านโครงการ “คนละครึ่ง” และ 15.ปฏิรูปภาคการเกษตร : ศูนย์กลางยางพาราโลก ศูนย์กลางสมุนไพรอาเซียน ครัวฮาลาลโลก จัดสรรที่ดินทำกินเกษตรกร ประกันราคาพืชเศรษฐกิจ Smart farmer Agrimap ศูนย์เกษตรอัจฉริยะ ปฏิรูปประเทศด้วย “นวัตกรรม” ...โดยผลักดัน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้าง EEC ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งและโทรคมนาคม ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ (National e-Payment) การถ่ายทอดเทคโนโลยีสถาบันการศึกษา  พัฒนาฝีมือแรงงาน ฯลฯ
    "หากเรามองด้วยใจเป็นธรรมแล้ว บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน เป็นไปในทิศทางที่ประชาชนคาดหวัง ส่วนปัญหาโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่ทั่วโลกประสบเหมือนกัน รัฐบาลก็ดูแลแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ และมั่นใจว่าทุกอย่างจะคลี่คลายเมื่อประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนตามแผนที่รัฐบาลวางไว้ภายในปี 64 จำนวน 50 ล้านคน อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์สำนึกในสิ่งที่ทำไว้กับประเทศด้วย เพราะ 7 ปีคนไทยก็ยังไม่ลืมในสิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ทำไว้กับประเทศเช่นเดียวกัน" นายธนกรกล่าว
'เสกสกล' อัด 'ปู' ยับ
     นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การพิพากษาคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เป็นการพิจารณาของศาล ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ควรคิดไปเอง ทำผิดก็ควรยอมรับผิด ขณะที่การเกิดรัฐประหารขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์คิดทบทวนให้ดีว่าเกิดจากสาเหตุใด ไม่ใช่ว่าเพราะเกิดการเคลื่อนไหวของประชาชนในการต่อต้านการผลักดันร่าง  พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย เพื่อผลประโยชน์ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศใช่หรือไม่
    "เรื่องนี้ผมได้เคยห้ามปรามนางสาวยิ่งลักษณ์แล้วว่า จะมีปัญหาการต่อต้านความวุ่นวายบ้านเมืองจะตามมา แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่รับฟังที่ผมเตือนด้วยความหวังดี แต่กลับไปเชื่อแต่พี่สาว เจ้แดง-นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ว่าจะต้องเอานายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายกลับให้ได้ โดยไม่กลัวว่าจะถูกประชาชนต่อต้านและขับไล่เป็นล้านๆ คน จนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังความรุนแรงสลายการชุมนุม จนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย นี่เป็นเพราะการเห็นแก่ตัวเพื่อที่จะใช้เสียงข้างมากลากไป ที่เรียกว่าเผด็จการรัฐสภา ประชุมสภาลงคะแนนถึงตีสี่ตีห้าเพื่อให้ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ช่วยพี่ชายนายทักษิณพ้นโทษเอากลับบ้านให้ได้ เหตุเริ่มต้นตรงจุดนี้มิใช่หรือ  ทำไมถึงลืมง่ายจัง"
    นายเสกสกลกล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อย่ามาเฉไฉใส่ความพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลนี้ โดยไม่นึกถึงสิ่งที่เคยทำไว้จนเหตุการณ์บานปลาย จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อให้บ้านเมืองกลับมาสู่ภาวะความสงบ และเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดความรุนแรงที่ นปช.และ กปปส. กำลังจะมีเหตุการณ์ปะทะกันได้อาจจะเกิดการนองเลือดเต็มแผ่นดิน ดังนั้น คสช.จึงต้องออกมายุติเหตุการณ์เพื่อให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่ให้คนไทยต้องมารบราฆ่าฟันกัน นี่คือความจริงที่ต้องเอามาพูดยืนยันกันอีกครั้งมิใช่หรือ
    ขณะที่นายกฯ ประยุทธ์เข้ามาก็เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นและสะสมมานาน ซึ่งตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศยิ่งเห็นชัดว่าได้แก้ไขปัญหาหลายอย่างและพัฒนาประเทศไปหลายด้านแล้ว ซึ่งแตกต่างกับในสมัยที่นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ อย่างมาก
    นายเสกสกลมั่นใจว่า ประชาชนยังไว้วางใจนายกฯ ให้ทำงานแก้ไขปัญหา แต่จะมีแค่คนบางส่วนที่ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบันในขณะนี้ รวมถึงพรรคฝ่ายค้านที่ไม่เห็นว่านายกฯ ประยุทธ์ได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว
    "หากคุณยิ่งลักษณ์จะออกมากล่าวให้ร้ายโจมตีการทำงานนายกฯ ประยุทธ์ ก็ควรย้อนมองดูตัวเองด้วยว่าในสมัยที่เป็นนายกฯ ได้ทำอะไรเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชนหรือไม่ ซึ่งเท่าที่ตนเองเห็นนั้นไม่ได้ทำอะไรเพื่อประชาชนเลย  ยกเว้นคนในตระกูลและพวกพ้อง และขอถามกลับว่า ใครกันแน่ที่อ้างโครงจำนำข้าวแบบจีทูเจี๊ยะจนชาวนาผูกคอตาย รัฐบาลนี้ต้องหาเงินมาใช้หนี้ชาวนาแทนจนทุกวันนี้" นายเสกสกลกล่าว     
    ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอดีตแกนนำ กปปส.กล่าวว่า  หากจะเปลี่ยนม้ากลางศึกในระหว่างวิกฤตการณ์โรคโควิด-19 ระบาดอย่างรุนแรงคงยาก เพราะไม่มีใครอยากให้นายกรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ท่ามกลางผู้รู้ในเรื่องโควิด-19 เป็นอย่างดีเป็นเวลา 1 ปีเต็ม ไม่เชื่อว่ามีนักการเมืองคนไหนรู้เรื่องนี้ดีกว่านายกรัฐมนตรี ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องมีภารกิจในการนำประเทศพ้นวิกฤตการณ์นี้โดยเร็วที่สุด แต่ต้องไม่ลืมการปฏิรูปประเทศที่ยังไม่เกิดขึ้นแม้สักด้านเดียว  ความขัดแย้งยังมีอยู่ในสังคม มีการศึกษาแต่ไม่คืบหน้าในทางปฏิบัติเลย" อดีตแกนนำ กปปส.ระบุ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"