23 พ.ค.64 -ที่ห้องประชุมไทยไม่ทน สถานีโทรทัศน์พีซทีวี ย่านรามอินทรา มีการจัดปราศรัยออนไลน์ เพื่อขับไล่รัฐบาลประยุทธ์ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่นกล่าวว่า การยึดอำนาจเมื่อ22พ.ค.2557 ถือเป็นกบฎ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจนอกเหนือรัฐธรรมนูญ สร้างผลกระทบต่อชาติอย่างร้ายแรง ผิดเจตนารมณ์ มาตรา113 ประมวลกฎหมายอาญา ทั้งที่เรื่องทางการเมือง ควรให้การเมือง แก้ไขกันเอง ในวันนั้นเชื่อว่า มีความพยายามยึดอำนาจ มากกว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งคนในชาติ หรือเข้ามาปฏิรูปประเทศ 

ขณะที่ นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.)กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตลอด7ปีที่ผ่านมาทั้งนิสัย พฤติกรรม คล้ายกับ อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ เข้าไปทุกที ควรไปพบจิตแพทย์บ้าง ไม่ใช่คำกล่าวหา แต่เป็นความหวังดี หลังจากเลือกตั้ง เป็นที่ชัดแจ้งแล้วว่า ท่านแก้ปัญหาอะไรได้ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เราไม่อยากให้ประเทศ ฉิบหายไปพร้อมกับพล.อ.ประยุทธ์ คนส่วนมาก ต่างเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก ไม่ไว้วางใจรัฐบาล ถึงเวลาพวกเรา สมานฉันท์ ลุกขึ้นมาต่อสู้ กดดันให้พล.อ.ประยุทธ์ออกไป ที่บอกว่า เศรษฐกิจไทยดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งใจหลอกลวงตนเองหรือคนไทยหรือไม่ มีการกู้เงินมหาศาล เป็นความตกต่ำ ภายใต้ระบอบอำนาจนิยม ควบรวมอำนาจองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ไม่มีรูปธรรมอย่างชัดเจนในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง สิ่งที่ทำอยู่คือ กำลังทำ สังคมจิตวิทยา อย่างต่อเนื่อง 

นายเมธา ระบุว่า ไม่ต่างอะไรจาก ฮิตเลอร์ เพื่อต้องการ โฆษณาชวนเชื่อ เราไม่ควรที่จะถูกปลูกฝังความเชื่อ เพื่อเบียงเบนความรู้ เพื่อสร้างให้สังคมเชื่อตามที่ต้องการ โดยการใช้งบประมาณจำนวนมาก สถาปนาระบอบอำนาจนิยมให้เกิดขึ้น ทั้งที่วันนี้ไม่ควรมีอยู่แล้วในสังคมอารยธรรม เราอย่าให้ลูกหลาน นิสิตนักศึกษา ลงสู่ท้องถนน ในประเทศพัฒนาแล้ว ต้องส่งเสริมให้คนเหล่านี้ ร่วมพัฒนาชาติบ้านเมือง พัฒนาทุกองคาพยพให้น่าอยู่มากขึ้น 

ขณะที่ น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ กรรมการนโยบาย พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า การกู้เงิน 7แสนล้านบาท เป็นการกู้แบบลับๆ ไม่มีรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่ไหน ทำแบบนี้ จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงกลาโหม มากกว่า กระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่ปัญหาโควิด เป็นปัญหาใหญ่กว่าปัญหาของกองทัพ ไม่ควรเร่งรีบจัดสรรให้ รัฐบาลนี้ไม่มีวิสัยทัศน์ ระยะยาว ไม่มีการนำเงินไปเพิ่มทักษะใหม่ให้แรงงาน ไม่นำไปสู่การสร้างงาน จ้างงาน มีแต่แจกเงิน  จัดสรรการใช้งบประมาณไม่เป็น แม้พล.อ.ประยุทธ์ ให้รัฐบาลอธิบาย สถานการณ์ในไทยดีขึ้น แต่ในความเป็นจริง สถานการณ์เศรษฐกิจ ถือว่าแย่มาก

น.ส.ธิดารัตน์ ระบุว่า  ดูจากดัชนีภาพลักษณ์ คอรัปชั่น2557 เราอยู่อันดับ 85 ปี2563 ไปอยู่อันดับ 104 แม้พล.อ.ประยุทธ์ ระบุจะแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น แต่สิ่งที่พูดกับทำต่างกัน อยากให้การรัฐประหารครั้งที่ผ่านมา เป็นครั้งสุดท้าย ทำให้ หลายคนอยากจะขอย้ายประเทศ แต่ตนเอง ไม่ต้องการย้ายประเทศ เพียงแค่ขอทวงสิทธิ์ ในการสร้างประเทศไทยอย่างดีที่สุด.