จตุพรบุกทำเนียบฯไล่‘บิ๊กตู่’ อัยการสั่งฟ้องแอมมี่มือเผา


เพิ่มเพื่อน    

 "ตุ๊ดตู่" นำทีมไทยไม่ทนจี้ “บิ๊กตู่” ลาออก อ้าง 7 ปีล้มเหลวหมด ไม่ปกป้องสถาบัน ใช้ ม.112 ทำลายปฏิปักษ์ทางการเมือง ยันต้องให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน ชี้ "ประยุทธ์" เป็นได้คนอื่นก็เป็นได้ "นายกฯ" แจ้งกลางที่ประชุม ครม. ดำเนินคดี "ปวิน-เจียม"

    เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มไทยไม่ทน "คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย" นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์  รองปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากการบริหารงานมา 7 ปี ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ ทั้งเรื่องการปฏิรูปประเทศที่ล้มเหลว การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่ไม่เข้ากับยุคสมัย การสร้างความปรองดองที่ไม่ได้ผล เพราะปัจจุบันความขัดแย้งทางการเมืองยังมีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น
    ขณะที่ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันก็มีพัฒนาการที่เสื่อมถอย มีปัญหาเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำมาตลอด 7 ปี รัฐบาลใช้งบประมาณแผ่นดิน 20.8 ล้านล้านบาท แต่ตัวเลขคนจนยังพุ่งสูงขึ้น 100% นอกจากนี้การละเมิดสถาบันยังเป็นปัญหาที่แบ่งแยกประชาชน โดยเฉพาะบุคคลในอำนาจรัฐและเครือข่ายกลับแอบอ้างเพื่อแสวงหาประโยชน์เข้าตัวเองและพวกพ้อง
    นายจตุพรกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่าอยู่เพื่อปกป้องสถาบัน แต่ความจริงแล้วไม่เคยออกมาปกป้อง ยกตัวอย่างได้จากการเกิดข่าวลือต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังนิ่งเฉย ปล่อยปละละเลยไม่ออกมาชี้แจง และยังใช้มาตรา 112 มุ่งทำลายบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมือง ทั้งที่มาตรา 112 ไม่สามารถที่จะใช้แบล็กเมล์หรือปกป้องรัฐบาลได้ พล.อ.ประยุทธ์อ้างอีกว่าวันนี้อยู่เพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 มีการประกาศยึดอำนาจจากคณะรัฐมนตรีถึง 3 ครั้งเพื่อรวมอำนาจไว้ที่นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมและแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้ และยังไม่ยอมรับผิดชอบ
    เขาสรุปว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดโอกาสให้มีคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่นายกฯ และไม่ต้องห่วงว่าจะทำหน้าที่ไม่ได้ เพราะเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นได้ คนอื่นก็เป็นได้ ขอให้ลาออกไปเพื่อเริ่มนับหนึ่งใหม่ ปล่อยให้บ้านเมืองเดินไปตามประชาธิปไตย และอยากให้ดูตัวอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้มาเป็นตัวอย่างให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ พล.อ.เปรมเป็นบุคคลที่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ทั้งหมด แต่ พล.อ.เปรมรู้จักพอ หลังจากดำรงตำแหน่งมา 8 ปี ก็ปฏิเสธการเข้ารับตำแหน่งจากการเสนอชื่อของนักการเมือง ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่ต้องรู้จักพอ
    อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่านายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดการจะมาเป็นผู้รับหนังสือเอง แต่ไม่ออกมารับหนังสือเองแต่กลับส่งตัวแทนมารับ ทำให้นายจตุพร กล่าวถึงนายเสกสกลว่า คิดว่านายเสกสกลน่าจะประเมินแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ตนมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มาไล่นายเสกสกล ก็ขอให้นายเสกสกลรัก พล.อ.ประยุทธ์นานๆ เหมือนกับที่รักนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
    รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในช่วงท้ายการประชุมคณะรัฐมนตรีวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้อ่านรายงานผลการแจ้งความการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดการเสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือนข่าวสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การร้องเรียนเกี่ยวกับเฟกนิวส์ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ซึ่งในรายงานมีกรณีของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 รวมอยู่ด้วย โดยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ระบุว่า การดำเนินคดีจะมุ่งเน้นไปที่ผู้ที่มียอดผู้ติดตามจำนวนมาก จะเล่นพวกตัวใหญ่เป็นหลัก เนื่องจากมีผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ อายุ 32 ปี เป็นจำเลยแล้ว ในฐานความผิดร่วมกันหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม ป.อาญา มาตรา 33, 83, 91, 112, 217 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14
    นอกจากนี้ ศาลอ่านคำสั่งคดีที่ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา เป็นผู้กล่าวหา ตั้งเรื่องขอให้ไต่สวนนายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความกลุ่มราษฎร เป็นผู้ถูกกล่าวหา ข้อหาละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) และมาตรา 33 กรณีประพฤติตนไม่เรียบร้อยในห้องพิจารณาคดีแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร รวม 22 ราย เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2564
    อย่างไรก็ตาม นายรัษฎายอมรับแต่โดยดี ทั้งยังแสดงความสำนึกผิดด้วยการกล่าวแสดงความเสียใจและขออภัยต่อพนักงานอัยการผู้ช่วยและเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ของศาล อันแสดงให้เห็นถึงความสำนึกในสิ่งที่ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำลงไป จึงให้ลงโทษปรับผู้ถูกกล่าวหาเป็นเงิน 500 บาท และตักเตือนผู้ถูกกล่าวหาว่าห้ามมิให้ประพฤติตนหรือแสดงกิริยาใดๆ ที่ไม่สมควรในบริเวณศาล อันถือเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอีก.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"