ผู้ค้าจตุจักรพ่าย! รถไฟได้ขึ้นค่าเช่า


เพิ่มเพื่อน    

    ผู้ค้าจตุจักรส่อพ่ายทุกคดี หลังศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยการรถไฟฯ มีอำนาจบริหารตลาดนัด-ขึ้นค่าเช่าแผงค้า เพื่อเอารายได้มาบริหารกิจการรถไฟ ด้านกลุ่มผู้ค้าอีก 807 ราย ยันสู้คดีถึงที่สุด ยกคำวินิจฉัยกฤษฎีกาที่ระบุ รฟม.เอาที่ดินจตุจักรทำตลาดไม่ได้ขึ้นอุทธรณ์
    เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่นายร่มเกล้า เอี่ยมโพธิ์ และพวกรวม 146 ราย ซึ่งเป็นผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักร ยื่นฟ้องการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ผู้ว่าฯ รฟท.และ ผอ.บริหารพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 กรณีขอให้ศาลเพิกถอนประกาศการปรับขึ้นอัตราค่าเช่าแผงค้าในตลาดนัดจตุจักร เหตุเกิดเมื่อปี 2555 โดยศาลให้เหตุผลว่า ตาม พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย 2494 ได้บัญญัติให้ รฟท.มีอำนาจที่จะกระทำการใดๆ ภายในขอบวัตถุประสงค์ที่จะนำมาซึ่งความเจริญของกิจการรถไฟ เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการจัดหา เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ฯลฯ และดำเนินงานเกี่ยวกับทรัพย์สินใดๆ เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกิจการรถไฟและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟอันสอดคล้องกับสิทธิในทรัพย์สินของ รฟท.ที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ 2550 และตามหลักกฎหมายแพ่ง  
    ดังนั้น การที่ รฟท.มาดำเนินการกิจการตลาดนัดจตุจักร หลังไม่ต่อสัญญาให้ กทม. จึงเป็นการยกเลิกวัตถุประสงค์การจัดตลาดนัดเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพให้กับราษฎร ตาม พ.ร.บ.บริหารราชการกรุงเทพมหานคร 2528 การบริหารตลาดนัดจตุจักรในระยะต่อมาจึงเข้าข่ายเป็นการสร้างรายได้ให้กับ รฟท. เพื่อประโยชน์ในการนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำภารกิจด้านการบริการสาธารณะเกี่ยวกับการคมนาคมขนส่งให้บรรลุผล ตามมาตรา 6 ประกอบมาตรา 9 ของ พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย 2494 รฟท.จึงมีอำนาจนำที่ดินดังกล่าวออกให้เช่า หรือดำเนินกิจการตลาดนัดจตุจักรได้ และการกำหนดอัตราค่าเช่าแผงค้าใหม่เป็นไปตามหลักอุปสงค์และอุปทานของตลาด เป็นดุลพินิจของ รฟท.ในการกำหนดอัตราเช่าที่เห็นว่าเหมาะสมได้ ศาลปกครองสูงสุดจึงไม่เห็นด้วยที่ศาลปกครองกลางพิพากษาให้เพิกถอนประกาศของ รฟท. จึงพิพากษากลับเป็นยกฟ้อง 
    อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าตลาดนัดจัตุจักรอีก 807 คน นำโดยนายวีระพจน์ เพชรชำนาญ ก็ได้มีการยื่นฟ้องประเด็นเดียวกัน หลัง รฟท.มีประกาศปรับขึ้นค่าเช่าแผงค้าในปี 2557 ซึ่งศาลปกครองกลางก็ได้มีคำพิพากษาในวันนี้ให้เพิกถอนประกาศ รฟท. ที่ จต. 159/2557 ลงวันที่ 20 ก.พ.57 ที่กำหนดเงื่อนไขการต่อสัญญาเช่าว่า ผู้เช่าที่ยื่นฟ้อง รฟท.ต่อศาลปกครองและขอคุ้มครองชั่วคราวไม่ชำระค่าเช่าตามที่ รฟท.กำหนด รฟท.ไม่รับพิจารณาการต่อสัญญาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เพื่อตัดสิทธิการต่อสัญญาเช่าให้กับผูฟ้องคดีทั้งหมด โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 20 ก.พ.57 ส่วนคำขออื่นให้ยกฟ้อง 
    โดยศาลเห็นว่า รฟท.มีอำนาจในการจัดหาประโยชน์ในสินทรัพย์ของตนเอง รวมถึงดำเนินธุรกิจอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อ รฟท.ได้ เมื่อการจัดหารายได้ตลาดนัดจตุจักร เป็นการสร้างรายได้ให้แก่ รฟท. ตาม พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย 2494 รฟท.จึงมีอำนาจในการบริหารกิจการตลาดนัดจตุจักรตามนัยคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.529/2560 ที่ได้วินิจฉัยไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า รฟท.มีอำนาจบริหารกิจการตลาด แต่การที่ รฟท.กำหนดเงื่อนไขว่าผู้เช่าแผงค้าที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองและไม่ได้รับการพิจารณาต่อสัญญาจนกว่าคดีจะถึงที่สุดนั้น เป็นการกำหนดเงื่อนไขสัญญาเช่าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองจึงต้องพิพากษาให้เพิกถอนเงื่อนไขดังกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฟังคำพิพากษา ตัวแทนกลุ่มผู้ค้าในคดีนี้ประมาณ 300 คน มีสีหน้าไม่สู้ดี แต่ก็ยังยืนยันว่าจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ซึ่งนายวิชาญ ดวงฤิทธิ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจ กล่าวว่า คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด การอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดก็จะยื่นใน 2 ประเด็น คือ 1.กฎหมายไม่ให้อำนาจ รฟท.ในการทำตลาด 2.วัตถุประสงค์ในการเวนคืนที่ดินตลาดนัดจตุจักรเมื่อปี 2520 ก็เพื่อใช้ในกิจการรถไฟ และมีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาปี 2524 ว่าการรถไฟฯ ไม่สามารถนำที่ดินดังกล่าวไปทำกิจการอื่น นอกเหนือจากทำกิจการรถไฟ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"