"ที่มา-ที่ไป" ของการทิ่มแทง


เพิ่มเพื่อน    

       คนไทยเนี่ย.......

                โดยพื้นฐาน เป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง เกลียดการดูถูกเหยียดหยาม ชอบเสียงเพลง และเป็นมิตรกับทุกเพศ-ทุกวัย

                แต่ใน ๒ ทศวรรษหลัง

                "ธุรกิจการเมือง" ว่าด้วยประชาธิปไตยโกงเอามาแบ่งกัน   เปลี่ยนทัศนคติ-ความคิด-พฤติกรรม "คนไทย" กลับเป็นตรงกันข้าม จนเห็นชัด

                เป็นเครียด......

                ชอบปลุกปั่นให้แตกแยก ชอบยกต่างชาติมาเหยียบชาติตัวเอง ชอบเสียงระเบิด ชอบแบ่งฝ่าย ชอบเฟกนิวส์

                และ ยิ่งมีการศึกษายิ่งโง่!

                ทศ แปลว่าสิบ, วรรษ แปลว่า ปี  ๒ ทศวรรษ ก็คือ ๒๐ ปี นั่นก็หมายความว่า การเมืองที่เปลี่ยนคนไทยจากยิ้มเป็นแยกเขี้่ยวใส่กัน

                เริ่มมาตั้งแต่ ๒๕๔๔!

                เอาละ ก่อนคุยประเด็นนี้ สรุปเรื่องวัคซีนที่ "ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" จัดหามาสนับสนุนงานรัฐบาล เพื่อประชาชนและการเดินหน้าทางเศรษฐกิจก่อน

                ศ.ดร.นิธิ มหานนท์ ในฐานะเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แถลงให้ความชัดเจนเมื่อวาน (๒๘ พ.ค.) สรุป ว่า

                -เบื้องต้น จะนำเข้า "ซิโนฟาร์ม" ผลิตในปักกิ่ง ๑ ล้านโดส ภายใน มิ.ย.นี้

                -บริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด เป็นผู้ยื่นเอกสารขอการรับรองวัคซีน "ซิโนฟาร์ม"

                -อย.รับรองแล้ว เมื่อวาน (๒๘ พ.ค.๖๔)

                -เป็นวัคซีน "ทางเลือก" ให้กับประชาชนคนไทย

                -เหตุที่ อย.รับรองได้เร็ว เพราะมีข้อมูล dossier (รายละเอียดรายการประกอบยาและการผลิต) ครบถ้วน

                เป็นข้อมูลเดียวกับที่ส่งให้ WHO ทำให้ผู้ประเมินเห็นชอบร่วมกันได้เร็ว ในการอนุมัติให้ "ซิโนฟาร์ม" เป็นวัคซีนตัวที่ ๕ ในประเทศ

                -เน้น เป็น "วัคซีนทางเลือก" คือเป็นคนละส่วนกับของที่รัฐบาลจัดหาให้ประชาชนฟรี

                ฉะนั้น หน่วยงานใดต้องการจะให้มีการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม "ต้องซื้อ" จากราชวิทยาลัยฯ

                -ราชวิทยาลัยฯ เป็นผู้ดำเนินการนำเข้าและบริหารจัดสรรให้หน่วยงานอื่นๆ  ทั้งภาครัฐ/เอกชน ที่สนใจจะจัดซื้อ

                -วัคซีนนี้ ใช้งบประมาณ "ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" จัดซื้อเอง เป็นคนละส่วนกับที่รัฐบาลจัดหาให้ประชาชนฟรี

                ในเบื้องต้น....

                การจัดสรรวัคซีน จะยึดหลัก "ความจำเป็น" ก่อน-หลังของหน่วยงาน/องค์กรนั้นๆเป็นหลัก

                เช่น อุตสาหกรรมบางอย่าง ธุรกิจบางอย่างที่ไม่สามารถหยุดการดำเนินงานได้ ก็จะพิจารณาให้ก่อน

                ตอนนี้ มีหน่วยงานรัฐ/เอกชนติดต่อมาแล้ว

                เช่น สภาอุตสาหกรรม, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นบางแห่ง เพื่อนำไปฉีดให้บุคคลในองค์กรเขา

                ศ.ดร.นิธิ ให้รายละเอียด ด้วยว่า....

                การจัดซื้อนี้ จัดซื้อลักษณะองค์กรกับองค์กร ไม่ใช่ G2G หรือ รัฐต่อรัฐ

                เพียงแต่ราชวิทยาลัยฯ เป็นหน่วยงานรัฐ ที่ผ่านๆ มา ติดต่อกับหน่วยงานต่างประเทศบ่อย จึงสามารถติดต่อนำเข้าได้                            

                โมเดลนี้ ใช้กับโรงพยาบาลเอกชนไม่ได้ เพราะถ้า รพ.เอกชน จะไปคุยกับผู้ผลิตเอง เขาจะไม่คุยด้วย

                ซิโนฟาร์มเป็นวัคซีนเชื้อตาย เหมือนซิโนแวค ฉีด ๒ เข็ม ห่างกัน ๒๑-๒๘ วัน สำหรับมีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปี ขึ้นไป คือฉีดได้ทั้งหนุ่ม-ทั้งแก่

                ส่วนราคาวัคซีน นั้น ศ.ดร.นิธิบอกว่า "ยังระบุไม่ได้"

                เพราะขึ้นอยู่กับ "ต้นทุน+โลจิสติกส์+การจัดเก็บ" ซึ่งยังไม่ได้คำนวณ

                แต่ยืนยัน "ราชวิทยาลัยฯ ไม่มีจุดประสงค์เพื่อค้ากำไร" จะเท่าไหร่แน่ ก็ต้องดูภาคเอกชนที่จะมาซื้อด้วยว่า จะคิดราคากันอย่างไร

                เนี่ย...ตรงนี้่ ขบวนการปลุกปั่นคงตาลุกวาว รีบหยิบไปปั่นเฟกนิวส์ ทำนองว่า "ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เอาวัคซีนมาขาย"

                อย่าไปหลงเชื่อเชียว วัคซีนส่วนนี้ เอามาเสริมสำหรับองค์กร/หน่วยงาน จัดซื้อไปฉีดให้คนในองค์-ในบริษัทของเขา

                เป็นคนละส่วนกับที่รัฐบาลจัดหามาฉีดให้ประชาชนทั่วไป เราๆ-ท่านๆ ซึ่งฟรีตลอดกาล

                คือ ซิโนฟาร์มส่วนนี้ ราชวิทยาลัยฯใช้งบจัดซื้อมาเสริมให้ก่อน ให้หน่วยงาน/องค์กร อย่างสภาอุตสาหกรรม,ปตท., องค์การบริหารท้องถิ่น ซึ่งมีคนในสังกัดเป็นแสน-เป็นล้าน และมีงบซื้อวัคซีนอยู่แล้ว

                ซื้อไปฉีด แทนที่จะไปรอของรัฐ ไปแย่งชาวบ้านเขา จะได้กระจายทั่วถึงเร็วขึ้น เศรษฐกิจและบ้านเมืองจะได้ฟื้นเร็วขึ้น

                คนในแต่ละองค์กร ก็ฉีดฟรี เพราะนายจ้างจ่ายให้เสร็จสรรพ

                ก็เข้าใจกันตามนี้นะ!

                ทีนี้มาถึงเรื่องที่คุยไว้แต่ต้น คือเรื่องพฤติกรรมคนไทยที่เปลี่ยนไป เหตุด้วยประชาธิปไตยแบ่งกันกิน ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔

                นี่คือตัวอย่าง "เฟกนิวส์" ปลุกปั่นให้แตกแยก เกลียดชังกันในชาติ พลันที่ราชวิทยาลัยฯ ช่วยจัดหาวัคซีน ก็มีทวีตนี้

                Piyabutr Saengkanokkul

            รัฐซ้อนรัฐ รัฐทางการใช้อำนาจตาม กม. รัฐเร้นลึกคอยบงการ แทรกแซง ไม่มีความรับผิด รัฐทางการคอยรับ ใช้รัฐเร้นลึก เมื่อไรที่รัฐทางการแตกแถว รัฐเร้นลึกพร้อมบดขยี้ทันที รัฐทางการถูกรัฐเร้นลึกทำ ให้ง่อยเปลี้ย ทำงานไม่ได้ รัฐทางการก็โดนด่า แต่รัฐเร้นลึกได้หน้า ทั้งหมดนี้ ประชาชนรับกรรม (1/2)

                .....................

                ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย

            ไทยเป็นตัวอย่าง ปท. UVCA World ได้ดีที่สุด ผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อนและกำกวม

                ขอแทรกนิด เพื่อเข้าใจคำที่เขาย่อใช่ VUCA ก็คือ

                 V-Volatility ความผันผวน, U-Uncertainty ความไม่แน่นอน, C-Complexity ความซับซ้อน, A-Ambiguity ความคลุมเครือ

                ...................

                ส่วนนี่ โพสต์ที่บ่งบอกถึง "ยิ่งมีการศึกษา ยิ่งโง่"

                มายด์ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล

            #มึงแจกประชาชนคนละ 1-2 ล้าน 80 ล้านคน ก็แค่ 80-160 ล้านบาท ไม่ต้องกู้มาถึง 7 แสนล้านล้านขนาดนี้หรอก กูมา 7 แสนล้านล้าน (ย้ำว่าล้านล้าน)

            #เงินไปอยู่ไหน

            #มีนายกโง่จริงๆ#ไอ้ควาย

            .........................

                และนี่ ปฐมบทแห่งเฟก "ซิโนฟาร์ม" สู่ฟาร์ม "เลี้่ยงแกะ" และใส่ร้าย

                @DuangritBunnag

            ท่าทาง ตอ มันจะลึกกว่าที่ผมคิดนะครับ ตอนนี้วิ่งไปชนตอ ใหญ่มาก ประมาณว่าอาจตายได้

            เรื่องวัคซีน ไม่คุยแล้วนะครับ หน้าที่นำเสนอผมจบแล้ว ใครอยากคุย ไปตามต่อกันเอง ใครจะว่าขลาด ก็ช่างแม่งครับ ช่วยชาติแค่ไหน ก็อาจจะไม่คุ้มเขาเอาถึงตายครับ

            คนนี้ เป็นใคร?

                ไทยรัฐออนไลน์ ลงข่าวไว้ เมื่อ ๑๓ มิ.ย.๖๓ ว่า....

                เพจเฟชบุ๊ก "CARE คิด เคลื่อน ไทย" ซึ่งเป็นกลุ่มการเมือง ที่เตรียมแตกตัวออกมาจากพรรคเพื่อไทย เพื่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ได้เปิดตัวแกนนำกลุ่ม

                โดยถ่ายทอดสดผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อเวลา 14.30 น.ที่ผ่านมา เพื่ออธิบายความเป็นมาของ "CARE" โดย 7 ตัวแทน "สมาชิกเริ่มต้น"

                นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำกลุ่มแคร์, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, น.ส.ลักขณา ปันวิชัย (แขก คำผกา) นักเขียนและพิธีกรรายการโทรทัศน์

                น.ส.วีรพร นิติประภา (แหม่ม) นักเขียนเจ้าของรางวัลซีไรต์, นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิก, นายพริษฐ์ รักตพงศ์ไพศาล ลูกชายนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล (เฮียเพ้ง) และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แกนนำกลุ่มแคร์

            อ๋อ...คนในกลุ่มนี้เอง!

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"