โรงเรียนในเมียนมากลับมาเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งเมื่อวันอังคารตามคำสั่งของรัฐบาลทหาร หลังจากปิดไปนาน 1 ปี แต่ครูและนักเรียนจำนวนมากต่อต้านไม่ไปโรงเรียน อีกด้านผู้สื่อข่าวเมียนมาที่โดนออกหมายจับ เดินทางไปขอลี้ภัยที่สเปน

แฟ้มภาพ ครูเมียนมาร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐประหารที่ย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2564 (Photo by Stringer/Anadolu Agency via Getty Images)

    เมียนมาตกอยู่ภายใต้ความสับสนอลหม่านตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหารถูกสังหารไปมากกว่า 800 ศพ ครูโรงเรียนรัฐบาลของเมียนมาร่วมกับพนักงานการรถไฟ, แพทย์และข้าราชการ ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น

     รัฐบาลทหารเมียนมายืนยันให้โรงเรียนเปิดเรียนในวันอังคารที่ 1 มิถุนายน หลังโรงเรียนปิดไป 1 ปีเนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ครูจำนวนมากตัดสินใจไม่กลับไปทำหน้าที่สอนนักเรียนในช่วงที่บ้านเมืองอยู่ภายใต้เผด็จการทหาร

    ครูวัย 28 ปีผู้หนึ่งในนครย่างกุ้ง เผยกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีว่า ไม่กลัวโดนจับหรือถูกทรมาน แต่กลัวมากกว่าที่จะต้องกลายเป็นครูที่สอนเนื้อหาโฆษณาชวนเชื่อให้นักเรียน เธอเป็นหนึ่งในครูหลายพันคนที่โดนไล่ออก เนื่องจากสนับสนุนขบวนการอารยะขัดขืน

    ด้านนู เม ซึ่งเป็นชื่อสมมุติ เป็นครูชั้นประถมศึกษาในรัฐมอญทางใต้ของประเทศ กล่าวว่า เธอยังไม่กลับไปสอนนักเรียน หลังเข้าร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐประหารทำให้เธอไม่ได้รับเงินเดือนมาแล้วหลายเดือน

    สื่อท้องถิ่นเมียนมาเผยแพร่ภาพหน้าอาคารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในเขตสะกายที่มีข้อความสีแดงเขียนไว้ว่า “เราไม่ต้องการครูที่เป็นทาสทหาร” และ “เราไม่ต้องการครูผู้ทรยศ”

    ด้านมะรัต จอ ตู ผู้สื่อข่าววัย 30 ปี สังกัดสำนักข่าวอีเอฟอีของสเปนที่โดนรัฐบาลทหารเมียนมาออกหมายจับจากการรายงานข่าวรัฐประหาร หลังไม่ได้รับการตอบรับขอลี้ภัยที่เยอรมนี เขาเดินทางมาขอลี้ภัยที่สเปน

    รามอน อบาร์กา ผู้อำนวยการอีเอฟอีภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยกับเอเอฟพีทางโทรศัพท์จากกรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ว่า มะรัตจะบินจากแฟรงก์เฟิร์ตมากรุงมาดริดในวันอังคาร เพื่อขอลี้ภัยในสเปน เขาจะอยู่ที่ศูนย์กักตัว 4 สัปดาห์

    มะรัตทำงานกับอีเอฟอีตั้งแต่ปี 2561 เขาได้รับรางวัลเคต เวบบ์ ของเอเอฟพีในปี 2560 จากรายงานข่าวความขัดแย้งกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาในเมียนมา.