กระเตง‘ดอน’นั่งจนส่งศาล!


เพิ่มเพื่อน    

  เนติบริกรยัน "ดอน" ไม่ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ รอประธาน กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญ เผยไม่มีการชี้ถูกผิด แค่ต้องการบรรทัดฐาน "บิ๊กตู่" ไม่ตอบเอาแต่ยิ้มกริ่มยกนิ้วโป้งให้นักข่าว ส่วน "บิ๊กป๊อก" ทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู

    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเห็นว่านายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ว่าได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทราบแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจาก กกต.ว่าใครผิดหรือไม่ผิด เพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น และไม่ทราบว่านายดอนจะทราบเรื่องดังกล่าวแล้วหรือไม่ 
    อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวนี้ที่ระบุว่า กกต.มีมติ 3 : 2 คงไม่ใช่ปัญหา แต่หากนายดอนมีความผิดจริง กกต.ต้องยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อชี้ขาดต่อไป เพราะคู่สมรสของนายดอนมีหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้แจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทราบเท่านั้นเอง 
    เขากล่าวว่า ที่ประชุม กกต.ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าไม่มีความผิด เพราะนายดอนดำรงตำแหน่งก่อนที่รัฐธรรมนูญจะประกาศใช้ ส่วนอีกฝ่ายเห็นว่าผิด เพราะต้องการให้เป็นบรรทัดฐาน จึงอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ดังนั้นประธาน กกต.จึงออกเสียงชี้ขาดว่านายดอนผิด เพื่อที่จะได้ส่งให้ศาลชี้ขาด จะได้เป็นบรรทัดฐาน และคำวินิจฉัยชี้ขาดนี้จะนำไปใช้กับนักการเมืองต่อไปในอนาคต เพื่อป้องกันปัญหา
    เมื่อถามว่า นายดอนจำเป็นต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ไม่จำเป็น และเคยมีตัวอย่างมาแล้วในอดีต ยังทำงานต่อไปได้ตามปกติ ส่วนจะแสดงสปิริตลาออกหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของนายดอน ส่วนตัวตอบไม่ถูก 
    เขากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีข้อกังวลใดๆ ขณะนี้ก็กำลังเตรียมการไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ซึ่งนายดอนก็ได้ดูแลเตรียมการให้นายกฯ เดินทางอยู่ นายดอนยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งทาง กกต.ก็เห็นว่าไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน
    เมื่อถามว่า ในอนาคตจะมีการปรับ ครม.หรือไม่ นายวิษณุปฏิเสธว่า ไม่ทราบ แต่ถ้าศาลตัดสินว่านายดอนผิด ก็จะต้องปรับ ส่วนจะปรับอย่างไรก็แล้วแต่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศยังมีรัฐมนตรีช่วยฯ อยู่ จึงไม่ถือเป็นภาระอะไร และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ก็เป็นคนกำกับอยู่แล้ว กระทรวงนี้ จึงไม่เกิดปัญหาเหมือนกระทรวงอื่น ที่ไม่มีรัฐมนตรีช่วยฯ
    “ที่ผ่านมาเคยมีกรณีอย่างนี้มาแล้ว ในรัฐบาลอื่น รัฐมนตรีคนอื่นๆ แต่กรณีรัฐมนตรีดอน ไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะเป็นรัฐมนตรีมาก่อน แล้วในขณะที่เป็น กฎหมายยังไม่ได้ระบุเรื่องถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ แล้วพออยู่มามีรัฐธรรมนูญประกาศออกมาใช้เรื่อง 5เปอร์เซ็นต์ออกมา คุณดอนก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะคงถือว่าไม่ได้ทำอะไรมาตั้งแต่ต้น จึงทำให้เกิดปัญหาว่าอย่างนี้ผิดหรือไม่ผิด แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่หุ้นของคุณดอน แต่เป็นของภรรยา ซึ่งก็น่าเห็นใจ เพราะกฎหมายบอกว่า ถ้าถือหุ้นเกิน 5เปอร์เซ็นต์ จะต้องทำ 2 อย่างคือ 1.แจ้งประธาน ป.ป.ช. 2.โอนหุ้นนั้นให้คนอื่นจัดการ เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นหุ้นอะไรก็ตาม แต่มีข้อแม้ว่าไม่ใช่หุ้นสัมปทาน เพราะถ้าเป็นสัมปทานต้องหลุดไปเลย" 
    นายวิษณุกล่าวว่า ภรรยาของนายดอนมีมรดก จึงได้นำมาตั้งบริษัทกับพี่น้องภายในครอบครัว และถือหุ้นกันเองภายในพี่น้อง 7 คน โดยไม่มีคนอื่น ซึ่งก็แน่นอนว่า ต้องเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ แล้วหุ้นนี้ของบริษัทนี้ไปดำเนินการทำคอนโดมิเนียมดูแลเก็บค่าเช่าเอง เป็นบริษัทครอบครัว ไม่ได้ค้าขาย ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะฉะนั้นพูดถึงความสุจริต เราก็พอจะมองเห็น และด้วยเหตุนี้ กกต. ถึงได้ออกเสียง 2 ต่อ 2 
    เมื่อถามว่า ตอนร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้มองในจุดที่อาจจะเป็นปัญหาลักลั่นอย่างนี้ใช่หรือไม่ รองนายกฯตอบว่า มีอะไรเยอะที่เขาเขียนไม่ชัด แล้วก็ทิ้งไว้ให้ ป.ป.ช.กับ กกต.ไปชี้เอาเอง ซึ่งเป็นธรรมดาที่เขาจะเขียนไม่หมด เพื่อให้ไปชี้ไปตัดสิน เหมือนกับที่บอกว่ารัฐมนตรีต้องไปถือประโยชน์ รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐเป็นข้อห้ามตามเจตนา ว่าไม่ให้ไปเป็นที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจ เพราะปัญหาเคยเกิดขึ้นในสมัยนายกฯ ทักษิณ ว่ารัฐมนตรีที่ใช้บริการการบินไทยบ่อยๆได้สะสมไมล์รอยัลออร์คิด แล้วนำมาแลกตั๋วบิน ถือเป็นการรับประโยชน์หรือไม่ ซึ่งฝ่ายหนึ่งบอกว่าใช่ อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่ใช่ ซึ่งก็ให้ ป.ป.ช.ตัดสิน ที่สุด ป.ป.ช.ก็ชี้ว่าไม่เป็น
    ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถาม แต่ได้โบกมือให้สื่อมวลชน และยกนิ้วโป้งให้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าวเช่นกัน พร้อมกับทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้กับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
     พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง แถลงว่า ข้อเท็จจริงอยู่ในกระบวนการดำเนินการของ กกต. ซึ่งไม่สามารถตอบได้ว่าอยู่ขั้นตอนใด และมีมติตามที่สื่อเสนอข่าวหรือไม่ แม้จะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดแล้วคงจะพูดไม่ได้ เพราะการพิจารณาของ กกต.เป็นการพิจารณาลับ และหากพูดไปจะกระทบต่อการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีและรัฐบาล เนื่องจากตามกฎหมาย กกต.ไม่ใช่ผู้ชี้ขาด ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งนายดอนไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ รวมทั้งไม่มีการแจ้งมติกับผู้ร้องและผู้ถูกร้อง จะทราบก็ต่อเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดแล้วเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตามกระบวนการของอนุกรรมการวินิจฉัย ได้เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีที่ถูกร้องได้ชี้แจงก่อนที่จะชี้มูลความผิด 
    ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้มองเรื่องหุ้น 5 เปอร์เซ็นต์ แต่มองเรื่องหุ้นสัมปทาน เพราะมีคำวินิจฉัยรองรับไว้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้น กกต.อาจตรวจเลยไปถึงบัญชีหุ้นที่ตนเคยแนบในสำนวนไปด้วย ซึ่งต้องขอดูรายงานของ กกต.ก่อนเพราะเห็นว่าอาจปล่อยกรณีหุ้นสัมปทานหลุดไป ทั้งนี้หากพิจารณาในเรื่องหุ้นสัมปทานด้วย จะทำให้รัฐมนตรีกว่า 10 คน รวมถึง สนช. อาจหลุดพ้นจากตำแหน่ง จึงสงสัยว่าการตรวจข้อมูลมา 11 เดือน ทำไมหวยถึงออกนายดอนคนเดียว พอข้ามเรื่องหุ้นสัมปทานไป คนที่เหลือก็ไม่ถูกนำเรื่องไปวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีอะไรในกอไผ่หรือไม่ ตนยังคาใจอยู่
        นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนกำลังตรวจเรื่องหุ้นของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการอยู่ และตนยังสงสัยว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ และนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม 2 คนนี้ ที่มีทีท่าว่าจะเล่นการเมือง ซึ่งตนเคยร้องเรื่องหุ้นว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 187 แต่ทำไม กกต.ถึงมีมติในสิ่งที่เราไม่ได้ร้องเป็นหลัก อีกทั้ง 8 คนที่เหลือหลุดเพราะข้อมูลไม่ครบถ้วนอย่างไร จึงอยากให้ กกต.ได้เปิดเผยผลสอบและส่งสำนวนมาให้ตนด้วย เพราะตนเป็นผู้ร้อง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"