ชี้พิรุธตร.จับ‘ลุงพล’ร้องกมธ.สอบ


เพิ่มเพื่อน    

 

"ป้าแต๋น" เข้าเยี่ยม "ลุงพล" เผยสามีหลับสบายดีไม่ค่อยเครียด แจงเส้นผมตกในรถลุงพลเป็นเรื่องปกติ  "ทนายตั้ม" ซัดกลับปม DNA ที่แท้เป็นของป้าแต๋นทำให้เข้าใจลุงพลผิด เส้นผมก็ระบุไม่ได้ว่าเป็นของใคร จ่อยื่น ปธ.กมธ.กฎหมายฯ ตรวจสอบ ตร.ทำไม่ถูกต้อง พร้อมเรียก ผบ.ตร.มาชี้แจง โฆษกตร.อ้างหากไม่จับลุงพลที่ ตร.จะผิด ม.157  "วิรุตม์" ชี้หมายจับมีพิรุธอื้อ ถือเป็นความล้าหลังของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องปฏิรูป

     เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน มีความคืบหน้ากรณีนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น เดินทางไปเยี่ยมนายไชย์พล  สามี โดยนำข้าวผัดกะเพราทะเล น้ำดื่ม น้ำอัดลม กาแฟ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ของใช้ส่วนตัวเข้าเยี่ยม
    นางสมพรเปิดเผยว่า ลุงพลนอนหลับสบายดี ไม่เครียดอะไร หลังจากนี้ก็ปล่อยให้ทนายดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ลุงพลรู้ว่าชมพู่หายไปจากตอนที่เจอกันที่หน้าบ้านป้าถอน และไม่ได้มีการโทรศัพท์ไปแจ้งลุงพล เพราะที่บ้านมีโทรศัพท์เพียงแค่เครื่องเดียว ส่วนหลักฐานที่พบซึ่งมีเส้นผมหรือเส้นขนของน้องชมพู่ตกอยู่ในรถของลุงพล ก็เป็นไปตามปกติที่น้องชมพู่เคยขึ้นรถลุงพลกับป้าแต๋นบ่อยครั้ง ทุกครั้งที่ไปด้วยกันน้องชมพู่ก็อยู่ในรถ ก็ไม่รู้ว่าขนและเส้นผมต่างๆ ของน้องชมพู่ตกอยู่ในรถเวลาใด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เส้นขนต่างๆจะหล่นในรถส่วนตัว
    "แต่วันที่เจ้าหน้าที่มาตรวจค้นหลักฐานในรถช่วงนั้นพวกเราไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจทันที และเอาเอกสารให้เซ็น ไม่ได้เป็นหมายค้นหรือแจ้งมาก่อนล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างให้ทนายความดำเนินการตามกฎหมาย และเชื่อมั่นในตัวทนายตั้ม ส่วนกรณีที่แม่น้องชมพู่ยื่นคัดค้านการประกันตัวก็เป็นสิทธิของเขา แต่เราพร้อมสู้เต็มที่ เรายืนยันว่าบริสุทธิ์ เรามีหลักฐานต่อสู้ทุกอย่าง" นางสมพร กล่าว
    พ.ต.ท.สุริญา นภกรีกพแหง สารวัตรใหญ่ สภ.กกตูม กล่าวว่า ตลอดคืนที่ผ่านมาลุงพลอยู่ในห้องขัง โดยอาการปกติไม่มีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด ยังคงนอนหลับเหมือนผู้ต้องขังปกติทั่วไป
    ต่อมาเวลา 11.30 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้?ม ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเยี่ยมลุง?พล ถึงแนวทางการสู้คดีว่า ได้วางแนวทางไว้แล้วตั้งแต่ลุงพลก่อนถูกหมายจับ โดยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ การให้สัมภาษณ์ว่าดีเอ็นเอเกี่ยวกับลุงพลทำให้สังคมเข้าใจผิด แต่ท้ายที่สุดคือไม่ใช่ แต่เป็นดีเอ็นเอที่เกี่ยวข้องกับลุงพล ทำไมไม่ระบุไปเลยว่าเป็นดีเอ็นเอป้าแต๋น เส้นผม 3 เส้นที่เจอก่อนหน้าระบุตัวตนไม่ได้ว่าเป็นใคร แค่ระบุว่าเป็นทางญาติทางแม่ ตำรวจต้องตอบสังคมว่าใช้วิธีตรวจแบบไหนถึงบอกว่า เป็นป้าแต๋น วิธีการตรวจเชื่อถือได้มากแค่ไหน
    “เวลาการสืบสวนสอบสวน เข้าใจว่าต้องการหาตัวผู้กระทำความผิด แต่ว่าการหาตัวผู้กระทำความผิดไม่ใช่ว่ามุ่งไปว่าคนนี้ผิดแน่ๆ แล้วหาหลักฐานไปเพื่อทำให้เขาเป็นคนผิดให้ได้ มันต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เมื่อขึ้นศาลก็ต้องยืนยันให้มั่นคง ไม่ใช่ออกหมายจับได้แล้วชนะเลย การออกหมายจับเพิ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น ไม่ใช่จะปิดคดีนี้ได้” นายษิทรากล่าว
    นายษิทรากล่าวว่า หลังจากนี้จะยื่นประกันตัว แต่ต้องขอความเมตตาต่อศาล เพราะว่าที่ผ่านมาลุงพลไม่มีพฤติการณ์หลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานตามที่ตำรวจออกหมายจับเลย ซึ่งทางทนายเตรียมที่จะยื่นประกันตัวอีกครั้งที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร วันที่ 4 มิ.ย.นี้ โดยใช้หลักทรัพย์ที่ดินเเละเงินสด ส่วนข้อกล่าวหาทั้ง 3 ข้อเป็นการคาดคะเนของชุดสืบสวน ไม่มีพยานเป็นประจักษ์บุคคลที่ชัดเจน ส่วนที่เดินทางเข้ามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไปมอบตัว คดีของลุงพลสำหรับตนแล้วมองว่าเป็นคดีกระแส ไม่ได้มีความยากหรือทำให้รู้สึกกังวล ยิ่งเห็นสำนวนยิ่งสบายใจ การแจ้งข้อหาที่เกิดขึ้น แต่ละข้อที่เป็นข้อหา ไม่พบพยานในสำนวนดังกล่าวว่ามีคนเห็นการกระทำตามข้อหา
    นายษิทรากล่าวด้วยว่า ในวันที่ 8 มิถุนายน ตนจะเข้ายื่นหนังสือถึงนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาฯ เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าตำรวจชุดที่ทำคดีนายไชย์พล เพราะตนมองว่าเป็นไปไม่ถูกต้อง และจะขอให้ กมธ.เรียก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้าชี้แจงด้วย
    พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 ได้เข้าแสดงหมายจับและจับกุมตัวนายไชย์พลได้บริเวณโถงชั้นล่าง อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จากนั้นได้ควบคุมตัวนายไชย์พลส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา และลงบันทึกประจำวัน ก่อนส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร และยืนยันว่ากรณีนายไชย์พลเป็นการจับกุมตัวตามหมาย ไม่ใช่การรับมอบตัวแต่อย่างใด
    โฆษก ตร.กล่าวว่า การที่ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวหรือการจับกุมตัว ไม่ได้มีผลในทางกฎหมาย เนื่องจากผู้ต้องหาถูกออกหมายจับ จะมอบตัวหรือจับกุมตัว ก็ต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหา และมีสภาพเป็นผู้ต้องหาอยู่แล้ว แต่การมอบตัว ฝ่ายผู้ต้องหาหรือผู้เกี่ยวข้องอาจยกขึ้นเป็นเหตุผลในการขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเหตุผลในเรื่องการไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ตำรวจที่จับกุมนายไชย์พลมีอำนาจและหน้าที่ในการจับกุมตามหมายอยู่แล้ว หากพบเห็นนายไชย์พลปรากฏตัวต่อหน้าแล้วไม่ดำเนินการจับกุม อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
    ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร  อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจและเลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) กล่าวว่า  คดีน้องชมพู่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำจนสุดท้ายนำไปสู่การออกหมายจับลุงพล ผู้เป็นลุงเขยนี้ ถือเป็นคดีที่ท้าทายประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรมอาญาของไทยในชั้นสอบสวนอย่างยิ่ง     การตั้งข้อหาและการออกหมายจับลุงพลมีข้อสงสัยมากมายว่าตำรวจใช้พยานหลักฐานอะไรไปรายงานต่อศาล  และถ้ามีหลักฐานชัดว่าลุงพลเข้าไปเกี่ยวข้องมีเจตนาทำให้น้องชมพู่ตาย ไม่ว่าจะโดยการอุ้มหรือเดินนำไปบนภูเขาแล้วทิ้งไว้ตามที่ตำรวจตั้งสมติฐานจริงเหตุใดจึงไม่มีข้อหาฆ่าผู้อื่นด้วย นั่นแสดงว่าแท้จริงพยานหลักฐานไม่มีความชัดเจนเลย จึงทำเพียงแจ้งข้อหาพรากเด็กไปจากผู้ปกครองเท่านั้น แต่ก็มีปัญหาว่าพรากด้วยวิธีใดและอย่างไรจนเป็นเหตุทำให้น้องถึงแก่ความตาย ก็ไม่มีใครออกมาอธิบายหรือชี้แจงเช่นกัน
    พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ลุงพลก็ไม่ได้หนีไปไหน คงอยู่ที่บ้านพักกับภรรยาที่บ้านกกกอกแทบจะตลอดเวลา ตำรวจจะออกหมายเรียกหรือแค่โทรศัพท์แจ้งให้ไปรับทราบข้อหาก็ยังทำได้ ไม่จำเป็นต้องไปเสนอศาลออก หมายจับ ทำให้เขาเกิดความเดือดร้อนเสียหาย อีกทั้งเมื่อเขาไปติดต่อขอมอบตัวกับตำรวจไม่ว่าระดับใดก็ไม่มีใคร รับ จ้องแต่จะจับตามหมายใส่กุญแจมืออย่างเดียว ถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่งของโลก ตำรวจผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต้องการให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาคดีสำคัญๆ กันทั้งนั้น  ทำให้บุคคลนั้นเดือดร้อนเสียหายและเข็ดหลาบอย่างไรก็ได้ รวมทั้งเป็นการลดความเชื่อถือต่อสังคมและใช้เป็นเหตุในการคัดค้านการประกันตัว เมื่อฝากถึงเวลาขังต่อศาล โดยอ้างว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ถือเป็นความล้าหลัง ของกระบวนการยุติธรรมอาญาไทยอีกเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขและปฏิรูปโดยเร็ว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"