เจรจาสุดยอดทรัมป์กับคิม ไม่ซับซ้อนแต่ซับซ้อน (1)


เพิ่มเพื่อน    

       

   นับจากข่าวรัฐบาลเกาหลีใต้กับสหรัฐหารือสันติภาพระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 18 เมษายน จากนั้นมีรายงานข่าวต่อเนื่องเรื่อยมา ผู้นำ 6 ประเทศอันได้แก่ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ สหรัฐ จีน ญี่ปุ่นและรัสเซียเดินทางไปมา มีการประชุมหารือต่อเนื่อง

            หลายคนคิดว่าจะเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และหวังให้เป็นเช่นนั้น ตัวแปรสำคัญตามภาพที่ปรากฏคือผู้นำเกาหลีเหนือกับรัฐบาลสหรัฐ หากเกาหลีเหนือยกเลิกโครงการนิวเคลียร์กับขีปนาวุธ รัฐบาลสหรัฐพร้อมจะเลิกคุกคามเกาหลีเหนือ เป็นเงื่อนไขตรงไปตรงมา ไม่น่าจะใช้เวลานาน แต่กว่าจะตกลงกำหนดวันประชุมได้มีอุปสรรค เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจกลับไปกลับมา

ความร่วมมือ 2 เกาหลี ปรารถนาสันติภาพ :

ผลการประชุมสุดยอด 2 ผู้นำเกาหลีเมื่อ 24 เมษายนที่ผ่านมาเป็นภาพแสดงให้เห็นว่า 2 เกาหลีจริงจังกับสันติภาพ ยกเลิกการแบ่งแยกและเผชิญหน้าแบบยุคสงครามเย็น เริ่มยุคสมานฉันท์ ประกาศว่าจะให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิง ยุติสงครามเกาหลีเหนือที่เริ่มต้นตั้งแต่ 1950

อันที่จริงแล้วรัฐบาลเกาหลีเหนือแสดงท่าทีพร้อมถอดถอนอาวุธนิวเคลียร์มานาน ถ้าสหรัฐจะอยู่อย่างสันติด้วย

            ถ้ามองเหตุการณ์ระยะสั้นที่เกาหลีเหนือทดสอบจุดระเบิดนิวเคลียร์ ทดลองยิงขีปนาวุธรุ่นใหม่ๆ วิวาทะระหว่างผู้นำคิม จ็องอึน (Kim Jong-un) กับรัฐบาลสหรัฐอาจทำให้คิดว่าเกาหลีเหนือก้าวร้าว ต้องการความรุนแรง ความจริงแล้วฝ่ายเกาหลีเหนือพยายามยื่นเสนอสันติภาพ

            ยกตัวอย่าง ในสมัยผู้นำคิม จอง อิล (Kim Jong-il ) บิดาผู้นำคนปัจจุบันเคยเข้ากระบวนการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลบิล คลินตัน (Bill Clinton) ในเดือนสุดท้ายก่อนสิ้นวาระประธานาธิบดีคลินตันดูเหมือนทุกอย่างไปด้วยดี กำลังจะบรรลุข้อตกลง แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเป็นจอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช (George W. Bush) สถานการณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ บุชประกาศเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงเทียบเท่าอิหร่านกับอิรัก กระบวนการเจรจาสันติภาพเป็นอันยุติโดยปริยาย นับวันมีหลักฐานชี้ว่ารัฐบาลบุชต้องการล้มล้างระบอบเกาหลีเหนือหลังล้มระบอบซัดดัม ฝ่ายเกาหลีเหนือตอบโต้ด้วยการเดินหน้าพัฒนาอาวุธ

            ในกรณีนี้จะเห็นว่าสันติภาพจะเกิดหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ขึ้นกับยุทธศาสตร์ที่วางไว้ รัฐบาลสหรัฐจะประกาศให้เป็นมิตรหรือศัตรูก็ได้ ส่วนเหตุผลสามารถ “สร้างขึ้น” ตามหลัง

            บุชมาจากพรรครีพับลิกัน ทรัมป์ก็เช่นกัน รีพับลิกันต้องการเป็นศัตรูกับเกาหลีเหนือ ทรัมป์แสดงออกชัดเจน

            ในบรรดาประเทศที่เกี่ยวข้อง เกาหลีใต้น่าจะเป็นประเทศที่ต้องการสันติภาพที่สุด

            รัฐบาลเกาหลีใต้ทุกชุดมีนโยบายสร้างสันติภาพ รวม 2 เกาหลีเข้าด้วยกัน เป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของคนเกาหลี รัฐบาล Kim Dae-Jung เป็นตัวอย่างที่ดีประกาศนโยบาย Sunshine Policy แผนขั้นแรกคือเกาหลีเหนือต้องยุติการยั่วยุทางทหารทุกอย่าง ด้านเกาหลีใต้จะเลิกคิดรวบเกาหลีเหนือมาเป็นของเกาหลีใต้ ประกันความมั่นคงของเกาหลีเหนือ ช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน (Moon Jae-in) กล่าวถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่ารัฐบาลสหรัฐตกลงกับเกาหลีใต้แล้วว่าหากคิดจะโจมตีเกาหลีเหนือต้องได้รับความเห็นชอบจากเกาหลีใต้ก่อน ไม่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะใช้วิธีการใดต้องหารือกับเกาหลีใต้และได้รับความเห็นชอบก่อนลงมือ “ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดสงคราม” จะแก้ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือด้วยการคว่ำบาตร กดดันและเจรจาหารือ

            หากความขัดแย้งบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ เกาหลีใต้จะกลายเป็นสมรภูมิรบทันที และจะเป็นประเทศที่สูญเสียมาก (อาจเป็นรองแค่เกาหลีเหนือเท่านั้น) เกิดคำถามว่าสงครามที่เกิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของใคร ทำไมเกาหลีใต้ต้องเสียหายมหาศาล ทำไมต้องพาประเทศสู่ความตกต่ำและทุกข์ยาก

ด้วยเหตุนี้ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน จึงย้ำว่ารัฐบาลไม่ต้องการสงคราม และจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดสงคราม พร้อมกับอธิบายว่าเหตุที่ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ถ้อยคำรุนแรงก้าวร้าวเพราะหวังกดดันเกาหลีเหนือ รัฐบาลเห็นชอบด้วย ขอเพียงแต่ต้องไม่บานปลายเป็นสงคราม

จุดแข็งและจุดอ่อนในตัว :

            การที่สหรัฐยื่นเงื่อนไขว่าเกาหลีเหนือจะต้องยกเลิกโครงการนิวเคลียร์กับขีปนาวุธพิสัยไกลโดยสิ้นเชิง มีจุดแข็งที่ “อาจ” ป้องกันไม่ให้เกาหลีเหนือใช้วิธีร่วมข้อตกลงระยะหนึ่งแล้วล้มเลิกข้อตกลง ข้อเสียคือ เมื่อเป็นการยุติโดยสมบูรณ์ถาวร เกาหลีเหนือใช้จุดนี้เรียกร้อง “สันติภาพถาวร” จากฝ่ายสหรัฐด้วย เช่น ยุติสงครามเกาหลีที่ยังไม่ประกาศยุติสงคราม สหรัฐต้องเลิกคิดโจมตีเกาหลีเหนือ ไม่ใช่แค่ผ่อนคลายการคว่ำบาตร ให้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ

            ถ้าวิเคราะห์ให้ลึกกว่านี้ แท้จริงแล้วเกาหลีเหนือไม่ได้เป็นภัยคุกคามรุนแรงดังที่รัฐบาลสหรัฐเอ่ยถึง แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายสหรัฐมักใช้เสมอเพื่อเหตุผลอื่นๆ เช่น เหตุผลที่สหรัฐต้องมีอำนาจทางทหารสูงสุด ต้องเพิ่มงบกลาโหม ยุทธศาสตร์ครองความเป็นเจ้า ฯลฯ

            และดังที่เคยนำเสนอแล้ว หากเกาหลีเหนือใช้นิวเคลียร์จริง (สมมุติว่าเป็นเช่นนั้น) เท่ากับฆ่าตัวตาย สหรัฐจะต้องล้มล้างระบอบเกาหลีเหนืออย่างสิ้นซากรวมทั้งตัวผู้นำคิมและผู้นำสำคัญๆ เป็นเหตุผลว่าเกาหลีเหนือใช้ประเด็นนิวเคลียร์เพื่อขู่เท่านั้นแต่จะไม่ใช่จริง (และอาจไม่มีโอกาสใช้ด้วยซ้ำ)

            เมื่อผนวกกับที่รัฐบาลสหรัฐมักพูดว่าต้องการสันติภาพ ต้องการให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์ เมื่อเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ จีน รัสเซีย ร่วมกันประสานเสียงเจรจาปลอดนิวเคลียร์ รัฐบาลทรัมป์ได้แต่เดินหน้าเจรจาสุดยอดไปก่อน

ความทันสมัย แรงกดดันต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือ :

ถ้าวิเคราะห์ปัจจัยภายใน รัฐบาลเกาหลีเหนือจะพูดอย่างไรก็ได้ เช่น สหรัฐต้องการทำลายล้างประเทศตน การปฏิวัติยังต้องดำเนินต่อไป แต่ทำไมตลอดเวลาเกือบ 7 ทศวรรษนับจากปฏิวัติยังต้องอยู่อย่างยากลำบาก ทำไมคนประเทศอื่นสุขสบายกว่า

รัฐบาลเกาหลีเหนือพยายามควบคุมสื่อและการรับรู้ของประชาชน แต่ไม่อาจห้ามการลักลอบขายซีดีเถื่อนจากจีน คนเกาหลีเหนือฟังเพลง K-pop นิยมดูซีรีย์ล่าสุดของจีนกับเกาหลีใต้ เห็นความก้าวหน้าของ 2 ประเทศนี้ที่นับวันจะทันสมัย จีนเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีถ้ายังมองว่าประเทศนี้เป็นสังคมนิยม

แม้รัฐบาลควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ไม่อาจห้ามความอยากอยู่ดีกินดี คนที่อิ่มท้องจะแสวงหาความสุขอื่นๆ เช่น แต่งกายดี มีสิ่งที่แสดงออกว่ามีฐานะดีกว่า แม้ต้องระวังการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐก็ตาม

            ตลาดมืดเป็นตัวอย่างธุรกิจผิดกฎหมายที่ได้กำไรงาม เป็นโอกาสของบรรดาผู้ถืออำนาจได้ประโยชน์ เป็นธุรกิจผูกขาด ทุกคนรู้ว่ามีตลาดมืดและรู้ว่าผิดกฎหมายแต่ยังคงค้าขายกันต่อไป การที่ข้าราชการ กลุ่มผู้มีเส้นสาย ไม่ยึดแนวทางเรียบง่ายประหยัดตามค่านิยมการปกครอง เป็นหลักฐานความล้มเหลวของอุดมการณ์ ตัวอุดมการณ์เป็นเพียงเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของระบอบเท่านั้นเอง

สิ่งที่คนเกาหลีเหนือเห็นคือความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐและสังคมโลก กลายเป็นคำถามกลับมาสู่ตัวเองว่าแล้วทำไมเกาหลีเหนือไม่อาจเจริญก้าวหน้า ทำไมต้องทนลำบากมาหลายสิบปีและอาจต้องทนอยู่อย่างนี้ต่อไป แม้ประชาชนยังไม่ลุกฮือ ทุกคนต่างรู้ดีว่าการเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ความนิยมต่อรัฐบาลมีแต่ลดน้อยถอยลง ไม่แต่ไม่กล้าเปิดปากพูดตรงๆ

            มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ไหม ขอให้อยู่ดีกินดีได้สักครึ่งของจีนกับเกาหลีใต้ก็ยังดี

เกาหลีเหนือผู้อยู่กึ่งกลางสมรภูมิจีนกับสหรัฐ :

ถ้าเป็นไปได้ ชนชั้นปกครองเกาหลีเหนืออาจจะต้องการให้ประเทศตนเหมือนจีน คือ ชนชั้นปกครองควบคุมเบ็ดเสร็จ เปิดเสรีเศรษฐกิจเป็นขั้นๆ เป็นมิตรกับเกาหลีใต้และประเทศอื่นๆ พูดสั้นๆ คือ ชนชั้นปกครองยังอยู่ในอำนาจต่อไป ควบคู่กับประเทศเจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดี

แต่เกาหลีเหนืออยู่ในประวัติศาสตร์กับภูมิรัฐศาสตร์อันเป็นสมรภูมิของมหาอำนาจ เป็นแนวกันชนของจีน รัฐบาลจีนเกรงว่าทหารอเมริกันจะมาประชิดชายแดนจึงพยายามรักษาเกาหลีเหนือให้เป็นแนวกันชนต่อไป

เหล่านี้เป็นเหตุผลสำคัญหนึ่งที่ทำให้เกาหลีเหนือเป็นอย่างที่เห็นอยู่ปัจจุบัน นอกเหนือจากความต้องการของชนชั้นปกครอง

ถ้าเทียบกับเวียดนาม รัฐบาลเวียดนามเก่งกว่ามากเรื่องการทูต สามารถเป็นมิตรทั้งกับจีน สหรัฐ เพื่อนบ้านอาเซียนและนานาประเทศ (ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้อาเซียนที่ดึงเวียดนามเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนด้วย)

เวียดนามปัจจุบันจึงอยู่เย็นเป็นสุข ประเทศพัฒนาเหนือกว่าเกาหลีเหนือ

การเป็นปรปักษ์กับสหรัฐและหลายประเทศนำสู่การคว่ำบาตร เหลือไม่กี่ประเทศที่ติดต่อค้าขายด้วย จีนกลายเป็นคู่ขายสำคัญโดยอัตโนมัติ แม้จะบอกว่าประเทศยัง “อยู่ได้” แต่จะ “อยู่ดี” หรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่อง

ถ้าเทียบกับเวียดนามที่ไม่อยู่ในภาวะทำสงครามกับใคร ความสงบสันติเปิดโอกาสสู่การพัฒนา ความก้าวหน้า

ผู้นำประเทศ ผู้บริหารบ้านเมืองจึงสำคัญ หากมีโอกาสเลือกควรใช้สิทธิเลือกให้ดี ส่งเสริมคนดีคนเก่งมีคุณธรรม.

รูป : จอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช (George W. Bush)

ที่มา : https://www.facebook.com/georgewbush/photos/a.176221562420244.52237.114546728587728/1221565084552548/?type=1&theater


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"