ศาลไต่สวนสายป่าน คดีฟ้องครูดำน้ำหมิ่น


เพิ่มเพื่อน    

 นักแสดงสาว "สายป่าน" อภิญญา สกุลเจริญสุข ขึ้นศาลไต่สวนนัดแรกในคดีฟ้องครูสอนดำน้ำโพสต์หมิ่นประมาท ย้ำชัดหมดโอกาสไกล่เกลี่ยหลังคู่กรณีไม่เคยติดต่อเข้ามา ยืนยันรับคำขอโทษเป็นเงินที่เรียกไป 5 ล้านบาท พร้อมดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นตัวอย่างในการใช้โซเชียล

    จากการที่นักแสดงสาว "สายป่าน" อภิญญา สกุลเจริญสุข ดารานักเเสดงชื่อดังเเละเจ้าของธุรกิจอุปกรณ์ดำน้ำ ยื่นฟ้องครูสอนดำน้ำโพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ทำให้บริษัทขายอุปกรณ์ดำน้ำของ น.ส.อภิญญาได้รับความเสียหายทางธุรกิจ ซึ่งในคดีมีการเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในคดี โดย น.ส.อภิญญา หรือสายป่าน สกุลเจริญสุข ดารานักเเสดงชื่อดัง เดินทางมาพร้อมทนายความ
    น.ส.อภิญญายอมรับว่า หลังเกิดเหตุการณ์ ทางคู่กรณีไม่เคยเข้ามาขอโทษ ไม่เคยติดต่อมาพูดคุยหรือไกล่เกลี่ย  ในเรื่องของความเสียหายทางธุรกิจก็ยังถือว่าได้รับผลกระทบอยู่ ผลประกอบการยังไม่ฟื้นกลับมาเหมือนเดิม ก่อนหน้านี้เคยรอว่าคู่กรณีจะติดต่อกลับมาบ้างหรือไม่ แต่เมื่อเวลามันผ่านมาขนาดนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาน่าจะเลือกเเล้ว ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว่าเขาประวิงเวลา ถ้าถามในเรื่องของธุรกิจก็ยังไม่รู้สึกกลับมามั่นใจอะไรทั้งนั้น
    เมื่อถามว่า มั่นใจด้านคดีหรือไม่ น.ส.อภิญญากล่าวว่า ขอแค่เจอเขาก่อน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้เจอเขาเลยจนถึงวันนี้ ส่วนเรื่องผลต่างๆ คงจะต้องขอให้เป็นเรื่องของศาลที่จะพิจารณา สำหรับคำขอโทษ ส่วนตัวมองว่าหากขอโทษตอนนี้คงจะไม่ทันแล้ว เพราะหากจะขอโทษก็ควรขอโทษตั้งแต่ในช่วงแรกแล้ว และคิดว่าตัวเขาเองคงตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเลือกวิธีไหน ถ้าเรื่องจบได้เงินมาจะทำยังไงต่อนั้น ตนไม่ได้วางแผนเลย และคิดว่าคงจะต้องไปทำบุญ ความจริงแล้วไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยซ้ำและก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็คงต้องดำเนินการ
    ทั้งนี้ หากเจอกับคู่กรณี คงไม่มีอะไรจะพูด เพราะส่วนตัวไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักหรือสนิทมาก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นเจอกันคงเป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่เจอกันเท่านั้น คงไม่ได้คุยอยู่แล้ว ก็คงจะดำเนินการไปตามคดี
    สำหรับข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณานั้น ตนมองว่า มีพี่ๆ น้องๆ ในวงการบันเทิงเจอการคุกคามหรือการมาคอมเมนต์ในลักษณะที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงจำนวนมาก ไม่เพียงแต่ตนเพียงคนเดียว ซึ่งหลายคนก็ถูกพูดถึงคอมเมนต์ในโลกโซเชียลมีเดียต่างๆ ทุกคนก็ดำเนินคดี อยากให้รู้ว่าถึงแม้จะเป็นคนของประชาชน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถคอมเมนต์หรือโจมตีจู่โจมเราได้จากทางโซเชียลมีเดีย ควรจะคอมเมนต์ดีๆ คิดเยอะๆ ก่อนจะเขียนหรือพูดอะไรลงไป เพราะพวกตนคงไม่อยู่เฉยๆ หากรู้สึกว่ามีโอกาสหรือรู้สึกว่ามีการคุกคามจริงๆ เราเอาคืนเเน่นอน
    ทั้งนี้ เห็นว่าหลายๆ คนเมื่อถูกแจ้งความดำเนินคดี มักจะส่งข้อความมาขอโทษ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าทำไมถึงไม่คิดก่อนทำ ก่อนทำอะไรควรคิดให้เยอะๆ หน่อย ส่วนตัวอยากทำธุรกิจตรงนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งตอนนี้ต้องกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาก่อน ยืนยันจะเดินหน้าเอาเรื่องให้ถึงที่สุด สำหรับธุรกิจนี้ทำคนเดียว แต่จดตั้งเป็นรูปแบบของบริษัท ซึ่งตนอยู่ในฐานะกรรมการบริหาร แต่หลังเรื่องนี้เกิดขึ้นก็มีคนที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก เช่น พนักงานในบริษัท เป็นต้น
    ด้านทนายความระบุว่า วันนี้มาไต่สวนมูลฟ้อง ก่อนหน้านี้มีการนัดไกล่เกลี่ยหลายครั้ง ทางตนเคยเปิดโอกาสให้เข้ามาคุย เเต่ทางคู่กรณีไม่มา บอกขออนุญาตติดต่อทางอินเทอร์เน็ตอิเล็กทรอนิกส์ ทางโทรศัพท์ ส่วนเจ้าหน้าที่ศาลก็ติดต่อไม่ได้ การนัดมาเจอครั้งนี้เป็นการไต่สวนนัดเเรก ก่อนหน้านี้ต้องเลื่อนเพราะคู่กรณีไม่มา เเละเพราะเหตุโควิด ทำให้ไม่เคยได้คุยหรือไกล่เกลี่ยกันเลย เพราะเขาก็ไม่ได้มาแสดงตัวเพื่อแสดงความจริงใจหรือเพื่อต้องการไกล่เกลี่ย คู่กรณีไม่เคยมีการติดต่อใดๆ มาเลย ซึ่งเมื่อคู่กรณีไม่ติดต่อมาและไม่ยอมมาพบเจอไกล่เกลี่ย ประกอบกับเจ้าหน้าที่ศาลติดต่อไปก็ติดต่อไม่ได้ ก็เลยส่งเรื่องกลับขึ้นสู่บัลลังก์เพื่อที่จะไต่สวนมูลฟ้อง
    ทั้งนี้ ตนมองว่าการนัดมาพูดคุยหรือไกล่เกลี่ย หรือได้พบเจอกันนั้นมันเป็นเรื่องของการแสดงความจริงใจว่าเขาพร้อมจะรับผิดชอบหรือเปล่า ซึ่งจากที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยเห็นในส่วนนี้ ยืนยันมีพยานหลักฐานชัดเจนเรื่องความเสียหายของสายป่านวันนี้จะมาไต่สวนมูลฟ้องก่อน หากไต่สวนแล้วศาลประทับรับฟ้องก็คงจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาต่อไป
    สำหรับหลักฐานนั้นยืนยันได้เพียงว่าชัดเจน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นข้อมูลทางคดี แต่หลักฐานนี้จะเป็นในเรื่องของความเสียหายและความชัดเจนที่แสดงให้เห็นในเรื่องของการหมิ่นประมาท ทั้งนี้ มีการเรียกค่าเสียหายด้วย ยืนยันว่ายังเป็นจำนวน 5 ล้านบาทเหมือนเดิม
    เมื่อถามว่า ขณะนี้ธุรกิจเริ่มกลับมาเหมือนเดิมไหม ทนายความของสายป่านกล่าวว่า เท่าที่ดูรายได้ผลประกอบการถ้าเทียบจากเมื่อก่อนยังถือว่าแตกต่างกันมาก ยังคงลดอยู่ เพราะก่อนหน้านี้แม้จะเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด เเต่ก็พบว่าบริษัทสายป่านยังขายได้อยู่จนกระทั่งมาถึงเรื่องนี้ ซึ่งภายหลังจากเกิดเรื่อง มีหลักฐานยกเลิกจากลูกค้าจำนวนมาก มีหลักฐานชัดเจน สำหรับแนวโน้มทางคดี เรียกว่าทางตนสู้เต็มที่ ก็คิดว่าจะได้รับความเป็นธรรมที่จะประทับฟ้องในครั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าถ้าขอโทษด้วยก็ดี แต่ก็ขอรับคำขอโทษเป็นเงินดีกว่า เพราะว่า น.ส.อภิญญาได้รับความเสียหายหนัก
    กรณีนี้ได้รับผลกระทบส่วนหนึ่งมาจากพี่ทางบริษัทเเม่ที่ต่างประเทศด้วย ซึ่งทางบริษัทส่งอีเมลกลับมาถามความคืบหน้าทางคดีเสมอ ว่าทำไมยอดตก แล้วคดีไปถึงไหน ตนก็มีการส่งอีเมลตอบกลับไปชี้แจงเป็นระยะ ต้องบอกว่าจากเดิมธุรกิจเคยขายดีมาก แต่พอมาเจอเรื่องนี้ ยอดตกลงไปเยอะมาก
     "ถ้าหากคู่กรณีจริงใจตั้งแต่ครั้งแรกก็จะจบเร็ว เพราะทางเราเปิดโอกาสตลอด แต่ครั้งนี้หากจริงใจด้วยก็ต้องมีค่าเสียหายมาด้วยเหมือนกัน" ทนายความระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"