เมื่อนายกฯ ชื่อ "พิธา"


เพิ่มเพื่อน    

        "หมดท่า" กันแล้วใช่มั้ย?

 

                ถึงขั้นต้องงัดเอางบอาหาร "สุนัขจรจัด-สุนัขพิการ" มาปั่นเฟกนิวส์ให้คนเข้าใจผิดสถาบัน

 

                ที่ทำกันต่างๆ นานามาเป็นปี ยังเลวไม่พอหรือไง?

                อยากถาม "ธนาธร-ปิยบุตร" ว่า รู้มั้ย....

                ใครชักใยแก๊ง "สามนิ้ว-สามสัส"?

                ถ้ารู้ ไปตบกระบาลสั่งสอนถึงโคตรมันที ว่าพอได้แล้ว

                การ "ล่มประเทศ" ไปขายฝรั่ง ด้วยวิธีการ "ด่าเจ้า-สร้างข่าวเท็จ" หวังให้คนเกลียดชังสถาบันนั้น

                มันไม่เวิร์กหรอก

                ชาวบ้าน-ชาวเมือง เขารู้ทันหมดแล้ว!

                นอกจากรู้ทัน คนทั้งโลกที่พอมีการศึกษา ยังเข้าใจด้วยว่า "สถาบันพระมหากษัตริย์" กับความเป็น "ชาติไทย" แยกกันไม่ได้

                เพราะ "เนื้อเดียวกัน"

                ฉะนั้น ที่เที่ยวด่าคนอื่นโง่ พวกมึงนั่นแหละ โง่ยิ่งกว่าควาย เพราะควายยังรู้จักแยก ไหนหญ้า-ไหนฟาง

                แต่สามนิ้วมหา'ลัย เป็นคนแท้ๆ แต่กลับแยกแยะไม่ได้ ว่าไหนข้าว ไหนแกลบ ยอมให้พวกจานสวมแอกลากไถ ให้มันเอาไปเป็นผลงานวางบิล

                หรือยอมเพื่อ "แลกเกรด"?

                พวกอาจม-อาจาน "บางคน" นี่เหมือนกัน จบอังกฤษ-อเมริกา คงเรียนแต่ตำรา แต่ไม่เรียนโลกและคนเท่าที่ควร

                ถ้าเรียนโลก จะต้องรู้ว่า....

                "อเมริกัน-ตะวันตก" เขามีทัศนคติและทำกับประเทศไทยเรามาแบบไหน

                และวางไทยไว้ในตำแหน่งไหน ในการคบค้าสมาคม?

                แต่แปลก....

                'จานพวกนี้ กลับฝังทัศนคติให้เด็กเทิดทูน "อเมริกัน-ตะวันตก" ยกมาเหยียดหยาม-ด้อยค่าประเทศไทยอันเป็นชาติกำเนิดของโคตรพ่อ-โคตรแม่ตัวเอง

                ถึงขั้นยอม "ล่มชาติ-ล้มสถาบัน" เพียงเพื่อได้เลียเนยจากปลายหัวแม่ตีน "อเมริกัน-ตะวันตก"

                จึงไม่แปลกใจ ที่พวกศิษย์แค่ได้เลียชีสเค้กที่สถานทูตสหรัฐฯ ถึงพร่ำเพ้อละเมอหาไม่เว้นวาง

                การอภิปรายงบประมาณแผ่นดิน ปี ๖๕ วันก่อนเหมือนกัน "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายฟังแล้วขนลุก

                “ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ผมจะต้องพยายามมากที่สุดในการปลดปล่อยภาระงบผูกพันในช่วงที่เราต้องการงบด้านสุขภาพมากกว่างบความมั่นคงนั้น

            ก็คือการบินตรงไปเจรจากับประเทศคู่ค้าขายอาวุธให้เรา เช่น ผมจะบินตรงไปหาประธานาธิบดีโจ ไบเดน

            เพื่อขอยกเว้นภาระผูกพันการจัดซื้ออาวุธทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐมนตรีของไทยเคยทำมาแล้วในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง”

            ไม่พูดถึงการชูคอ-ชูหางของ "กิ้งก่าทาส"

                แต่ขอพูดด้าน "ความรู้-ความเข้าใจ" ของคนที่สมมุติตัวเองเป็นนายกฯ

                แม้จบฮาร์วาร์ด แต่ที่พูด บ่งชัดว่า......

                ตื้นเขินต่อประวัติศาสตร์การคบหาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เอามากๆ มากจนวิตกว่า

                ถ้าไทยตกต่ำถึงขั้นนายพิธาเป็นนายกฯ ที่พูดกันว่า "สิ้นชาติ...สิ้นชาติ" คงต้องสิ้นจริงๆ!

                ที่โม้ จะบินไปหาโจ ไบเดน

                ผม "เบิดคำสิเว่า" บักหำเอ้ย!

                แต่อยากให้นายพิธาอธิบายซักนิดซิ ที่ว่า "รัฐมนตรีของไทยเคยทำมาแล้วในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง” นั่นน่ะ

                ใคร...ไปทำอะไร ให้เกิดประโยชน์โพดผลกับประเทศไทย...หือ?

                เจตนาลากโยงให้คนเข้าใจว่า "วิกฤติต้มยำกุ้ง" ทักษิณเป็นคนกู้บ้าน-กู้เมืองด้านหนี้สินกับสหรัฐฯ ประมาณนั้นใช่มั้ย?

                จะบอกให้ ไอ้กันโดยกลุ่มทุนยิว "จอร์จ โซรอส" นั่นแหละ โจมตีค่าเงินด้วยการ "ขายชอร์ตเงินบาท" จนเงินเราหมดคลัง-หมดประเทศ เกิดเป็นวิกฤติ "ต้มยำกุ้ง"

                ไปขอให้ไอ้กันช่วย เขาบอกไงรู้มั้ย?

                เขาบอก ประเทศไทยอยู่ไกล ไม่มีความหมาย ไปช่วยเม็กซิโกดีกว่า อยู่ใกล้ ได้ประโยชน์มากกว่า!

                นอกจากไม่ช่วยแล้ว......

                ยังบีบให้ "เอาประเทศจำนำ" กับกลุ่มทุนในคราบปิศาจนักบุญ ให้ไทยออกกฎหมายขายชาติ ๑๑ ฉบับ แลกกับการได้กู้ IMF

                หนังสือ My Life Bill Clinton บันทึกความทรงจำ "บิล คลินตัน" ช่วงเป็นประธานาธิบดี

                พิธาเรียนฮาร์วาร์ด ไม่เคยอ่านหรือ หรืออ่านแต่ ๑๐ ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของอานนท์ นำภา อย่างเดียว?

                ฮือฮามากนะช่วงนั้น ในหนังสือ บิล คลินตัน บอกว่า

                "ยอมรับว่าตัดสินใจผิด ที่ไม่ได้ช่วยเหลือประเทศไทยเลย แม้แต่ดอลลาร์เดียว"!

                ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีต รมว.คลัง อ่านที่ "คุณทนง ขันทอง" เขียนใน เดอะ เนชั่น แล้วนำมาขยายความต่อในประชาชาติธุรกิจ เมื่อปี ๔๗

                จะเก็บความช่วงนี้มาให้ดู......

                คลินตันเล่าว่า กระทรวงการต่างประเทศ, กลาโหม, สภาความมั่นคงสหรัฐฯ เสนอความเห็นว่า

                รัฐบาลสหรัฐฯ ควรช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศไทย เพราะไทยเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯ ในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

                เขาเห็นด้วย

                แต่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ขณะนั้น "นายโรเบิร์ต รูบิน" ไม่เห็นด้วย คลินตันบอกตรงนี้ในหนังสือว่า

                แม้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในแง่การเมืองและเศรษฐกิจในมุมของสหรัฐฯ แต่เป็นการให้สัญญาณที่ผิด

                พอข่าวออกไปว่า สหรัฐไม่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศไทยเท่านั้น

                ผู้คนและสถาบันการเงินก็ตกใจ รีบขนเงินตราต่างประเทศออกจากเมืองไทย เจ้าหนี้ก็ตกใจ รีบเรียกหนี้คืน

                ในที่สุด ประเทศไทยต้องขอความช่วยเหลือ "ยืมเงินจากประเทศอื่นๆ" ผ่านทาง IMF ประมาณ ๑๗ พันล้านเหรียญฯ

                ที่นายรูบินคัดค้าน คลินตันเผย เพราะก่อนหน้านั้น คองเกรสเคยโจมตีนายรูบิน ที่จ่ายเงินจากกองทุนช่วยเหลือเม็กซิโก ที่เกิดวิกฤติก่อนไทยราวปีครึ่ง

                ที่ช่วย เพราะเม็กซิโกอยู่ติดอเมริกา ถ้าเม็กซิโกเป็นอะไรไป ก็จะกระทบกระเทือนอเมริกา

                เม็กซิโกเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของอเมริกา เม็กซิโกเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของอเมริกา บริษัทอเมริกันลงทุนในเม็กซิโกเป็นจำนวนมาก

                ที่สำคัญ ถ้าเม็กซิกันตกงานก็จะทะลักเข้ามาหางานทำในอเมริกา อเมริกาก็จะเดือดร้อน

                แต่....

                "ประเทศไทยเป็นประเทศเล็กที่อยู่ห่างไกล อะไรจะเกิดขึ้นกับไทย ก็ไม่มีผลอะไรกับอเมริกา"

                คือ สหรัฐฯ ดูผลประโยชน์ของเขาเป็นหลัก เพียงสนับสนุนให้ IMF เข้ามาปล่อยเงินกู้ให้เท่านั้น

                แต่ไม่มีเงินจากสหรัฐอเมริกาเลย!

                เป็นเงิน IMF เองส่วนหนึ่ง นอกจากนั้่น เป็นเงินจากญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกทั้งสิ้น

                คลินตันยังเล่าว่า....

                เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก นอกจากจะไม่ช่วยเหลืออะไรประเทศไทยแล้ว

                ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น โรเบิร์ต รูบิน, แลร์รี ซัมเมอร์ รมช.คลัง รวมทั้งปู่ "อลัน กรีนสแปน" ต่างแสดงท่าที "แข็งกร้าว" ต่อไทย              บังคับให้ประเทศไทย....

                ใช้มาตรการต่างๆ อย่างรุนแรง โดยกดดันประเทศไทยผ่านทาง IMF จนเข้ามุมอับ....ฯลฯ.....

                ไปคลิกอ่านเต็มๆ ที่ http://www.klangluang.com นะครับ เจ็บนี้ คนไทยต้องจำ

                ดร.วีรพงษ์ท่านร่วมแก้ไขปัญหาอยู่ตอนนั้นด้วย ดังนั้น สิ่งที่ท่านเล่า ถือเป็น "สนิมแผล" ประวัติศาสตร์ จากรอยดาบสหรัฐฯ "มหามิตร" ที่กรีดฝากไว้ในหัวใจไทย "ของจริง-ของแท้"

                นี่คือ สิ่งที่พิธานและพวกสามนิ้ว ควรรู้ไว้ด้วย จะได้เอาหัวออกจากเกือกไอ้กันซะที

                ก็ไม่ได้ว่าอะไรอเมริกันเขานะ เพราะผมเข้าใจ สังคมเอเชีย เข้าใจเรื่อง "น้ำใจแห่งมิตร"

                แต่สังคมตะวันตก อย่างอเมริกัน คำว่าบุญคุณ คำว่าน้ำใจ คำว่าเพื่อนฝูง คำว่ามิตรสหาย ต้องช่วยเหลือกันนั้น ไม่มี

                มีแต่คำว่า "ผลประโยชน์" ล้วนๆ!

                พิธานจะบินไปขอความช่วยเหลือจาก "โจ ไบเดน" เมื่อไหร่ บอกด้วย

                จะเอากล้วยใส่ชะลอมให้ไปเป็นเสบียงซักหวี!

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"