จุดจบ-จุดเริ่ม 'การวัด-การเมือง'


เพิ่มเพื่อน    

      ก็นับว่ามีฤทธิ์เอาการ..........

      เสี่ยนงค์

      หรืออดีตพระ "พรหมเมธี" ใช้เวลา ๑๐ วัน เหาะข้ามทวีป จากวัดสัมพันธวงศ์ไปถึงเยอรมนีโน่น

      ทำให้เห็นว่า "ไม่มีอะไรใต้ฟ้าเมืองไทย ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้"

      อยู่ที่ว่า "จะทำ" หรือ "ไม่ทำ" เท่านั้น!

      กรณีนี้ เห็นชัด ในจำนวน ๓ พรหม "พรหมเอื้อน" สามพระยา จับได้ที่วัด

      "พรหมธงชัย" สระเกศ หนี แต่สุดทางหนี ยอมเข้ามอบตัว

      ส่วน "พรหมจำนงค์" สัมพันธวงศ์ ก็อย่างที่ทราบ จากไทยประเทศ สีกาพาเหาะข้าม "เข้าลาว-เข้าเขมร"

      จากนั้น ใช้พาสปอร์ตน้ำเงิน ขึ้นเครื่องจากเขมร ปลายทาง มุ่งวัดอาณาจักรธรรมกาย

      ถึงสนามบินแฟรงก์เฟิร์ต รอแค่ ตม.ตีตราพาสปอร์ตเปรี้ยงเดียว ก็ถึงสวรรค์

      แต่คงลืมพกค้อน "ชิตัง เม" ไปด้วย ที่สำคัญ ตำรวจ-กระทรวงต่างประเทศ โดยรัฐบาล คสช. "เอาจริง" เรื่องนี้

      สวรรค์เสี่ยนงค์จึงล่ม ทั้งที่อยู่แค่เอื้อม!

      ก็เป็นคำตอบทางตรรกะกลายๆ........

      ว่าทำไม ผู้ต้องหา มากเงิน-มากอิทธิพล-มากบารมี อย่างทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ จึงหนีได้ และล่าตัวกลับมาไม่ได้

      "ตำรวจ" พาหนีอีกตะหาก!

      แต่กรณี "เสี่ยนงค์" มากเหมือนกัน หนีแล้ว กลับหนีไม่รอด ถูกล่าตัวง่ายดาย โดยไม่ทันต้องเข้าขั้นตอนกฎหมายประเทศนั้นๆ ด้วยซ้ำ

      เป็นเช่นนั้น เพราะเหตุใด? เพราะเหตุเดียว คือ

      -ไม่ปล่อยให้หนี จึงหนีไม่รอด

      -เพราะปล่อยให้หนี จึงหนีรอด!

      กรณีพรมผืนที่สามนี้ เพราะไม่ปล่อยให้หนี ไทยประสาน ตร.สากล ตม.แต่ละประเทศ แจ้งยกเลิกพาสปอร์ต ทันที-ทันควัน

      อดีตพรหมเมธี จึงได้แค่ "จ่อเมือง" เยอรมัน

      แต่ "เข้าเมือง" ไม่ได้...........

      ไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง เพราะเป็นบุคคลตามหมายจับ ที่ทางการตำรวจไทยประสานตำรวจสากลไว้

      ตม.แฟรงก์เฟิร์ต กักตัวเป็นบุคคล "รอการส่งกลับ"!

      อ่านตามข่าวเย็นวาน (๓ มิ.ย.๖๑) บอกว่า........

      พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.บินไปรับตัวอดีตพระเดชพระคุณเจ้าพรหมเมธี ถึงที่เยอรมนีแล้ว!

      ล็อตต่อไป ก็ลุ้นกันว่า มีมั้ยที่ "เหนือพรหม"?

      เหนือจากพรหมขึ้นไป คือชั้นอะไร ไม่รุ...ไปดูกันเอาเอง!

      คำสอนพระพุทธองค์ ที่เรียกว่า "พระธรรม" นั้น เป็นอกาลิโก หมายถึง "เหนือกาล-เหนือเวลา"

      ต่อให้โลกแตก-จักรวาลสลาย มนุษยชาติสูญหาย-กลายพันธุ์

      ธรรมจากโอษฐ์พระพุทธองค์ ก็ยังคงอยู่

      เพราะธรรม นั้น ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงกำหนดขึ้นเอง บัญญัติขึ้นเอง

      หากแต่ มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ คือ "ความจริงแท้" อนันตกาลและอนันตจักรวาล ที่เรียกว่า "ธรรมชาติ"

      "มีอยู่-เป็นอยู่" เป็นสัจธรรมเช่นนั้นนิรันดร์กาล หากแต่ชนทั้งหลาย มีปัญญาหยั่งไม่ถึง

      เพียง "พระพุทธองค์" เท่านั้น ด้วยอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือพระญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

      ทรงรู้แจ้ง-แทงตลอด ในทุกข์, เหตุเกิดทุกข์, ความไม่ทุกข์, ทางนำสู่การไม่ทุกข์ ที่เรียกอริยสัจ ๔

      และ "ที่สุดแห่งทุกข์" คือ พระนิพพาน!

      ด้วยจริง-ตามจริงนี้ ธรรม คือธรรมชาติ ในความเป็นแก่น "พระพุทธศาสน์"

      จึงอยู่เหนือ "ดี-ชั่ว" แต่ละตัวคน ไม่ว่าคนในคราบผ้าเหลือง หรือผ้าสีไหนๆ

      คนทรามใช้ผ้าเหลืองคลุมร่าง ร่างเสื่อมจากรัศมีพุทธะเอง

      แต่พุทธะ ในความเป็นแก่นแท้ ไม่มีเสื่อม ดำรง-คงอยู่ ในความเป็นธรรม นิรันดร์

      ก็แยกพระ-แยกผี, แยกอลัชชี ด้วยเข้าใจกันตามนี้ จะได้ไม่เร่าร้อนและหม่นเศร้า เมื่อเห็นเจ้ากูระดับพรหมเคยกราบไหว้

      วันนี้ ต้องพาเหรดเข้าคุก ด้วยเรื่องน่าละอาย!

      มาดู "การเมือง" ว่าด้วยเรื่องพรรคกันบ้างดีกว่า

      เมื่อวาน (๓ มิ.ย.) เห็นเกรียวกราว เปิดตัว-เปิดพรรค "รวมพลังประชาชาติไทย" ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์

      แต่ไม่มีข่าวคราวว่า "ดร.อาทิตย์" มาแจม-มาจอยอะไรด้วย?

      มีแต่ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ และนายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์ ม.รังสิต ร่วมเป็นคณะก่อตั้ง

      ที่เกรียวกราวจ๊าวเจี๊ยวมาก........

      ก็ที่ "นายสุเทพ เทือกสุบรรณ" ประกาศเต็มตัวกับพรรค รปช. "รวมพลังประชาชาติไทย" นี้

      เดิมมี ปชป. วันนี้มี รปช. เขียนน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่ตอนเรียกนี่ซี ปากมันสับๆ กันเอาการ

      ปชป. ...รปช. ...

      เหมือนลิ้นกับฟัน เจ็บจี๊ด แต่ไม่จืดจาง!?

      ก็เห็นมากหน้า-หลายตาในงานเปิดพรรค ดร.เอนกถือเป็นนักวิชาการมีหลักคิด-หลักการเอกลักษณ์

      ไม่ใช่นักวิชาการประเภทใครทำอะไร มันก็ไม่ดี ไม่ใช่ ไม่ถูก ไปทุกเรื่อง

      แต่ถ้าถาม...แล้วอย่างไหนดี?

      ไม่รู้......

      ก็ กู "นักวิชาการ" หน้าที่ติแม่งมัน "ทุกเรื่อง-ทุกคน" ที่ไม่มีน้ำจิ้ม ที่เรียก "ทุนวิจัย-ให้โครงการ"

      ดร.เอนกที่อยู่ในฐานะ "หน้าเสื่อ" พรรค รปช.ขณะนี้ ความจริง ไม่ใช่หน้าใหม่ทางปฏิบัติการ "งานการเมือง"

      เคยลงสนามในฐานะ "หัวหน้าพรรค" มาแล้วหนหนึ่ง ไม่ถึงขั้นล้มเหลว

      แค่ว่า "ไม่พบความสำเร็จ" แล้วด่วนถอดใจ!

      ครั้งนี้ ดูท่านมั่นใจ จะมั่นในแนวคิดงานเพื่อปฏิรูปบ้านเมือง หรือมั่นในฐาน กปปส., ฐานพันธมิตร ก็ไม่ทราบ ถึงขั้นประกาศ........

      "ผมไม่กลัวแพ้ เชื่อว่าการทำการเมืองครั้งนี้ไม่มีแพ้ เพราะเป็นการทำเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินไทย

        ด้วยการทำการเมืองแบบรู้รักสามัคคี ปฏิรูปแต่ไม่โค่นล้ม เป็นการทำการเมืองเพื่อลูกหลานในอนาคต

        ภายใน ๓ เดือนนี้ จะเดินสายทั่วประเทศ เพื่อเตือนประชาชนที่เคยออกมาเดินถนน ยอมตาย ยอมเจ็บ และกำลังจะติดคุก

        ให้ร่วมกันทำพรรคการเมืองให้เป็นพรรคของพลเมือง ทั้งนี้ มีคนเป็นห่วงกลัวว่าผมจะมัวหมอง ไม่เป็นที่รักของคนทุกฝ่ายอีกแล้ว

        จึงบอกว่าจะทำการเมืองที่สร้างสรรค์ คิดด้วยกระบวนทัศน์ใหม่ๆ เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ประชาธิปไตยเริ่มภายในพรรค จึงจะทำประชาธิปไตยนอกพรรคได้ 

        ดังนั้น ผู้บริหารพรรคจะมี ก็ต่อเมื่อมีสมาชิกครบถ้วนตามกฎหมาย จึงจะเปิดประชุมสมัชชาพรรค

        ซึ่งขณะนั้น อาจมีสมาชิกเป็นหมื่นเป็นแสนลงคะแนนโดยไม่มีการจัดตั้งหรือสั่งการ

        ถ้าเลือกให้ผม 'เป็นหัวหน้า' ก็พร้อมเป็น.........

        แต่ถ้าไม่เลือก ก็ทำงานด้านอื่น

        โดยส่วนตัว อยากเป็น 'ผู้อำนวยการโรงเรียนพรรค' เพื่อสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้"

      คิดดี-หลักการดี-เป้าหมายดี..........

      แต่อยากบอก เมื่อลงมือแล้ว "อย่าถอย" อีก เพราะการเมือง สรุปจากเรื่องงามหรือเรื่องทราม โดยไม่ประยุกต์หาได้ไม่

      "การเมือง" เหมือนสวนไม้ดอก-ไม้ผล

      ต้นที่โต ดอกที่งาม ผลที่อร่อย หอม-หวาน บริโภคแล้ว ปราศจากสารพิษตกค้าง

      จะมาจากขี้..........

      ที่เรียกว่าปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ แทบทั้งนั้น!

      นั่นคือ "ต้องทน" และประยุกต์ "เรื่องที่ทน" จากประชาชน จากคนในพรรค และในสภา จากเหม็นจะกลายเป็นหอมเอง

      เห็นนักข่าวบอก "คุณสุเทพมาด้วย"

      มาช่วยกล่อมครรภ์ในการคลอด ไม่ใช่ผู้ทำคลอด หรือวางตนเป็น "พ่อทูนหัว" ของทารก รปช.ที่คลอด

      เปิดใจไป น้ำหู-น้ำตาปีติไหลไป...........

      "ผมจะเดินไปหาพี่น้องประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย ผมไม่มีอย่างอื่นเป็นต้นทุน ลงทุน ๕  หมื่นเท่าทุกคน

        แต่ยังเก็บรองเท้าคู่เดิมมาใช้รณรงค์ให้ประชาชนมาร่วมเป็นเจ้าของพรรคการเมืองด้วยกัน

        พรรคนี้ จึงไม่ใช่เวทีของกำนันสุเทพ แต่กำนันสุเทพจะเป็นส่วนหนึ่งของพรรคนี้ เหมือนชาวไทยทุกคนที่รักชาติ รักแผ่นดิน”

        เคยฟังแม่โหรสมัครเล่น "ฟองสนาน" ถอดรหัสดาว ราวๆ ตุลาจะแรงด้วยมีเหตุ

      ที่ ดร.เอนกก็ดี คุณสุเทพก็ดี ในนาม รปช.บอกจะเดินสายทั่วประเทศ

      สวม "หมวกกันน็อก" หน่อยละกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"