'สังคมก้าวหน้าแต่อย่าทิ้งคน'


เพิ่มเพื่อน    

     ดูรวมๆ.........

      สังคมบ้านเมืองปัจจุบัน ไม่ว่ามองทางไหน-ด้านไหน ดูมันสับสนวุ่นวาย น่าเบื่อ-น่ารำคาญไปหมด

      หาอะไร-ตรงไหน ถูกใจ พอใจ ใครไม่ได้เลย!

      ทุกเรื่อง-ทุกกรณี..........

      ไม่ว่าภาครัฐ-ภาคเอกชน จะแตะ จะเปลี่ยน จะทำอะไร ที่เรียกว่า "เปลี่ยนแปลง" ไปจากเดิม

      แม้เปลี่ยนแล้วจะทำให้ดีขึ้น กูไม่รู้...กูไม่สน ขี้เกียจคิด

      ผิดจากเคยชิน-เคยกิน-เคยอยู่...........

      กูต้าน-กูค้าน ว่าขายชาติ ว่าเอื้อนายทุน ว่าประชาชนเดือดร้อน ไว้ก่อนแหละ!

      นี่.........

      "ภาพรวม" ใน "ภาคเศรษฐกิจ-สังคม-การบริหารและการปกครอง" วันนี้ มันเป็นลักษณะนี้

      เพราะนี่คือ "ประเทศไทย-สังคมไทย"

      ไม่ว่ารัฐบาลเลือกตั้ง หรือเผด็จการตั้ง ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรในสังคม "ตามใจคือไทยแท้" ต้องรับสภาพนี้

      ดังนั้น.........

      "ความน่าเบื่อ-น่ารำคาญ" ดังที่ว่า แท้จริงแล้ว มันเป็นเพียงปฏิกิริยาหุ้ม "ความน่าปีติ-น่ายินดี" ตะหาก

      ซึ่งความปีติ-ยินดีนั้น จะเกิดตามมา

      หลังจาก "สิ่งเก่า" นั้น วิวัฒน์เป็นสิ่งใหม่ ได้เห็น-ได้ปรากฏ!

      เปรียบให้เห็นภาพ ว่าตัว "น่าเบื่อ-น่ารำคาญ" เหมือนยีสต์ ใช้ "หมัก-บ่ม" ในเบื้องต้น

      จากปลาเน่า เป็นปลาร้า หอมอร่อย จากน้ำตาลบูด เป็น เบียร์-เหล้า-ไวน์ ราคาแพง จากแป้งขึ้นรา เป็นขนมปัง ที่กินกันทั้งบ้าน-ทั้งเมือง

      เหตุนั้น จึงอยากบอกให้ทุกคนเข้าใจ ที่เห็นหน่วยงานนั้น องค์กรนี้

      เดี๋ยวข้าราชการ เดี๋ยวพนักงานรัฐวิสาหกิจ เดี๋ยวภาคประชาสังคม เดี๋ยวนายทุน-พ่อค้า-ประชาชน กระทั่งวงสงฆ์

      ประท้วง ชุมนุม ชูป้าย ต่อต้าน ค้านคัด ด้วยเหตุต่างๆ นานา จนไม่เป็นส่ำ-อยู่ไม่เป็นสุข

      อย่าเบื่อ อย่ารำคาญ.......

      จงมองด้วยความเข้าใจ และหมกความดีใจไว้ในความอดทนเถอะ

      เพราะนั่นแสดงว่า สังคมประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ-การเมือง และระบบข้าราชการ

      กำลังเข้าสู่โหมด "รื้อ-ล้าง-ปรับ-เปลี่ยน" สู่เส้นทางศตวรรษใหม่

      จะเรียกว่า ปฏิรูป-ปฏิวัติ "จากเก่า-สู่ใหม่" ตามวัฏจักรโลกก็ไม่ผิด

      ถ้า "ไม่ปรับเปลี่ยน" นั่นตะหากที่ "ผิด"!

      ผมเข้าใจ.........

      ทั้งภาคราษฎร์ ที่หลายๆ แห่ง ต่อต้าน-ค้านคัด การเปลี่ยนแปลงองค์กรและระบบงานที่เคยชิน

      และเข้าใจภาครัฐ โดยรัฐบาลนี้ ซึ่งเข้ามาบริหารแล้ว ชาวบ้านไม่เสียข้าวสุกเปล่า

      "อนาคตชาติ" ที่เป็นทางรอ "ประชาชน" ข้างหน้า จะไม่มีเลย ถ้ารัฐบาลวันนี้ เข้าไม่ถึงคำว่า "รักยาวให้บั่น-รักสั้นให้ต่อ"

      "รักยาวให้บั่น" คือ.......

      ต้องไม่บริหารประเทศด้วยหวังแค่ให้ประชาชนรัก โดยไม่ยอมหักด้ามพร้าด้วยเข่า ใช้ยาแรง คือการปฏิรูป

      เกาะแต่อำนาจเสวยสุข "ประจบ-เอาใจ" สังคมไปวันๆ อย่างผ่านๆ มา

      บางส่วน "อ้างจน" ทำอะไรก็ได้ ก็ยอม

      บางส่วน "อ้างอิทธิพล" ทำอะไรก็ได้ ก็ตามสบาย

      บางส่วน "อ้างรวย" ทำอะไรก็ได้ เชิญเลย..เชิญเลย

      หลายๆ ส่วน อ้าง กู..สหภาพฯ ทำอะไรก็ได้ กู..ตำรวจ-ทหาร ทำอะไรก็ได้ กู..นักการเมือง ทำอะไรได้

      กระทั่ง กู...สื่อ ทำอะไรก็ได้!

      บริหารแบบนั้น สังคมที่ชินสิ่งเก่า-ชังปรับเปลี่ยนใหม่ จะชอบ และพออก-พอใจมาก

      แต่ลูกหลานในวันข้างหน้า มันจะด่า......

      "บรรพบุรุษทรามบัดซบ"

      สร้างแต่บรรทัด "อายแทรกแผ่นดิน" เป็นประวัติทิ้งไว้ให้

      "ทางใหม่-สิ่งใหม่" ถากถางนำประเทศหมุนสู่ "อนาคตโลก" ข้างหน้า

      ........ไม่มีเลย!

      เพราะสิ่งที่รัฐบาลวันนี้กำลังทำ ไม่เป็นอย่างนั้น หลายเรื่อง "ขัดใจ-ขัดเคยชิน" สังคม

      จึงเห็น ตามเว็บ ตามออนไลน์ ตามจอ ตามกระดาษ เป็นเรื่องราว "คัดค้าน-ต้านต่อ" ถล่มกันทุกวัน

      แต่ผมชอบ...

      ยิ่งถล่ม ยิ่งค้านมากเท่าไหร่ ยิ่งชอบมากเท่านั้น

      เพราะนั่น แสดงถึง การปฏิรูปสิ่งเก่า-สู่สิ่งใหม่ เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมแล้ว

      ถ้าวันนี้ รัฐบาล คสช.ไม่ทำ ไม่สร้าง ไม่ปฏิรูป

      พูดได้คำเดียว.........

      เมื่อโอกาสมา คนมีโอกาส ไม่ฉวยโอกาส "ลงมือปฏิรูป"

      สังคมประเทศก็ "หมดโอกาส"

      จะลอกคราบประเทศสู่อนาคตใหม่ ในศตวรรษที่ ๒๑ แล้ว!

      เมื่อ "รัฐบาลเลือกตั้ง" กลับมา ด้วยประชาธิปไตยกินได้ผ่านฐานคะแนนเสียง

      รัฐบาลโหมด "ตามใจคือไทยแท้" ก็จะกลับมา

      คนหลวงโกงมั่ง คนราษฎร์โกงมั่ง ก็ไม่เป็นไร ได้เอามาแบ่งกัน ก็จะกลับมา

      มือใครยาว ใครหนังหนา-หน้าด้านกว่า ก็สาวได้-สาวเอา

      รูปแบบราชการ งานรัฐ-งานราษฎร์ เคยกันแบบไหน ก็ตกคลั่กอยู่กันแบบนั้น ก็จะกลับมา

      กฎหมายล้นประเทศ..........

      แต่มีไว้ สำหรับคนที่ไม่ใช่พวกกู! 

      ระบบ "เจ้าพ่อ-เจ้าแม่" ในเครือข่ายอิทธิพลเครื่องแบบและนักการเมือง ก็จะกลับมา

      สังคมไทย อันเป็นสังคม "ติดยึด" ด้วยเคยชิน-เคยตัว ก็จะดักดานอยู่อย่างนั้น

      ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงที่ต้องปรับตัว แม้การเปลี่ยนแปลงนั้น จะทำให้คุณภาพชีวิตและสังคมดีขึ้นก็ตาม

      ติดยึดจนชินนั้น ...........

      จะต่อราก "ระบบอุปถัมภ์" ให้หยั่งลึกยั่งยืน คือพึงพอใจคลานไปขอปลอกคอค่ายมาสวมชูอวดสังกัด

      เพราะนั่น ทำให้ "ไม่ต้องคิดอะไร" เอง.............

      การใช้ความคิดเป็นระบบ "เป็นเรื่องใหญ่" มาก สำหรับสังคมที่ชอบใช้สัญชาตญาณ แทนปัญญาทัศน์

      มีอะไร "บอกเจ้านาย-อ้างเจ้านาย"

      มันง่ายกว่า สบายกว่า ที่ต้องคิดหรือต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตสู่สิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเอง!

      การพัฒนาชายฝั่งตะวันออก ด้วยโครงการ EEC

      ถือเป็นการ "สร้าง+ปฏิรูป" ไปพร้อมๆ กัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ-สังคม-การศึกษา

      เป็นเรื่องใหญ่ เป็นโครงการชี้ขาด "รุ่ง-ล่ม" ของอนาคตประเทศ สู่ศตวรรษที่ ๒๑

      วันนี้-ขณะนี้ ยังไม่เห็นรูปร่าง-หน้าตาที่ "จับต้องได้" ในความเป็นวัตถุก่อสร้าง

      แต่สำหรับคนที่สนใจด้วยวิสัยทัศน์ จะเข้าใจ นี่คือ "เส้นเลือดใหญ่"

      อำนาจใหม่หลังเลืกตั้ง ใคร "จะต้าน-จะค้าน-จะล้ม" อะไร ก็สุดแต่อำนาจ

      แต่ถ้าล้มโครงการ EEC

      เท่ากับ "ล้มประเทศ" ในความหมาย "โอกาสเติบใหญ่" ของไทยประเทศ มีค่าเท่าศูนย์!

      และ EEC จะนำประเทศสู่เป้าหมายได้ครบวงจร ต้องปฏิรูป "ปรับ-เปลี่ยน"

      ในหลายเรื่อง-หลายเนื้องาน จากในหลายกระทรวง และหลายรัฐวิสาหกิจ ให้สอดคล้องต้องรับกัน

      แต่ทุกวันนี้ โครงการไป แผนงานไป.........

      แต่ "คนและงาน" ยังไม่ไป!

      คือ บ้านเมืองวิวัฒน์ แต่คนยังติดอยู่กับความคิดเดิม แบบแผนเดิม

      ถ้ารัฐบาลไม่แก้ตรงนี้ จะเกิดการ "ฉุดรั้ง" ระหว่างวัตถุเดินหน้ากับคนถอยหลัง

      ขนาดสังคมจีน รัฐบาลทำอะไรก็ได้ ยังปวดหัว กับเรื่องทำนองนี้

      ผมเห็น "ทัศนคติต้าน" จากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง

      แต่ก็เข้าใจ อย่างคนรถไฟ คนไฟฟ้า คนโทรศัพท์สื่อสาร สรุปว่า พนักงานในรัฐวิสาหกิจ

      คนเหล่านี้ ถือเป็น "ทรัพย์สินมีค่า" ไม่เพียงของรัฐ หากแต่ถึงขั้น "ของแผ่นดิน" เลยทีเดียว

      อย่างประปา-ไฟฟ้า-โทรศัพท์-รถไฟ-ไปรษณีย์-การบิน ประเทศเราก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ได้

      ส่วนหนึ่ง ก็ด้วย "ศักยภาพ-ฝีมือ-ความสามารถ" และใจ ของคนรัฐวิสาหกิจเหล่านี้แหละ

      พูดได้ว่า บ้านเมืองเรา "มีวันนี้" ได้ เพราะพวกเขา!

      ผ่านมาเกือบศตวรรษ.......

      บางแห่งเป็นศตวรรษ ก็เป็นธรรมดา โลกหมุน ทุกอย่างคงอยู่กับที่เดิมไม่ได้

      งานในรัฐวิสาหกิจหลักเหล่านั้นเช่นกัน ถึงยุคต้องปรับ-เปลี่ยน แต่ต้องถูกต่อต้านจากพนักงานแทบทุกแห่ง

      ถ้าผมเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก็ต้องต้าน เพราะนั่น มันเป็นมากกว่าที่ทำงาน เป็นมากกว่าบ้าน

      หากแต่มันเป็น "จิตวิญญาณสถิต" โดยแท้!

      เขารัก เขาผูกพัน จิตใต้สำนึกของมนุษย์ รากของรัก คือหวังเห็น "ทางเติบโต-ก้าวหน้า" ของสิ่งที่รัก

      จึงขอถามว่า ..........

      กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็ดี กับ ทีโอที ก็ดี กับ กสท โทรคมนาคม ก็ดี

      เห็นเหล่าสหภาพฯ "ขึงผ้าดำ" ต่อต้านการปรับ-เปลี่ยนรูปแบบงานมาหลายเดือนแล้ว

      มหาดไทย เจ้าสังกัด กฟภ. และกระทรวงดิจิทัลฯ เจ้าสังกัด ทีโอที-กสท

      จับเข่าคุย ด้วยเห็นคุณค่าในตัวพนักงาน แผ่หัวใจอธิบาย-ปรึกษาถึง "อนาคตร่วมกัน" ให้เขาเข้าใจหรือยังว่า

      ปรับ-เปลี่ยนคือ การก้าวไปข้างหน้า เพื่ออนาคตและความยั่งยืนด้วยกัน

      ไม่ใช่ปรับ-เปลี่ยน เพื่อ ปลดคน-โละคน หรือเป็นการ "ขายสมบัติชาติ" อย่างที่พูดกัน?

      ที่คุยวันนี้ ด้วยเหตุผลเดียว........

      คือตามที่ "นายกฯ ประยุทธ์" พูดเสมอ "เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"

      ท่านก็อย่าทิ้ง "คนรัฐวิสาหกิจ" ที่ผมรักนะ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"