"บิ๊กตู่" สั่งเพิ่มฉีดวัคซีน 5 แสนโดสต่อวันจากเดิมฉีดได้ 4 แสนโดสต่อวัน "อนุทิน" โต้คนวิจารณ์ซื้อวัคซีนแพง "หมอยง" แย้มกำลังศึกษาฉีดเข็ม 3 "สธ." ปรับแผนพื้นที่ระบาดฉีดแอสตร้าฯ เข็ม 2 เร็วขึ้นใน 8 สัปดาห์ หลังสายพันธุ์เดลตามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 
    เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงตอนหนึ่งถึงกรณีมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการเว้นระยะห่างการฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่งและสองของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าว่า ยืนยันมาตรการอยู่ที่ 12 สัปดาห์ แต่กรณีมีผู้ใช้ 16 สัปดาห์นั้น ตัวภูมิคุ้มกันยังครอบคลุมไปถึง แต่ถึงอย่างไรประเทศไทยยังยึด 12  สัปดาห์เป็นหลัก 
    มีรายงานว่า ในระหว่างการประชุม ครม.วันนี้ (22 มิ.ย.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้มีการติดตามความคืบหน้าเรื่องการฉีดวัคซีน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สอบถามนายอนุทินว่าปัจจุบันสามารถฉีดวัคซีนได้กี่คนต่อวัน โดยนายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข รายงานว่าขณะนี้สามารถฉีดได้สูงสุด 4 แสนโดสต่อวัน นายกฯ จึงขอให้มีการเพิ่มจำนวนการฉีดให้ได้ 5 แสนโดสต่อวัน โดยนายอนุทินได้รับทราบ
    ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์ กรณีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครทวงถามการจัดสรรวัคซีนที่ได้จำนวนน้อยมาก โดยผู้สื่อข่าวถามโดยใช้คำว่าดรามา ซึ่งนายอนุทินตอบว่า ดรามาก็คือดรามา เรื่องการจัดสรรวัคซีนตนพูดอยู่ทุกวัน การจัดสรรวัคซีนส่งไปตามสูตรการกระจายและเป็นข้อตกลงของ ศบค.และหน่วยงานต่างๆ กับกรมควบคุมโรค ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ และการฉีดวัคซีนทุกคนก็เห็นว่าฉีดได้วันละถึง  3 แสนคน ประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนก็มีและยังมีการจัดส่งอยู่ทุกสัปดาห์   
    "เมื่อมีสายพันธุ์อินเดีย (เดลตา) ก็มีนักวิชาการ อาจารย์แพทย์ที่ดูแลนโยบายวัคซีน ก็กำลังศึกษาว่าควรจะมีการฉีดกระตุ้นหรือไม่ หรือจะฉีดผสมต่างยี่ห้อได้หรือไม่  เหล่านี้กำลังศึกษาอยู่ ซึ่งเราก็ต้องมีความพร้อมในการจัดซื้อจัดหามาให้ทันเวลาและเพียงพอต่อประชาชน" นายอนุทินกล่าว
    ถามถึงการวิจารณ์ราคาวัคซีนระหว่างซิโนแวคที่ซื้อในราคาแพงกว่าแอสตร้าเซนเนก้า นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ถ้าไม่ซื้อซิโนแวค วัคซีนที่พร้อมจะส่งให้ทุกเดือนตั้งแต่เดือน มี.ค.เป็นต้นมา ทั้งที่ซิโนแวคเราสั่งไว้ตั้งแต่เดือน ธ.ค.63  เขาก็เริ่มส่งตั้งแต่ มี.ค.เป็นต้นมา จนถึงทุกวันนี้เขาก็ส่งให้เราอยู่เพราะเราเป็นลูกค้าที่ดี โดยเป็นการซื้อโดยตรงไม่ผ่านใคร เป็นวัคซีนที่เขาสามารถกันจำนวนการผลิตให้ประเทศไทยได้ 
    "อย่างกรณีวัคซีนไฟเซอร์ ที่เซ็นสัญญาไปตอนแรกก็บอกคิว 3 แต่เมื่อถึงเวลาจริงก็บอกคิว 4 แล้วอย่างนี้เราจะรอไหวหรือในสถานการณ์ระบาดขนาดนี้ ตอนที่แอสตร้าเซนเนก้ามาขายเขาก็ว่าใช้นโยบายซีเอสอาร์ โนโพรฟิต โนลอสต์ (ไม่ได้กำไรและไม่ขาดทุน) และมาผลิตอยู่ในประเทศไทย ค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงถูกลงแน่นอน และวัคซีนทั่วไปที่ซื้ออยู่ก็ซื้อตามราคาตลาด ไม่ได้ซื้อแพงกว่าคนอื่น ไปดูได้เขาขายประเทศไทยเท่านี้ แล้วขายประเทศอื่นถูกกว่า 5 เท่าอย่างที่กล่าวหาหรือไม่ ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย ภายใต้ระเบียบอยู่แล้ว เราไม่ได้ซื้อผ่านผู้ค้าคนกลางที่ไหนเลย ในการซื้อสถานทูตก็รู้ รัฐบาลก็รู้ และการซื้อซิโนแวครัฐบาลต้นทางคือจีนเขาก็ต้องอนุมัติการส่งออกทุกครั้ง ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ไม่มีใครทำผิดกฎหมาย" นายอนุทินกล่าว 
    ถามถึงกรณีอาจจะต้องฉีดซิโนแวคเข็ม 3 รองนายกฯ และ รมว.สธ.กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นเรื่องของวิชาการ ตนทำทุกอย่างในฐานะเป็นผู้สนับสนุนเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัคซีนยี่ห้อใด ใช้เท่าไหร่ ใช้อย่างไร ฉีดผสมได้หรือไม่ ก็จะมีคณะกรรมการวิชาการทางการแพทย์เป็นคนบอก รมว.สธ.ก็ทำตามคำแนะนำนั้น
    ด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวระหว่างการแถลงข่าว “Update สายพันธุ์ Delta (อินเดีย) และจะมีผลกระทบต่อการได้รับวัคซีนหรือไม่” ว่า แนะนำว่าผู้ที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าให้ฉีดเข็ม 2  เร็วขึ้น ส่วนวัคซีนของจีนไม่ว่าจะซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม  เมื่อฉีดครบ 2 เข็มแล้วภูมิต้านทานอาจจะยังต่ำอยู่  อาจกระตุ้นเข็ม 3 ลงไป ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเข็ม 3 ถึงความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงความเป็นไปได้ในการสลับยี่ห้อวัคซีน ต้องดูผลข้างเคียงและศึกษาว่าเข็ม  3 ควรฉีดหลังเข็ม 2 ภายในกี่เดือน ควรจะ 3 เดือนหรือ 6  เดือนถัดไป คาดว่าข้อมูลจะออกมาเร็วๆ นี้
    ขณะที่ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สธ.ได้จัดสรรวัคซีนกระจายไปยังพื้นที่แล้วรวม 8.5 ล้านโดส ตามแผนที่ ศบค.กำหนด เพื่อฉีดให้กลุ่มเป้าหมายตามการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร  ข้อมูลล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-21 มิ.ย.64 ฉีดวัคซีนแล้ว รวม 7,906,696 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 5,678,848  โดส และเข็มที่ 2 จำนวน 2,227,848 โดส ในจำนวนนี้เป็นวัคซีนซิโนแวค 5,550,891 โดส และแอสตร้าเซนเนก้า  2,355,805 โดส
    นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า สำหรับวัคซีนแอสตร้าฯ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.64  กำหนดระยะห่างของการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ห่างกัน 10-12 สัปดาห์ และสามารถขยายได้ถึง 16 สัปดาห์ในกรณีที่จำเป็น ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของประเทศอังกฤษที่มีการศึกษาว่าขยายได้ถึง 16 สัปดาห์ในระยะแรกของการรณรงค์ ซึ่งในขณะนั้นยังไม่พบการระบาดของสายพันธุ์เดลตา โดยมอบให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม.บริหารจัดการฉีดวัคซีนในพื้นที่ได้ตามความเหมาะสม
    "อย่างไรก็ตามขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่า สายพันธุ์เดลตามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจึงเห็นชอบให้พื้นที่ที่มีการระบาดสามารถปรับระยะเวลาการฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ เข็มที่ 2 ให้เร็วขึ้น จากปกติที่นัดห่างจากเข็มแรก 10-12 สัปดาห์ เป็น 8  สัปดาห์" ปลัด สธ.กล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้มีประกาศเลื่อนนัดฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2  ให้เร็วขึ้น โดยข้อความระบุว่า "โรงพยาบาลศิริราชเลื่อนนัดฉีดวัคซีน เข็มที่ 2 เร็วขึ้น จากนัดหมายเดิม 16 สัปดาห์  เลื่อนมาเป็น 12 สัปดาห์ ตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดเชื้อแห่งชาติ สำหรับท่านที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็มที่  1 ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 7-18 มิ.ย.64 โดยเลื่อนฉีดเข็ม 2 จากเดิมวันที่ 27 ก.ย.ถึง 8 ต.ค. เป็นวันที่ 30 ส.ค.ถึง  10 ก.ย.แทน ขณะที่ผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดตั้งแต่วันที่  19 มิ.ย.64 เป็นต้นไปนั้น สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 2 ได้ ตามวันที่นัดหมายเดิม"
    วันเดียวกัน คณะกรรมการดำเนินงานศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อออกเอกสารแจ้งเรื่อง "การบริหารจัดการการฉีดวัคซีน Covid-19 ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ" ตอนหนึ่งระบุว่า "ตามที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางชื่อ ได้เปิดให้บริการเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19  โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นสถานที่ผลิตวัคซีนประเภทโรงพยาบาลสนามชั่วคราว จวบจนปัจจุบันเป็นระยะเวลา 30 วัน มีผลการดำเนินงานให้บริการประชาชนได้เข้าถึงวัคซีนแล้วรวมกว่า 375,000 ราย โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น  หากมีการแอบอ้างผลประโยชน์ในทางไม่ชอบขอให้ส่งข้อมูลทาง E-MAIL : [email protected] กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคมจะได้ร่วมดำเนินการสอบสวน และดำเนินคดีทางอาญาอย่างถึงที่สุดแก่ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.