“ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะประชุม ศบค. เมินข้อเสนอล็อกดาวน์ ทำแค่ปิดแคมป์คนงานใน กทม.และปริมณฑล รวมทั้ง 4 จังหวัดใต้เป็นเวลา 1 เดือน  พร้อมให้แรงงานไปเยียวยา เล็งดีเดย์เริ่ม 28 มิ.ย.นี้ อ้อนร้อนใจกว่าทุกคนอีก ขอให้ทุกคนอดทน ชนะไปด้วยกัน “สุชาติ” มั่นใจเอาอยู่ ไม่มีแรงงานเล็ดลอดแน่ เพราะมีข้าวกิน มีเงินให้จับจ่าย เล็งดึง “ตำรวจ” มาคุมเข้มแคมป์ พร้อมลุยตรวจให้ครบ 100%
เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน ในเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด- 19 (ศปก.ศบค.) และที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข ศูนย์โควิด-19 ที่มี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานและคณะ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องเข้าหารือถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะในข้อเสนอเรื่องล็อกดาวน์กรุงเทพมหานคร 
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวก่อนการประชุมว่า ในวันนี้ทั้งคุณหมอ นายกฯ โดนเรียบ รัฐบาลก็โดนกันเรียบ แต่ก็ไม่เป็นไร คิดว่าหลายอย่างแก้ปัญหาได้ด้วยความร่วมมือระหว่างกัน จึงขอรับผลสรุปการประชุมของคณะที่ปรึกษาที่ได้หารือกันไปแล้ว และขอรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพิ่มเติม ซึ่งหลายคนบอกว่าทำไมจีนแก้ปัญหาได้ ก็ต้องถามว่าเขามีวินัยไหม ห้ามคนของเขาได้ไหม แต่ส่วนของไทย ห้ามคนของเราได้มากน้อยแค่ไหนก็รู้กันดี
ทั้งนี้ ในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเรื่องนี้หลังตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ถึงข้อเสนอให้ล็อกดาวน์เพื่อให้เจ็บแล้วจบว่า "แน่ใจไหมว่าปิดแล้วมันจบ คุณรับรองให้ผมได้ไหม ถ้านักข่าวบอกให้ผมปิด แล้วถ้าผมปิด แล้วถ้าไม่จบจะทำยังไง ตอบคำถามผมต่อซิ ผมกำลังคิดว่าถ้ามันทำเจ็บแล้วจบมันก็ควรทำ แต่ถ้าเจ็บแล้วไม่จบมันต้องหาวิธีการอื่นไหม ทำให้ดีที่สุดนั่นแหละ อยู่ที่คนทุกคนต้องปกป้องระวังตัวเอง ผมไม่โทษใครทั้งสิ้น แต่ทุกคนต้องมีจิตสำนึก"
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงในเรื่องนี้ว่า กรมควบคุมโรคเสนอลักษณะการล็อกเป็นจุดๆ โดยมีองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ ปิดพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง, บุคคลกลุ่มเสี่ยง เช่น แรงงานต่างด้าว, ปิดในกิจกรรมกิจการเสี่ยง มากกว่าปิดทั้งหมดทั้ง กทม. หรือทั้งจังหวัด ซึ่งในต่างจังหวัดจะเห็นภาพได้ชัด เช่น ปิดตำบลที่เสี่ยง ตลาดที่เสี่ยง แคมป์คนงาน ต่างด้าวที่เดินกับทางข้ามพื้นที่ก็ล็อกเฉพาะส่วนนั้น เพราะเป็นห่วงว่าการล็อกอาจไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลายเป็นจุดชนวนของปัญหามากขึ้น เช่น ที่โรงเรียนมัรกัส จ.ยะลา เมื่อปิดโรงเรียนแล้ว มีการแพร่กระจายไปได้ 11 จังหวัด
ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการล็อกดาวน์ กทม. แต่หากจำเป็นต้องปิด ขอให้ปิดเฉพาะเขตหรือเฉพาะพื้นที่ที่มีการระบาดเท่านั้น  
หลังประชุมเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง ในเวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์แถลงภายหลังการประชุมว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน จากการรับฟังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมีความห่วงใยสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในแคมป์คนงานต่างๆ จึงต้องปิดแคมป์เหล่านี้เพื่อระงับการแพร่ระบาด โดยกระทรวงแรงงานจะเข้าไปดูแลค่าใช้จ่ายในระหว่างที่ปิดแคมป์เป็นเวลา 1 เดือนในเบื้องต้น ซึ่งทุกคนจะต้องอยู่ในพื้นที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นแรงงานคนไทยหรือต่างด้าว เราต้องควบคุมตรงนี้ให้ได้ เพราะเป็นคลัสเตอร์ อีกส่วนหนึ่งคือโครงการของรัฐในเรื่องของการจ้างงาน ได้สั่งการว่าให้หยุดชั่วคราวไปก่อน 1 เดือน ซึ่งจะยืดระยะเวลาให้ภายหลัง
"ส่วนของ กทม.และปริมณฑลทั้งหมด ในวันนี้รวมทั้ง 4 จังหวัดภาคใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ที่โรคกำลังแพร่ระบาดในขณะนี้ ซึ่งได้นำตัวเลขทั้งหมดมาประเมินโดยใช้หลักการสาธารณสุข รวมทั้งการปฏิบัติของฝ่ายบริหาร วันนี้เราต้องเข้มงวด นอกจากนี้ก็ต้องไปดูว่ากิจการใดที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดโรค แต่เราไม่ใช้คำว่าปิดทั้งหมด แต่จะมีมาตรการเฉพาะออกมาเป็นการชั่วคราว แล้วมาประเมินว่าถูกต้องตามเป้าหมายหรือเปล่า ขณะเดียวกันรัฐบาลก็พร้อมที่จะดูแล คำว่าล็อกดาวน์มันยิ่งใหญ่ เราขอใช้คำว่าเป็นกิจการเป็นพื้นที่เป็นคลัสเตอร์ ที่เราต้องดูแลเป็นพิเศษ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ทั้งหมดที่พิจารณาจะออกเป็นมาตรการภายในสัปดาห์นี้ วันจันทร์ที่ 28 มิ.ย.นี้ จะเริ่มปฏิบัติขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนที่ปิดแคมป์คนงานเฉพาะที่ กทม.หรือปริมณฑลด้วย นายกฯ กล่าวว่า กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ จ.ปัตตานี ยะลา สงขลา และนราธิวาส โดยใช้มาตรฐานเดียวกัน ส่วนถ้าไม่ใช้คำว่าล็อกดาวน์แล้วจะใช้คำว่าอะไรนั้น ถือเป็นการบริหารจัดการควบคุมโรคเป็นพื้นที่ เป็นกลุ่ม ถ้าพูดล็อกดาวน์มันน่าตกใจไปหมด ถ้าล็อกดาวน์แล้วให้ทุกคนอยู่บ้านกันหมดมันก็มีปัญหาอีก การทำงานยังสามารถทำได้อยู่ แต่อาจจะจำกัดเวลาลงบ้าง วิธีการอาจลดความสะดวกลงไปบ้าง แต่ทั้งหมดเพื่อใคร ก็เพื่อคนทั้งประเทศ เพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดกระจายเป็นวงกว้างต่อไป
เมื่อถามว่าจะใช้มาตรการเดียวกับเดือน เม.ย.2563 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เอามาทบทวนดูทั้งหมดว่าจะทำได้แค่ไหนอย่างไร มันควรจะแค่ไหน ตรงเป้าหรือเปล่า เพราะครั้งที่แล้วมันเปิดกว้างมากไปหน่อยหรือเปล่า สถานการณ์ตอนนั้นคือตอนนั้น แต่ตอนนี้คือสถานการณ์ตอนนี้ ซึ่งต้องหาให้เจอต้นตออยู่ที่ไหนอย่างไร ต้องขจัดจากต้นตอ 
เมื่อถามว่าจะถึงขั้นประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ยังไม่มี ตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นกังวลทุกเรื่อง ทำอะไรก็ตามต้องมีผลกระทบทั้งสิ้น แต่ยืนยันว่าจะดูแลให้มากที่สุด
เมื่อถามว่า การดำเนินการจะทำในลักษณะสมุทรสาครโมเดลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนนี้ที่จะปิดแน่ๆ คือแคมป์คนงาน เพราะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ทราบได้แล้วว่ามาจากแหล่งนี้เป็นจำนวนมาก จะปิดลักษณะอย่างนี้ โดยมาตรการนี้จะใช้เวลา 1 เดือน อดทนหน่อย ส่วนการบับเบิลแอนด์ซีลก็ทำกันอยู่แล้ว โดยโรงงานอุตสาหกรรมต้องทำของตัวเอง ตรงนั้นจะปิดมากไม่ได้ แต่ที่จะปิดคือแคมป์คนงาน เพราะคนที่อยู่ตรงนี้สามารถไปนั่นไปนี่ได้ รวมถึงคนเข้าไปค้าขายส่งอาหารแล้วก็ติดกันเองอยู่อย่างนี้ ฉะนั้นต้องหยุดตรงนี้ให้ได้ ในส่วนของโรงงานยังคงประกอบการได้ แต่เขาต้องบับเบิลแอนด์ซีล ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ ส่วนการเดินทางยังไม่ได้จำกัดอะไร และพื้นที่ของแต่ละจังหวัดเขาก็มีมาตรการอยู่แล้ว 
เมื่อถามว่า ในกรุงเทพฯ เรามีโรงงานและแคมป์รวมกันประมาณเท่าไหร่ นายกฯ กล่าวว่า รวมกันแล้วก็เป็นหมื่น แต่เราก็ต้องดูพื้นที่ไหนที่เป็นปัญหา และทุกโรงงานเขาก็มีบับเบิลแอนด์ซีล และเราจะปิดโรงงานเฉพาะที่มีการแพร่ระบาด หรือควบคุมไม่ได้ และเราก็เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ แต่เรื่องการฉีดวัคซีนก็ต้องดูกลุ่มอื่นด้วยนี่คือหลักการบริหารที่ต้องบริหารแบบนี้ ถ้าเอาแต่ใจกันก็ทำไม่ได้หมด
“ผมรู้ว่าทุกคนเดือดร้อน ผมเองก็เดือดร้อน เดือดร้อนใจยิ่งกว่าท่านอีก เพราะผมเป็นผู้รับผิดชอบใช่หรือไม่ และหมอที่ยืนข้างๆ ผมก็มาจากโรงพยาบาลหลักเท่านั้น เป็นคณบดีทั้งนั้น ไม่เชื่อนายกฯ ก็เชื่อหมอแล้วกัน” นายกฯ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายเมื่อถามว่านายกฯ ยังไหวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ปัดโธ่" ก่อนชูสองนิ้วให้สื่อ เมื่อสื่อกระเซ้าว่า 2 นิ้วคือขออีก 2 ปีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อะไร 2 ปี ไม่รู้ ขึ้นอยู่กับพวกเรา อย่างไรก็ตาม รู้ว่าวันนี้ทุกคนอดทนอยู่แล้ว จึงขอบคุณมากๆ อดทนไปด้วยกัน เผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหาไปด้วยกัน ด้วยความรัก ความสามัคคี และลดความขัดแย้งไปได้ทุกเรื่อง ซึ่งวันนี้ได้คุยกับทูตก็ชมทั้งวัน และบอกว่ารัฐบาลเขาฝากชมและเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทย ก่อนชูมือสัญลักษณ์ตัว v และกล่าวว่า นี่คือ v วัคซีนและ Victory เราต้องชนะไปด้วยกัน จะเชื่อใจตนเองหรือไม่ว่าจะทำให้สำเร็จ โดยผู้สื่อข่าวบอกว่าเชื่อมา 6 ปีแล้ว นายกฯ กล่าวว่า "ก็จงเชื่อต่อไป ไม่อยู่แล้วใครจะทำต่อ ล้วงแคะแกะเกาก็แก้อยู่" พร้อมกระเซ้าผู้สื่อข่าวว่า "อย่าเที่ยวไปตรงที่เขาชุมนุมนะ เดี๋ยวจะติดเชื้อหรอก"
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวถึงมาตรการปิดแคมป์คนงาน 1 เดือนว่า ได้ประสานกับกระทรวงมหาดไทย (มท.) เพื่อจะลงไปในพื้นพบกับผู้ประกอบการ ชี้แจงมาตรการพร้อมกับขอความร่วมมือในการงดเคลื่อนย้ายแรงงานทั้งหมดในเวลานี้ โดยในช่วงปิดแคมป์จะมีมาตรการเยียวยาให้ 50% ของค่าจ้าง ซึ่งเป็นการชดเชยเยียวยากรณีว่างงานเพราะเหตุสุดวิสัย เนื่องจากถูกปิดตามคำสั่ง ศบค.ส่วนวิธีการจ่ายเงินจะหารือกับผู้ประกอบการต่อไป ส่วนโครงการใดที่มีสัญญากับรัฐหรือเอกชนก็จะขยายเวลาสัญญาให้ในช่วงที่แรงงานต้องหยุดการทำงานทั้งหมด ซึ่งงบประมาณในการดำเนินการเยียวยาครั้งนี้คงไม่มากเหมือนกับครั้งก่อนที่ใช้ไปประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นการปิดในบางจังหวัดเท่านั้น ไม่ได้ปิดทั้งประเทศ
“ที่กังวลว่าหลังจากมีประกาศปิดแคมป์คนงานจะทำให้แรงงานเคลื่อนย้ายไปต่างจังหวัดนั้น ขอชี้แจงว่าปัจจุบันแคมป์คนงานใน กทม.มีประมาณ 400 แห่ง และที่ผ่านมาทยอยเข้ามาสู่ระบบ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีแรงงานเถื่อนเล็ดลอดไป อีกทั้งในช่วงปิดแคมป์ เราจะดูแลเรื่องอาหารการกิน ที่พัก จึงมั่นใจว่าจะไม่หนีออกไปต่างจังหวัด และเพื่อความมั่นใจ จะขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัยในแต่ละแคมป์ด้วย” นายสุชาติกล่าว และว่า รู้ระบบจัดการแรงงานเป็นอย่างดี ถ้าเรามีอาหารการกิน มีเงินให้เขาใช้จ่าย เขาจะเคลื่อนย้ายไปทำไม มั่นใจว่าเอาอยู่ รวมทั้งจะตรวจแคมป์คนงานให้ได้ 100% เพราะที่ผ่านมา กทม.สุ่มตรวจเพียง 75% อาจทำให้ไม่ครอบคลุม.