ไทยรับแอสตร้าญี่ปุ่นล้านโดส


เพิ่มเพื่อน    

ครม.ลงนามรับมอบแอสตร้าฯ จากรัฐบาลญี่ปุ่น 1.05 ล้านโดส ส่งถึงไทยต้น ก.ค. นายกฯ สั่งเร่งฉีดผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง เล็งเพิ่มวัคซีนทางเลือกครอบคลุมทุกสายพันธุ์ "อนุทิน" รับปากช่วยจัดหาวัคซีนฉีดกลุ่มร้านอาหาร-หาบเร่แผงลอย
    เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า ยอดการฉีดวัคซีนภายในประเทศ ฉีดแล้ว 9,416,972 ราย แบ่งเป็นเข็มแรก 185,261 ราย สะสม 6,721,038 ราย และเข็มที่สองจำนวน 86,273 ราย สะสม 2,695,934 ราย
    นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหลายจังหวัดระงับการฉีดวัคซีนให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคกลุ่มเสี่ยง 7 โรค โดยแจ้งว่าวัคซีนมีไม่เพียงพอนั้นว่า ขอยืนยันในส่วนที่มีการเจรจากับผู้ผลิต เช่น แอสตร้าเซนเนก้า ยังยืนยันส่งมอบวัคซีนในเป้าหมายเดิมที่เจรจาไว้ และในวัคซีนอื่นๆ จะมีการเติมมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญจัดลำดับให้ผู้ที่ลงทะเบียนในหมอพร้อมได้รับการฉีดตามกำหนดการเดิมให้เร็วที่สุด
    เมื่อถามว่า วัคซีนซิโนแวคอาจป้องกันโควิดสายพันธุ์อื่นๆ ได้ไม่ดีพอ รัฐบาลจะทบทวนการนำเข้าซิโนแวคหรือไม่ และเป็นไปได้หรือไม่ที่จะจัดหาวัคซีนตัวอื่นเข้ามาหรือไม่ อย่างวัคซีนนาโนแวคที่มีประสิทธิภาพดี แต่ผลข้างเคียงน้อย นายอนุชากล่าวว่า นายกฯ ได้พูดคุยและหารือที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขแล้วกำลังพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ทั้งหมด ซึ่งการนำเข้าวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ นอกจากแอสตร้าฯ และซิโนแวค เพื่อให้คนไทยมีภูมิคุ้มกัน นายกฯ รับฟังเพื่อพิจารณาบริหารจัดการวัคซีนใหม่ๆ ออกมา เพื่อให้ทันท่วงทีกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
    นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนการบริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของฝ่ายไทย เพื่อรับมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าฯ จากรัฐบาลญี่ปุ่น จำนวน 1.05 ล้านโดส โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยน ซึ่งมีขึ้นในบ่ายวันที่ 29 มิ.ย. และจะสามารถส่งมอบได้ในช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้
    สำหรับสาระสำคัญของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระบุให้รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินมาตรการที่จำเป็น ดังนี้ 1.นำวัคซีนโควิด-19 ไปใช้อย่างเหมาะสมและเป็นการเฉพาะ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านสาธารณสุขและการแพทย์ของไทย โดยห้ามใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านการทหาร 2.รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จำเป็นหรือเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ยกเว้นรัฐบาลของทั้งสองประเทศจะได้ตกลงกันเป็นอย่างอื่น และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ ซึ่งครั้งนี้ไทยจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งจากญี่ปุ่น ประมาณ 10-99 ล้านเยน หรือ 2.9-28.7 ล้านบาท โดยกระทรวงสาธารณสุขมีงบประมาณรองรับส่วนนี้ไว้แล้ว 3.เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 เมื่อได้รับการร้องขอ 4.ไม่ส่งต่อวัคซีนโควิด-19 ให้แก่บุคคล หน่วยงาน รัฐบาลอื่น โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นการล่วงหน้า 5.รายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการ ข้อกำหนด และเงื่อนไขเกี่ยวกับการส่งมอบวัคซีนจะจัดทำโดยหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐบาลญี่ปุ่น คือ กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ และหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐบาลไทย คือกระทรวงสาธารณสุข ทั้้งนี้ นายกฯ ได้ขอบคุณในไมตรีจิตและความห่วงใยของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันดีงามมาเป็นเวลานาน 
    ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังกลุ่มสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย พ่อค้า แม่ค้าอิสระ​ เข้าหารือว่า ผู้ประกอบการได้ขอความเห็นใจจาก สธ. หลังจากเกิดการระบาดโควิด ร้านอาหารมักต้องถูกปิดและมองว่าถูกเป็นจำเลย หรือโอกาสในการแพร่เชื้อจากการนั่งรับประทานอาหารในร้าน แต่เมื่อติดต่อขอรับวัคซีนจากกรุงเทพมหานครกลับถูกชี้แจงว่าไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง ซึ่ง สธ.รับปากจะให้การช่วยเหลือ โดยจัดหาวัคซีนฉีดให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารและพนักงาน ที่มีรวมกันกว่า 120 แห่ง หรือประมาณ 200,000 คน โดยโควตาวัคซีนที่จะนำมาฉีดนี้ จะยังเป็นส่วนของผู้ประกอบการ คือในพื้นที่ กทม. และตามสิทธิประกันสังคม ม.33 ซึ่งคาดว่าพื้นที่ที่จะให้บริการอาจเป็นสถานีกลางบางซื่อ แต่ช่วงนี้ต้องเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังก่อนให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.
    นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)​ เปิดเผยว่า อย.ได้รับรายงานจุดฉีดวัคซีน 1 แห่ง รุ่นการผลิต C202105079 เลขทะเบียน 1C 3/64 (NBC) รุ่นการผลิต C202105079 วันที่ผลิต 10.05.2021 วันหมดอายุ 09.11.2021 มีลักษณะสารละลายของวัคซีนมีการรวมตัวเป็นเจลใสติดบริเวณด้านในของขวดวัคซีน และเจลดังกล่าวไม่หายไปหลังการเขย่า ซึ่งจากรายงานพบวัคซีนจำนวน 110 ขวด ยังไม่ผ่านการฉีดและเรียกเก็บคืนทันที และไม่ได้รับรายงานจากจุดฉีดอื่น พร้อมส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ย้ำวัคซีนโควิด-19 มีคุณภาพ มาตรฐาน และมีความปลอดภัย อย.พิจารณาแล้วเห็นว่าปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากกระบวนการเก็บรักษาและการขนส่งที่ไม่ควบคุมอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติในทะเบียนตำรับยา คือ 2-8 องศาเซลเชียส ดังนั้นเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และปลอดภัย อย.จึงเห็นควรให้แจ้งเตือนเฝ้าระวังการเก็บรักษาวัคซีนให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนของกรมควบคุมโรค ซึ่งระบุคำแนะนำสำหรับการเก็บรักษาวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Sinovac Life Sciences จำกัด ให้เก็บไว้ที่ชั้นกลางหรือชั้นที่ 2 ของตู้เย็น และห่างจากจุดปล่อยความเย็น.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"