กำชับใช้สารเคมี ตามสต๊อกสินค้า


เพิ่มเพื่อน    

  “สุริยะ” สั่ง กรอ.ทบทวนการใช้สารเคมีในโรงงาน กำหนดสต๊อกสินค้าตามความต้องการใช้เพียง 1 สัปดาห์ กันเกิดเหตุรุนแรง ขณะที่ส่วนเกินต้องย้ายพื้นที่จัดเก็บห่างไกลชุมชน ด้าน กรอ.รับลูกเร่งร่างกฎหมายใหม่ คุมโรงงานครอบครองสารวัตถุอันตรายเกิน 50 กก.ต้องรายงานทุกชนิด   

    นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงมาตรการการป้องกันเหตุไฟไหม้ของโรงงาน หลังจากเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติกใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ว่าได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ทบทวนมาตรการความปลอดภัยของการประกอบกิจการโรงงานใหม่ทั้งหมด ว่ามีจุดใดต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน ครอบคลุมโรงงานทุกประเทศทั้ง 64,038 แห่ง   
    โดยเฉพาะโรงงานที่ใช้สารเคมีอันตรายในการประกอบกิจการ แล้วตั้งอยู่ใกล้บริเวณที่มีชุมชนล้อมรอบ ให้พิจารณาการบริหารจัดเก็บสต๊อกการใช้สารเคมีในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ให้จัดเก็บสต๊อกปริมาณสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้น ไม่ควรจัดเก็บสต๊อกมากเกินไป เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง ส่วนสต๊อกที่เหลือให้ย้ายไปจัดเก็บในพื้นที่โรงงานที่ห่างไกลชุมชน มีระบบป้องกันความปลอดภัย มีพื้นที่กันชน (บับเบิลโซน) เอาไว้ป้องกันหากเกิดอุบัติเหตุ หรือปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม
    นอกจากนี้ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการย้ายโรงงานที่ประกอบกิจการมีสารอันตรายออกนอกพื้นที่ชุมชน แม้โรงงานจะตั้งมาก่อนที่ชุมชนจะเข้ามาก็ตาม ซึ่งอาจจะหามาตรการส่งเสริมให้โรงงานดังกล่าวย้ายออกมาจากบริเวณชุมชน เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือว่ามาตรการอื่นๆ          
    ด้านนายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดี กรอ. กล่าวว่า ได้รับมอบนโยบายจากนายสุริยะ รมว.อุตสาหกรรม ให้พิจารณามาตรการการสต๊อกสารที่เป็นวัตถุอันตราย ซึ่งขณะนี้ กรอ.อยู่ระหว่างการร่างกฎหมายฉบับใหม่ ภายใต้ พ.ร.บ.โรงงาน กำหนดให้โรงงานที่มีการครอบครองวัตถุดิบอันตรายที่ซื้อจากในประเทศเกินกว่า 50 กิโลกรัม จะต้องรายงานปริมาณการใช้สารเคมีทุกชนิด ให้สอดคล้องกับกระบวนการผลิต การจัดเก็บ ระบบความปลอดภัยและความเสี่ยงต่อ กรอ. จากเดิม กรอ.อยู่ระหว่างร่างกฎหมายฉบับนี้ไว้แล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นปี โดยระหว่างรอการร่างกฎหมายฉบับใหม่แล้วเสร็จ กรอ.จะเข้าไปตรวจเข้มข้นมากยิ่งขึ้น และจะนำมาตรการความปลอดภัยของโรงงานขึ้นมาพิจารณาให้เหมาะสมกับสถานการณ์อีกครั้ง
    “ที่ผ่านมาโรงงานหมิงตี้ได้ขอขยายกิจการ แต่ไม่ได้ขยายกำลังการผลิตที่ระบุไว้ 36,000 ตันต่อปี แต่เป็นการขยายเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เนื่องจากเป็นโรงงานเก่าที่ต้องปรับปรุง ซึ่งสารเคมีที่โรงงานใช้เป็นวัตถุดิบเป็นการใช้ในประเทศ ไม่ได้มีการนำเข้าสารเคมีและส่งออก จึงไม่ได้ต้องทำใบขออนุญาตนำเข้าหรือส่งออกวัตถุอันตรายตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย และตามกฎหมาย พ.ร.บ.โรงงาน ไม่ได้กำหนดให้โรงงานต้องรายงานปริมาณสารเคมีที่จัดเก็บเพื่อผลิต ทำให้เวลากรมลงตรวจสอบจะประมาณการสารเคมีจากปริมาณแท็งก์ที่จัดเก็บสารเคมี ซึ่งจากตรวจสอบพบว่าแท็งก์ที่บรรจุสารสไตรีนโมโนเมอร์ รับได้ 2,000 ตัน และขณะนี้เหลืออีก 1,600 ตัน กำลังเร่งดำเนินการจัดการ” นายประกอบ กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"