หน่วยพญาเสือ กรมอุทยานฯ แจ้งเอาผิดเพิ่มเจ้าของแคมป์ช้างดังเมืองกาญจน์กับแก๊ง สวมตั๋วรูปพรรณร่วมกันค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง ส่วนคนขายโดนอีกกระทง ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษหนักทั้งจำ-ปรับ ยันตรวจสอบ DNA-ข้อมูลจดทะเบียน พยานหลักฐานมัดแน่น  
จากกรณีหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจสอบบริษัท ช้างแม่น้ำแคว จำกัด (แคมป์ช้างวังจาน) เลขที่ 31 หมู่ที่ 8 ต.วังด้ง อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี และได้ทำการตรวจยึดลูกช้างชื่อพลายคำน้อย เพศผู้ หลังตรวจพบว่าดีเอ็นเอไม่ตรงกับพ่อและแม่ช้างที่แจ้งไว้ รวมทั้งเลขไมโครชิปไม่ถูกต้องกับตัวสัตว์ นำมาสู่การจับกุมเจ้าของดำเนินคดีตามกฎหมายตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้  
ความคืบหน้า วันที่ 8 ก.ค. นายมงคล ไชยภักดี นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าหน่วยพญาเสือ เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของ ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดี อส. ให้ดำเนินการปราบปรามขบวนการล่าและค้าสัตว์ป่า ตนได้มอบหมายให้นายโดม จันทร์สุวรรณ์ เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ  ผช.หน.อุทยานฯ พุเตย เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ณว์พรรณ์ เทียมฉันท์ พนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี โดยร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมกับนายมินอ สัตยาเรืองรอง, นายวันชัย ไพรกล้าธรรม, นายโชคชัย ยศยิ่งอภิราม และนาย Kenji  Alison รวม 4 ราย ในความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ฐาน “ร่วมกันค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่” ม.29 ม.89 ว.1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยนายมินอ สัตยาเรืองรอง มีความผิดเพิ่มอีก ฐาน “ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตาม ม.17 ม.92 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  
นายมงคลกล่าวต่อว่า หน่วยพญาเสือ พร้อมด้วยนายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผอ.ส่วนยุทธการ ด้านการป้องกันและปราบปราม สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า ได้ออกติดตามสืบสวนสอบสวน จนได้พยานหลักฐานทราบแน่ชัดว่า ในระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2562 ถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2564 บุคคลทั้ง 4 ร่วมกันค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง (ช้าง) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยนายวันชัย ไพรกล้าธรรม และนายโชคชัย ยศยิ่งอภิราม เป็นนายหน้าติดต่อให้นาย Kenji Alison มาทำข้อตกลงซื้อขายลูกช้างพลายคำน้อยของนายมินอ สัตยาเรืองรอง ที่อำเภอแม่ระมาด จ.ตาก ในราคา 1,600,000 บาท โดยจ่ายเงินมัดจำ 50,000 บาท ต่อมาได้ทำการโอนเงินให้อีกหลายครั้ง ครั้ง ละ 50,000 บาท  
จากนั้นนายหน้าทั้ง 2 รายจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องขอออกเอกสาร ตั๋วทะเบียนรูปพรรณ สมุดทะเบียนเล่มที่ 4211 ให้กับนายมินอ และทำเอกสารการขอโอนสัตว์พาหนะ เอกสารใบอนุญาต นำเคลื่อนย้ายฯ ของกรมปศุสัตว์ เพื่อนำลูกช้างจากอำเภอแม่ระมาด ไปส่งให้กับนาย Kenji Alison เพื่อให้นาย Kenji Alison นำไปโอนช้างเข้าอำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยนายมินอได้เงินค่าตัวลูกช้าง 800,000 บาท โดยที่นายหน้าทั้ง 2 ได้รับ 800,000 บาท แต่จากการตรวจรหัสพันธุกรรมช้างพลายคำน้อย พบว่าช้างพลายคำน้อยที่อยู่กับนาย Kenji Alison เป็นช้างคนละตัวกันที่อยู่กับนายมินอ และจากการตรวจรหัสพันธุกรรมของช้างพลายคำน้อย ทั้ง 2 ครั้ง ก็ไม่พบว่ามีความสัมพันธ์ เป็นลูกของช้างพังแม่คำศรีแต่อย่างใด และไม่รู้ว่าช้างที่เป็นลูกของพังแม่คำศรีไปอยู่ที่ใด ซึ่งอาจจะตายไปแล้วก็ได้   
ต่อมาอำเภอแม่ระมาดได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้แจ้งยกเลิกเพิกถอนตั๋วรูปพรรณ ทะเบียนเล่มที่ 4211 ของพลายคำน้อย พร้อมมอบหมายให้นายเกรียงศักดิ์ บุญตาปวน ปลัดอำเภอ นำเอกสารหลักฐานไปแจ้งความเอาผิดกับนายมินอ สัตยาเรืองรอง ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ระมาด จ.ตาก ฐาน “ผู้ใดครอบครองสัตว์พาหนะไว้ โดยไม่มีตั๋วรูปพรรณ หรือมีแต่ไม่ถูกต้องกับตัวสัตว์” ตาม ม.21 ม.29 พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พ.ศ.2482 และฐาน “แจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนเสียหาย” และ ฐาน “แจ้งให้เจ้าพนักงาน ผู้กระทำตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ ลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่อาจให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตาม ม.137 ม.267 ประมวลกฎหมายอาญา   
      ส่วนลูกช้างพลายคำน้อย สัตว์ป่าของกลาง เจ้าหน้าที่มอบหมายให้นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระนำไปเลี้ยงดูแลที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ หมู่ที่ 4 ต.วังด้ง อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี