จ่อไฟเขียวบูสเตอร์โดส เข็มสามฉีดให้ด่านหน้า!


เพิ่มเพื่อน    

คกก.โรคติดต่อแห่งชาติจ่อไฟเขียวบูสเตอร์โดสเข็ม 3 ให้นักรบด่านหน้า ผงะ! ตัวเลขบุคลากรทางการแพทย์สังเวยโควิดเดือนเดียวพุ่งเกือบพัน ขณะที่ "หมอธีระวัฒน์" ประสานเสียงกระจายชุดตรวจตัวเองลงท้องตลาด ตัดตอนวิกฤติลามหนัก
    เมื่อวันอาทิตย์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนบูสเตอร์โดสว่า ขอแสดงความเสียใจต่อพยาบาลที่เสียชีวิตเมื่อวันที่  10 ก.ค. ที่ติดเชื้อโควิด-19 จากการปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว 2  เข็ม โดยเข็มแรกฉีดเดือน เม.ย.และเข็มสองต้นเดือน พ.ค.  และการปฏิบัติหน้าที่ของพยาบาลดังกล่าวช่วงเดือน มิ.ย.มีโอกาสได้รับเชื้อโควิดเนื่องจากดูแลผู้ป่วยโควิด-19  ประกอบกับความเสี่ยงเนื่องจากมีภาวะอ้วนที่ทำให้อาการรุนแรง
     นพ.โสภณกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการฉีดวัคซีน 2 เข็มเพียงพอหรือไม่นั้น ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการวิชาการภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อที่ได้ประชุมเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา มีความเห็นพ้องกันหลังเกิดเหตุการณ์กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม  จึงมีการเสนอให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ซึ่งแตกต่างจากชนิดแรก อาทิ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนชนิด  mRNA ของไฟเซอร์ ที่ในอนาคตจะได้รับการบริจาคมา  โดยข้อเสนอดังกล่าวจะนำไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติในวันที่ 12 ก.ค.นี้ และหากเห็นชอบก็ดำเนินการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้ทันที  ส่วนใครต้องการฉีดไฟเซอร์ต้องรออีกสักระยะ
    นพ.โสภณกล่าวอีกว่า สำหรับข้อมูลบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ถึง 10 ก.ค.มีทั้งสิ้น 880 คน จากบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด 7 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยผู้ที่ติดเชื้อมากที่สุดคือ พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาล อายุ 20-29 เป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้บุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อ 880 ราย ไม่มีการฉีดวัคซีนจำนวน 173 ราย เสียชีวิต 7 ราย ประกอบด้วยไม่ได้รับการฉีดวัคซีน 5 ราย ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคไม่ครบ  หรือฉีด 1 โดส 1 ราย และได้รับการฉีดครบ 2 โดส 1 ราย   
    "ขอยืนยันว่าคนที่ฉีดวัคซีน มีโอกาสป่วยรุนแรงและ เสียชีวิตน้อยกว่าคนไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อหลังการฉีดซิโนแวค 1 เข็ม ติดเชื้อ 67 คน หรือค่าเฉลี่ย 308 คน ต่อ 1 แสนคน ส่วนคนที่ฉีดซิโนแวค  2 เข็ม ติดเชื้อ 618 คน หรือค่าเฉลี่ย 91 คน ต่อ 1 แสนคน   และฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม ติดเชื้อ 45 คน หรือเฉลี่ย  67 คน ต่อ 1 แสนคน แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เชื้อไวรัสตั้งแต่เดือน มิ.ย.ถึง ก.ค.ที่เป็นสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ทำให้การป้องกันไวรัสด้วยการฉีดวัคซีนซิโนแวคอาจจะไม่ได้ผลดีเท่ากับการป้องกันเชื้อเดิม ดังนั้นผู้ได้วัคซีนไปแล้ว 2 เข็ม โดยเฉพาะบุคลากรด่านหน้าที่ต้องดูแลผู้ป่วย คณะกรรมการวิชาการฯ จึงเห็นว่าควรได้รับวัคซีนกระตุ้นอีก 1 เข็ม เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโรค และเพื่อช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเกิดความปลอดภัย ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ส่วนอื่นๆ ให้รอการพิจารณาต่อไป" รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
    นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก  ระบุว่า "การตรวจด้วยตนเองราคาถูก (จริงหรือ?) และไว  1.เป็นสิ่งที่เรียกร้องและเสนอตั้งแต่มีนาคม-เมษายน 2563  ต่อเนื่องมาตลอด ทั้งนี้เป็นการคัดกรองด้วยการเจาะเลือดปลายนิ้ว หาหลักฐานของการติดเชื้อที่ต้องมีความไวสูงสุดคือ 100% แต่การที่มีความไวเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์อาจจะพ่วงผลบวกเกินจริง ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าบวกแยกตัวกักตัวทันทีและพิสูจน์ต่อ แต่การตรวจเลือดลักษณะนี้ใช้ไม่ได้กับคนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว เพราะอาจจะเห็นเลือดบวกเช่นกัน ชุดตรวจลักษณะนี้ที่ไวเต็ม 100 ไม่ได้รับการอนุมัติจากทางการ"
    นพ.ธีระวัฒน์ระบุอีกว่า "2.การใช้ชุดตรวจไว หาเศษโปรตีนของเชื้อหรือแอนติเจน (antigen) ต้องเข้าใจว่า  ความไวลดหลั่นกันไปอาจจะผิดพลาดตั้งแต่ 4% ถึงมากกว่า 10% นั่นคือ ถึงแม้ว่าได้ผลลบไม่ได้หมายความว่าไม่มีเชื้อ นอกจากนั้นการใช้ตรวจจะได้ผลแตกต่างกัน ถ้านำไปตรวจในน้ำลาย ช่องโพรงจมูกทางด้านหน้า ที่มีเชื้อน้อยยิ่งพลาดได้ และจะได้รับผลลบปลอมมากขึ้นไปอีก  ทั้งนี้ ต่างจากนวัตกรรมที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ของเราพัฒนาขึ้นในการตรวจน้ำลายด้วยเครื่องมือวิเคราะห์โปรตีนขั้นสูง ซึ่งยังไม่ได้เป็นการบริการ และจะใช้ในโครงการนำร่องก่อน"
    “3.ชุดตรวจที่มีในท้องตลาดในขณะนี้ ถึงแม้ว่าผ่านการอนุมัติจากทางการมาแล้วก็ตาม จำเป็นที่ต้องมีการติดตามว่าประสิทธิภาพเป็นไปตามจริงเช่นนั้นหรือไม่ 4. อย่างไรก็ตามสรุปว่า การใช้ชุดตรวจไวไม่น่าเสียหายเหมือนที่เคยเสนอมาเมื่อ 15 ถึง 16 เดือนที่แล้ว เพราะปัจจุบัน 'ประชาชนไม่มีที่พึ่ง' 5.อย่างน้อยมีการตรวจที่ทำได้ด้วยตนเอง แต่ต้องรู้ข้อจำกัดว่าไม่ใช่ 100% ก็พอถูไถไปได้บ้าง เพราะเป็นเรื่องตัวใครตัวมัน และทางการต้องมีบรรทัดฐานที่ชัดเจน อะไรที่ไม่ดีต้องไม่อนุมัติให้ผ่าน หรือถ้าเกิดพลาดอนุมัติ หลุดออกไป ก็ต้องตามตรวจสอบและยกเลิก ไม่ใช่ว่าอนุมัติไปแล้วก็แล้วไป จนกว่าจะมีคนร้องเรียนหรือเสียหาย และที่สำคัญต้องเข้าใจคำว่า คัดกรองใหม่ ว่าถือความไวเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าไม่มีความไวก็หลุดและแพร่ต่อไปอีกมากมาย” นพ.ธีระวัฒน์ระบุ 
    วันเดียวกัน  นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ได้ชี้แจงกรณีโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ถึงการเสียภาษีจำนวนมากในวัคซีนทางเลือกว่า ขอยืนยันว่ากรมศุลกากรไม่ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าวัคซีนทุกประเภทตามกระแสข่าว โดยปัจจุบันการนำเข้าวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าให้เหลือ  0% ทั้งหมดอยู่แล้ว จะเหลือเพียงแค่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม  (แวต) ที่ 7% เพียงอย่างเดียว ดังนั้นข่าวลือที่ออกมาว่ารัฐบาลมีการเรียกเก็บภาษีวัคซีนโมเดอร์นารวมแล้วสูงนับร้อยเปอร์เซ็นต์จึงไม่เป็นความจริง ทั้งนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ​ได้มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลายกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาใช้ในการรักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามรายการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสียอากรนำเข้าจนถึงเดือน มี.ค.65 แต่ยังคงต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่
     ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ขอเรียนชี้แจงว่าอาจจะเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน  กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 81 (1) (ญ) แห่งประมวลรัษฎากร การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น โรงพยาบาลเอกชนจึงได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม โรงพยาบาลเอกชนจึงไม่สามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการแก่ประชาชนได้ สำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อมีภาษีซื้อที่เกิดจากต้นทุนการซื้อ สามารถนำมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามปกติ ซึ่งกรมสรรพากรจะรีบดำเนินการคืนให้โดยรวดเร็ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"