รอยเตอร์รายงานอ้างคำแถลงของกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มาเลเซียจะไม่ใช้วัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวคอีกหลังจากใช้วัคซีนที่เหลืออยู่ในสต็อกจนหมดแล้ว เนื่องจากโครงการวัคซีนของประเทศมีวัคซีนชนิดอื่นมากเพียงพอ ซึ่งรวมถึงของไฟเซอร์ราว 45 ล้านโดส

    ทางการมาเลเซียอนุมัติการใช้งานวัคซีนโควิด-19 แล้วหลายชนิด นอกจากซิโนแวคยังรวมถึงแอสตร้าเซนเนก้า, วัคซีนของบริษัท แคนซิโนไบโอโลจิก และวัคซีนแจนเซ็นของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน นอกจากนี้ทางการเตรียมประกาศผลการตัดสินใจในวันศุกร์ด้วยว่าจะเพิ่มวัคซีนซิโนฟาร์มจากจีนสำหรับใช้ในประเทศหรือไม่

    อัดฮัม บาบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคมว่า มาเลเซียได้รับวัคซีนซิโนแวคจากจีน 16 ล้านโดส ราวครึ่งหนึ่งของ 16 ล้านโดสถูกนำมาใช้แล้ว และที่เหลือจะใช้สำหรับฉีดเป็นเข็มที่ 2 แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย พวกเขาจะได้ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์แทน

    รัฐมนตรีผู้นี้่ระบุว่า โครงการวัคซีนของมาเลเซียจะใช้วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นส่วนใหญ่ โดยมาเลเซียได้วัคซีนไฟเซอร์ประมาณ 45 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอต่อการครอบคลุมประชากรร้อยละ 70

    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลมาเลเซียเคยเปิดเผยว่า จัดหาซิโนแวคมาได้ 12 ล้าน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการทำข้อตกลงซึ่งจะให้บริษัท ฟาร์มาเนียกา ทำหน้าที่บรรจุและปิดผนึกวัคซีนเพื่อแจกจ่ายในประเทศ

    รอยเตอร์บอกว่า คำประกาศหยุดใช้วัคซีนเชื้อตายของซิโนแวคมีออกมาในช่วงเวลาที่มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดนี้ในการต้านทานไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น โดยยกตัวอย่างว่า ไทยเพิ่งประกาศจะสลับไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 สำหรับผู้ที่ฉีดซิโนแวคเข็มแรก และอินโดนีเซียก็มีแผนจะฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 สำหรับผู้ที่ได้ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว

    มาเลเซียมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นรายวัน โดยวันพฤหัสบดีมีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกมากกว่า 13,000 คน โดยขณะนี้มาเลเซียมีผู้ติดเชื้อแล้ว 880,782 คน เสียชีวิต 6,613 คน เป็นสถานการณ์ที่หนักที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคนี้ รองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แต่มาเลเซียก็มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดชาติหนึ่งเช่นกัน โดยราว 26% ของประชากร 32 ล้านคน ได้ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส.