ตามคาด! 'ส.ส.รังสิมันต์' ซัดตร.ทำร้ายปชช. ป้อง 3 นิ้วชุมนุมสงบอ้างสังเกตการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ


เพิ่มเพื่อน    

19 ก.ค.64 - นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกลแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์เกี่ยวกับกรณีการสลายการชุมนุม #ม็อบ18กรกฎา ในฐานะผู้สังเกตการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ว่า เหตุการณ์การสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวานนี้คือวันที่ 18 ก.ค.2564 ที่บริเวณตั้งแต่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตลอดไปจนถึงแยกนางเลิ้งและสะพานชมัยมรุเชษฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก บางคนถูกยิงกระสุนยางเข้าที่บริเวณใบหน้าใกล้กับดวงตา บางคนสัมผัสแก๊สน้ำตาที่มีฤทธิ์รุนแรงสูงจนถึงกับหมดสติ

นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกจับกุมจำนวน 14 ถูกควบคุมตัวไปที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ขอทบทวนว่าประชาชนออกมาชุมนุมกันในครั้งนี้ มีข้อเรียกร้อง คือ ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง โดยไม่มีเงื่อนไข, ปรับลดงบประมาณเกี่ยวกับสถาบันฯ และงบประมาณของกองทัพ เพื่อนำงบประมาณเหล่านั้นมาช่วยแก้ปัญหาโควิด-19 และหยุดซื้อวัคซีนด้อยคุณภาพที่เอื้อประโยชน์ต่อนายทุน แล้วไปจัดหาวัคซีนคุณภาพสูงมาฉีดให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทั้ง 3 ข้อนี้ล้วนเป็นข้อเรียกร้องที่มาจากการที่ประชาชนได้เห็นแล้วว่าในวิกฤตการระบาดของโรค COVID-19 นั้น รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ล้มเหลวในทุกด้าน ล้มเหลวในการเยียวยาปากท้องผู้ได้รับผลกระทบ ล้มเหลวในการบังคับลูกน้องตัวเองให้ได้เหมือนที่บังคับกับประชาชน ล้มเหลวในการสื่อสารให้รู้เรื่อง ล้มเหลวในการจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม ตัดสิ่งฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยเพื่อนำทรัพยากรที่มีจำกัดมาใช้ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดในการแก้ปัญหาใหญ่ที่มีอยู่ ล้มเหลวในการจัดหาวัคซีนเพื่อประโยชน์ต่อชีวิตของประชาชนทั้งประเทศเป็นสำคัญที่สุดจริงๆ มิใช่เอาประโยชน์ต่อความมั่งคั่งหรือชื่อเสียงของใครมาอยู่เหนือกว่า ล้มเหลวแม้กระทั่งการมองประชาชนให้เป็นมนุษย์ไม่ใช่แค่ตัวเลข สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำได้ดีมีแค่การปิดปากประชาชนไม่ให้พูดแม้กระทั่งข้อเท็จจริง มีแค่การออกข้อกำหนดมาเพื่อคุ้มกะลาหัวตัวเอง มีแค่การซุกซ่อนข้อเท็จจริงที่สำคัญต่อชีวิตประชาชนแล้วมาพูดโกหกเป็นอย่างอื่นอย่างหน้าไม่อาย และมีแค่การกล่าวโทษโยนบาปให้กับประชาชน

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จะเห็นแล้วว่าการชุมนุมครั้งนี้มีที่มาที่ไป ถ้ารัฐบาลไม่เลวร้ายถึงขนาดนี้พวกเขาก็คงไม่ออกมา การชุมนุมที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ยืดเยื้อ เรื่องการควบคุมการระบาดของโรคผู้ชุมนุมก็ตระเตรียมอุปกรณ์ป้องกัน และประชาสัมพันธ์กันเป็นอย่างดี และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ควรจะเห็นได้ว่าการชุมนุมที่ผ่านมานั้นเน้นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะไปไล่จับใครมาเข่นฆ่าทุบตีหรือจะไปพังอาคารบ้านเรือนของใคร กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีเป็นจำนวนมาก หากจะช่วยอำนวยการให้เป็นไปด้วยความราบรื่น ก็สามารถประสานงานกับฝ่ายผู้ชุมนุมให้เป็นไปได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงจากที่ตนได้ไปร่วมสังเกตการณ์มา หลังจากเริ่มเดินขบวนถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ผู้ชุมนุมพยายามเข้าไปเจรจาต่อรองเพื่อใช้เส้นทางถนนราชดำเนินนอก ปรากฏว่าแค่เพียงมีการรื้อสิ่งกีดขวางเพื่อเปิดทาง ยังไม่ได้เข้าประชิดตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้แต่น้อย ฝ่ายตำรวจก็เริ่มใช้รถฉีดน้ำฉีดใส่ผู้ชุมนุม โดยระยะเวลาที่แจ้งเตือนกับที่ดำเนินการจริงนั้นกระชั้นชิดมาก จากนั้นก็ยกระดับเป็นการใช้แก๊สน้ำตากับกระสุนยางอย่างรวดเร็ว ในบริเวณนี้เองที่ปรากฏว่ามีผู้สื่อข่าวถูกยิงกระสุนยางได้รับบาดเจ็บด้วยแม้ว่าจะสวมปลอกแขนสื่อมวลชนแสดงไว้อย่างชัดเจนแล้วก็ตาม จนสุดท้ายผู้ชุมนุมต้องตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินขบวนไปทางถนนนครสวรรค์

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พอขบวนเดินทางมาถึงช่วงระหว่างแยกนางเลิ้งและสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ก็พบว่าการปฏิบัติของฝ่ายตำรวจนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะกลายเป็นแค่มีผู้ชุมนุมไปปรากฏตัวอยู่ในระยะห่างออกไปหลายสิบเมตรก็ถูกระดมยิงด้วยกระสุนยางและแก๊สน้ำตา ซึ่งมีข้อสังเกตด้วยว่ากระสุนแก๊สน้ำตาที่ใช้ในครั้งนี้มีฤทธิ์รุนแรงกว่าที่เคยใช้ในครั้งก่อนๆ จนผู้ชุมนุมต้องล่าถอยออกมาตั้งหลัก และพบผู้หมดสติจากการสัมผัสแก๊สน้ำตา หลายคนยังต้องถอดหน้ากากอนามัยออกเนื่องจากหายใจไม่สะดวก ทำให้ยิ่งเสี่ยงต่อการติดโรค

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงยิงแก๊สน้ำตาอย่างต่อเนื่องใส่ผู้ชุมนุมที่ยังวนเวียนอยู่ รวมถึงมีการยิงขนาบข้างมาจากในโรงเรียนราชวินิตและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ซึ่งระยะยิงที่ไกลทำให้แก๊สน้ำตาส่งผลมาถึงผู้ชุมนุมที่ถอยมาตั้งหลักแล้วด้วย ซึ่งหลังจากมีประกาศยุติการชุมนุมแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงใช้อาวุธทั้งรถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ไล่จัดการกับผู้ชุมนุมที่ยังตกค้างอยู่ต่อไปแม้มีจำนวนน้อยแล้ว และตามจับกุมบางคนไปอย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ตนมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ทำอะไรที่กระทบต่อเจ้าหน้าที่ และยังมีผู้ชุมนุมโดนกระสุนยางยิงที่ตา ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่ คือ เล็งไปที่ส่วนหัวและใบหน้า นอกจากนี้ยังมีการจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมโดยมิชอบ อีกทั้งสถานที่ควบคุมตัวคือ บก.ตชด. ภาค 1 นั้นไม่ใช่สถานที่โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะควบคุมตัวได้ จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน และองค์กรตรวจสอบเกี่ยวกับการกระทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาตรวจสอบเรื่องการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค. และการชุมนุมทุกครั้งที่ผ่านมา

"ผมขอฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการชุมนุม ตั้งแต่ผู้ปฏิบัติการไปจนถึงผู้สั่งการ ตลอดจนถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นผู้บังคับบัญชาเบื้องบนอีกชั้นหนึ่ง ช่วยตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติกลับคืนมา แล้วแหกตามองให้ชัดเสียทีว่าประชาชนที่ออกมาชุมนุมประท้วงเหล่านี้ล้วนเป็นผลกรรมจากการปกครอง และใช้อำนาจอันวิปริตผิดเพี้ยนของรัฐบาลทั้งนั้น ขนาดเรื่องขั้นต่ำที่สุดที่ประชาชนร้องขอให้ช่วยดูแลนั่นคือชีวิต แต่รัฐบาลนี้ก็ยังกระทำต่อชีวิตประชาชนราวกับเป็นของเล่น"

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า แม้กระทั่งเมื่อวานนี้ที่ประชาชนเพียงออกมาเรียกร้องวัคซีนที่ดี เรียกร้องการจัดสรรงบประมาณที่สมเหตุสมผล เรียกร้องผู้นำที่จริงใจและใส่ใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการประทุษร้ายจากผู้ปกครองที่ขาดความอดทนอดกลั้น คิดว่าใช้ความรุนแรงแล้วจะสยบประชาชนได้เสมอ หากว่าคิดเช่นนั้นแล้วก็ต้องบอกว่าพวกท่านคิดผิด เพราะไม่มีใครสามารถอดทนยอมถูกอีกฝ่ายใช้ความรุนแรงอยู่เพียงข้างเดียวได้ตลอดไป ความอดทนที่ประชาชนมีอยู่ในวันนี้ วันหนึ่งข้างหน้ามันจะถึงจุดสิ้นสุดแม้ไม่มีใครต้องการให้เป็นเช่นนั้นก็ตาม และหากวันใดเกิดฟางเส้นสุดท้ายหรือน้ำผึ้งเพียงหยดเดียวขึ้นจนสถานการณ์ลุกลามบานปลายอย่างไม่หวนกลับ รัฐบาลจะมาโทษใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากโทษตัวเอง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"