ศาลให้ประกัน หนุ่มฟู้ดแพนด้า มือเผาคดีม.112


เพิ่มเพื่อน    

จับหนุ่มฟู้ดแพนด้ามือเผาพระบรมฉายาลักษณ์ เจ้าตัวปฏิเสธลั่น อ้างเจตนาช่วยดับไฟ แต่ตำรวจมีหลักฐานแน่น ใช้ขวดพลาสติกบีบของเหลวคล้ายน้ำมันเชื้อเพลิงพ่นใส่กองเพลิงลุกไหม้ เจอข้อหาหนัก ฝ่าผืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  พ.ร.บ.โรคติดต่อ ม.112 และวางเพลิงเผาทรัพย์สิน ขณะที่ศาลอนุญาตปล่อยตัวไม่กำหนดเงื่อนไข
    วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ที่ สน.นางเลิ้ง พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ได้เดินทางมาเพื่อสอบปากคำนายสิทธิโชค เศรษฐเศวต ไรเดอร์ส่งอาหารฟู้ดแพนด้าด้วยตนเอง ที่ไปก่อเหตุวางเพลิง โดยใช้น้ำมันราดบนผ้าประดับพร้อมกับจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์ที่ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนินนอก ในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมแนวร่วมกลุ่มราษฎร เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา
    พล.ต.ต.ปิยะเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่าอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ไม่ได้ไปร่วมก่อเหตุวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ โดยมีเจตนาเข้าไปช่วยดับไฟ ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาในการให้การกับพนักงานสอบสวน แต่ทางตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ต้องหากระทำผิดจริง
    เบื้องต้นได้มีการแจ้งข้อหาคือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ, ผิดมาตรา 112 และวางเพลิงเผาทรัพย์สิน ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาอื่นอีกหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งหากการสอบสวนแล้วเสร็จก็จะนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญารัชดาภิเษกในวันนี้ ส่วนผู้ชุมนุม 16 คนที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อเตรียมนำตัวส่งฝากขังเช่นกัน
    อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้กระทำความผิดระหว่างการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่ามีการออกหมายจับเพิ่มเติมแน่นอน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ สน.ห้วยขวาง สถานที่ควบคุมตัวนายสิทธิโชค ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.นางเลิ้ง พื้นที่เจ้าของคดี แฟนสาวของ นายสิทธิโชคที่เดินทางมารอพบเปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ขณะที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมก็รู้สึกตกใจ เพราะไม่คิดว่าการเข้าไปช่วยดับไฟของตนจะมีความผิด ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด และไม่ได้ไปเข้าร่วมการชุมนุม แต่ไปส่งอาหารตามออเดอร์ให้กับผู้ร่วมชุมนุม เมื่อส่งเสร็จก็เห็นว่าไฟกำลังลุกติดผ้า แฟนหนุ่มจึงหยิบน้ำไปเพื่อจะช่วยดับ และตรงจุดนั้นก็มีตำรวจจราจรอยู่ด้วย หากแฟนเผาจริงตำรวจจราจรคนนั้นต้องเข้าจับกุมแล้ว แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ถูกจับกุมแต่อย่างใด
    ในส่วนของคนที่เผาก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะตนกับแฟนไปถึงก็เห็นไฟไหม้อยู่แล้วทั้งจุดนั้นและหุ่นจำลองนายกฯ ที่มีการเผากัน ซึ่งในตอนถูกควบคุมตัวที่บ้านก็ได้พยายามอธิบายกับเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่าตนทำความดีทำไมต้องถูกจับกุม แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับฟัง และคุมตัวแฟนหนุ่มมาพูดคุยที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ ก่อนส่งมาสน.ห้วยขวาง
    แฟนสาวนายสิทธิโชคเผยอีกว่า ประเด็นในทวิตเตอร์มาทราบในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 18 กรกฎาคม โดยส่วนตัวไม่ได้เล่นแอปทวิตเตอร์ แต่มีคนบอกจึงลองโหลดมาและไล่อ่าน ก็พบว่ามีผู้คอมเมนต์ต่อว่าแฟนหนุ่มอย่างหนัก ส่วนตัวจึงอยากขอพูดถึงทุกคนว่า หากต้องการสอบข้อเท็จจริงให้มาถามตนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ใช่แชร์กันด้วยข้อมูลที่มั่วๆ และทำร้ายคนอื่นแบบนี้
    ต่อมาที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน โดยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์นายสิทธิโชค โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.64 ตามวันเวลาเกิดเหตุ ได้มีกลุ่ม "เยาวชนปลดแอก" และมวลชนหลายร้อยคน มาร่วมกันชุมนุม หรือม็อบ 18 กรกฎา เพื่อขับไล่รัฐบาล กระทั่งปะทะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) โดยนายสิทธิโชค ผู้ต้องหา ใช้ขวดพลาสติกบีบของเหลวคล้ายน้ำมันเชื้อเพลิง พ่นใส่กองเพลิงซึ่งลุกไหม้อยู่บริเวณผ้าประดับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ซึ่งประดิษฐานอยู่บริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนินนอก แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทำให้กองเพลิงดังกล่าวเริ่มลุกไหม้มากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้ฉีดน้ำดับเพลิงดังกล่าวได้ทัน เพลิงจึงไม่ลุกลามไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับของศาลอาญาที่ จ.1149/2564 ลงวันที่ 19 ก.ค.2564 ติดตามจับกุม ส่งพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้งดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี, วางเพลิงเผาทรัพย์ฯ ของผู้อื่น และทำให้เสียทรัพย์ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
    ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยังต้องสอบปากคำพยานอีก 5 ปาก รอผลการตรวจสอบลายพิมพ์มือ รอผลการตรวจประวัติอาชญากรผู้ร้องหา และอื่นๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าว จึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.-31 ก.ค.นี้
    ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมาจำเลยยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง เป็นเงินสด 1 เเสนบาท ทั้งนี้ ศาลได้ทำการไต่สวนพยานโดยไต่สวนพนักงานสอบสวนเเล้วไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุนข้อคัดค้านที่ว่า ผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุร้ายหรือยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ตีราคาประกัน 1 เเสนบาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไข
    ขณะที่นายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว แกนนำศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) พร้อมทีมงาน นำหลักฐานภาพถ่ายและคลิปวิดีโอเดินทางมายังสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน โดยขอให้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย ดำเนินคดีในลักษณะอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมดังกล่าวนี้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่มีการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้กระทำการมิบังควร เผาซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์บริเวณถนนนครสวรรค์ และอีกกรณีที่ผู้ชุมนุมกระทำการที่ขัดต่อกฎหมาย ที่ด้านหน้าของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ถือเป็นการกระทำที่อุกอาจและหมิ่นซึ่งพระเกียรติ
    นอกจากนี้ ศปปส.ยังขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายอานนท์ นำภา ผู้ต้องหาตามมาตรา 112 และแกนนำคนอื่นๆ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการประกันตัวชั่วคราวแบบมีเงื่อนไข แต่กลับยังออกมาชุมนุมทางการเมืองสร้างความวุ่นวายกับสังคม โดยได้ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้ชุมนุมเผชิญหน้าพร้อมปะทะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ อาจผิดเงื่อนไขการประกันตัว
    ส่วนพยานหลักฐานที่นำมาในวันนี้ค่อนข้างที่จะมีความมั่นใจ ซึ่งระบุชัดเจนถึงพฤติกรรมการก่อเหตุและรูปพรรณสัณฐานของผู้ก่อเหตุ
    นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมาประณามตำรวจสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค. เกินกว่าเหตุ ขอนายกฯ มองผลกรรมของตัวเองและรัฐบาลบริหารโควิดเลวร้าย โดยระบุว่ากลุ่มที่สมควรจะถูกประณามน่าจะเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมมากกว่า เพราะได้กระทำผิดกฎหมายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกทั้งยังทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และขณะที่ประเทศกำลังเกิดวิกฤติระบาดเชื้อโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มปลดแอกกลับยืนยันที่จะยังชุมนุม ทั้งนี้ หากเกิดคลัสเตอร์ขึ้นมาจะรับผิดชอบไหวหรือไม่
    "ผมมองว่าคนที่ต้องตบหน้าตัวเองเรียกสติกลับมา แล้วแหกตามองให้ชัดเสียทีว่าตนเองเป็นใคร เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่คอยแต่จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองและประชาชน หรือเป็น ส.ส.ที่มาจากเสียงของประชาชนแต่ยังทำให้ประชาชนเดือดร้อน และหากจะยังให้ความสนใจแต่กลุ่มผู้ชุมนุมโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน ตนเองก็มองว่านายรังสิมันต์ควรลาออกจาก ส.ส.ไปเป็นแกนนำม็อบ 3 นิ้วอย่างที่ถนัดจะดีกว่า" นายเสกสกลกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"