กสิกรหั่นจีดีพีปี 64 เหลือโต 1%


เพิ่มเพื่อน    

 

22 ก.ค. 2564 นายกอบสิทธิ์ ซิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน  ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK เปิดเผยว่า ได้ปรับจีดีพีของประเทศเหลือ 1.0% จากเดิมตั้่งไว้ 1.8 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดชองเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังยืดเยื้อ และมีผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้ายังคงยืดเยื้อต่อไปจีดีพีในไตรมาส 2/64 อาจจะติดลบ 1.8% 

ทั้งการที่รัฐบาลประกาศมาตราการล็อกดาวน์ 13 จังหวัด ซึ่งเป็น 49% ของจีดีพี ส่งผลกระทบจีดีพีในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในส่วนการขนส่งและการท่องเที่ยว ซึ่งถ้าภาครัฐไม่สามารถแก้ปัญหาสาธารณสุขได้อาจจะทำให้จีดีพีของประเทศลดลงไปอีก และในครึ่งปีหลังยังคงต้องรอมาตราการช่วยเหลือจากภาครัฐ และการนำเข้าวัคซีนที่มีคุณภาพ อาจจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นฟูได้อีกครั้ง โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว และการส่งออก

ซึ่งในปัจจุบันมีปัจจัยลบจากการปิดเมืองทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้ช้าลง แต่ว่าประเทศยังได้อานิสงค์จากตลาดต่างประเทศที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นแต่ว่ายังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ทำให้ในเชิงนโยบายการเงินการคลังยังจำเป็นต้องเข้ามาสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป แม้ว่าปัจจุบันการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าจะเป็นความกังวลหลัก แต่ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและการเปิดเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว หลังจากที่ประชาชนต้องเก็บตัวอยู่บ้านเป็นระยะเวลานาน ทำให้หุ้นเทคโนโลยีภาพรวมอาจมีความน่าสนใจลดลง อย่างไรก็ตามหากสหรัฐฯมีการล็อกดาวน์อีกครั้ง อาจเป็นปัจจัยที่จะเงินทุนไหลเข้าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

สำหรับทิศทางค่าเงินบาท คาดว่าสิ้นปีอาจอยู่ที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 32.50 บาท เนื่องจากการฉีดวัคซีนล่าช้า ทำให้นักลงทุนขายเงินบาท และมีการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ล่าเงินบาทอ่อนค่าลง หากประเทศไทยควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อาจจะทำให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"