จับตามส.หารือวาระร้อน หึ่ง!DSIเล็งค้น‘ธรรมกาย’


เพิ่มเพื่อน    

  "พงศ์พร" สั่ง พศ.ทุกจังหวัดสำรวจบัญชีการเงินวัดทั่วประเทศ ย้ำเก็บข้อมูล-บันทึกวิดีโอรายงานอย่างละเอียดทุกขั้นตอน จับตาวงประชุม มส. 11 มิ.ย.นี้ ซัก "ผอ.พศ." ถึงเหตุผลหนังสือคำสั่ง "กองปราบฯ" เรียก "จนท.ดีเอสไอ" สอบ หลังโพสต์ข่าวเตรียมจับเจ้าอาวาส 3 วัดใหญ่ "ไพสิฐ" ควันออกหูสั่งลูกน้องชี้แจง หวั่นทำสังคมสับสน "มโน" ปูด "ธัมมชโย" ยังซุกอยู่ในวัดพระธรรมกาย สะพัด! DSI จ่อบุกค้นจานบินอีกรอบ

    เมื่อวันอาทิตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการเผยแพร่เอกสารบันทึกข้อความด่วนที่สุด ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่ 0001/06036 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2561 ลงนามโดย พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ.  เรื่องขอข้อมูลวัดที่มีการวางระบบเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัด ส่งถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัด (พศจ.) 
    เนื้อหาระบุว่า ด้วยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีความประสงค์ที่จะขอข้อมูลจากวัดทั่วประเทศที่มีการวางระบบเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัด กรณีที่พระภิกษุสงฆ์ มิต้องถือเงินสด แต่จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนกลางของวัดทันทีเมื่อได้รับ
    ในการนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัด ดำเนินการสำรวจข้อมูลโดยด่วน หากพบว่าวัดใดในพื้นที่ของแต่ละจังหวัดมีการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น ขอให้ทำการสัมภาษณ์เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการดำเนินการ โดยให้บันทึกเป็นวิดีโอ พร้อมสรุปข้อมูลขั้นตอนและวิธีการดำเนินการ และส่งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผ่านโทรสารหมายเลข 0-2441-7902 หรือทาง E-mail:[email protected] ภายในวันที่ 11 มิถุนายน 2561 ทั้งนี้ หากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดใดได้ดำเนินการสำรวจทั้งพื้นที่แล้ว ไม่ปรากฏว่ามีวัดที่ดำเนินการดังกล่าว ขอให้มีหนังสือแจ้งให้ทราบด้วย
    มีรายงานแจ้งว่า ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ เวลา 14.00 น. ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม จะมีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งคาดว่าในที่ประชุม มส.น่าจะมีการสอบถามถึงที่มาที่ไปกับ พ.ต.ท.พงศ์พร ในฐานะเลขาธิการ มส. ถึงกรณีหนังสือบันทึกข้อความที่  0001/06036 เรื่องขอข้อมูลวัดที่มีการวางระบบเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัด ที่แจ้งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ
    "ประชุม มส.อาจมีการสอบถาม พ.ต.ท.พงศ์พรถึงความคืบหน้าคดีเงินทอนวัด โดยเฉพาะในกรณีล่าสุดที่นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาโพสต์ข้อความว่าจะมีการดำเนินการกับวัดดังในกรุงเทพมหานครถึง 3 วัดในคดีเงินทอนวัดล็อต 4" แหล่งข่าวระบุ 
    ขณะที่ความคืบหน้ากรณีการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินการทุจริตเงินทอนวัด ซึ่งหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศเยอรมนี และยื่นเรื่องขอลี้ภัยนั้น
    มีรายงานว่า จนถึงขณะนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามเจ้าของสำนวนการสอบสวนยังไม่ได้รับการประสานงานอย่างเป็นทางการมาจากคณะของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่เดินทางไปยังประเทศเยอรมนี เพื่อเจรจานำตัวอดีตพระพรหมเมธีกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยว่าจะนำตัวมาดำเนินคดีได้เมื่อไหร่ อย่างไร
เรียก จนท.ดีเอสไอสอบ
    "มีเพียงเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคณะตำรวจที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากเยอรมนี ได้ประสานมายังนายตำรวจระดับสูงของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ระบุทางการเยอรมนียังไม่ส่งตัวผู้ต้องหาให้ได้ในเร็ววันนี้ จึงยังไม่ได้กำหนดวันส่งตัวกลับไทยที่แน่นอน ต้องขึ้นอยู่กับทางการเยอรมนีจะเป็นผู้พิจารณา เพราะทางอดีตพระพรหมเมธีได้ยื่นเรื่องขอลี้ภัยในประเทศเยอรมนี ซึ่งอยู่ระหว่างทางการเยอรมนีกำลังพิจารณาขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารและสถานะที่แท้จริงของอดีตพระพรหมเมธีที่ทางการไทยนำไปส่งให้" แหล่งข่าวกล่าว 
    มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกองปราบฯ ได้เดินทางไปยื่นเอกสารเพิ่มเติมที่สถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยแล้ว เพื่อยืนยันให้แน่ชัดว่าอดีตพระพรหมเมธีเป็นผู้ต้องหาหลักในคดีร่วมกันฟอกเงินฯ ซึ่งไม่ได้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายในประเทศแต่อย่างใด
    ส่วนกรณีนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.61 โดยครั้งแรกโพสต์เมื่อเวลา 17.38 น.ของวันที่ 8 มิ.ย.ระบุ "ข่าวเตรียมจับเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาติฯ อีกวัดคาดว่าวัดบวรฯ ครับ" จากนั้นเวลา 21.41 น. โพสต์ข้อความครั้งที่ 2 ว่า "ข่าวทำคดีเงินทอน เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาติฯ อีกวัดราชสิทธิครับ"
    มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้เชิญนายพิสิฐชัยมาให้ปากคำแล้ว เพราะประเด็นดังกล่าวมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในกลุ่มพระสงฆ์ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และรายชื่อวัดดังกล่าวจะอยู่ในคดีเงินทอนวัดล็อตที่ 4 หรือไม่ เนื่องจากนายพิสิฐชัยถือเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่มีความใกล้ชิดกับคณะสงฆ์ ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากมหาเถรสมาคม (มส.) ให้เป็นคณะอนุกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร ของคณะกรรมการติดตามข้อมูลข่าวสารของ มส.ด้วย ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปัญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการ มส.เป็นประธาน
    นอกจากนี้ คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยแพร่เอกสารข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรื่อง ดีเอสไอสอบข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ให้ข่าวเกี่ยวกับการดำเนินคดีเงินทอนวัด ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อต่างๆ กรณีนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะมีการจับกุมดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดต่างๆ เกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ซึ่งการดำเนินคดีอาญาในเรื่องดังกล่าว เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมนั้น
    "วันนี้ (วันที่ 10 มิถุนายน 2561) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนายพิสิฐชัย รายงานข้อเท็จจริงมาเพื่อพิจารณาดำเนินการแล้ว เนื่องจากคดีดังกล่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษมิได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง แม้จะเป็นการเขียนในเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่นายพิสิฐชัยเป็นข้าราชการระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ อาจทำให้สังคมสับสนและเกิดความเสียหายต่อผู้เกี่ยวข้องได้"
    ท้ายเอกสารดังกล่าวระบุว่า อนึ่ง ในส่วนที่มีข่าวว่านายพิสิฐฯ ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ มส.นั้น ได้มอบหมายให้กองคดีภาษีอากรสอบถามในประเด็นดังกล่าวไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาด้วยแล้ว
    พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า กรณีนายพิสิฐชัย เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวของนายพิสิฐชัย ไม่เกี่ยวข้องกับดีเอสไอ ถึงแม้ภาพในรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กของนายพิสิฐชัยจะใส่เครื่องแบบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอก็ตาม
'ธัมมี่'ยังอยู่ธรรมกาย
    เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ และโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า จากการดำเนินคดีอาญาในเรื่องเงินทอนวัด เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีเอสไอไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง แม้จะเป็นการเขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่นายพิสิฐชัยถือเป็นข้าราชการระดับสูงของดีเอสไอ อาจทำให้สังคมสับสนและเกิดความเสียหายต่อผู้เกี่ยวข้องได้ 
    "ที่มีข่าวว่านายพิสิฐชัยได้รับแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ มส.นั้น ได้มอบหมายให้กองคดีภาษีอากรสอบถามในประเด็นดังกล่าวไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาด้วย" โฆษกดีเอสไอกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายพิสิฐชัย เป็นพนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ กองสำนักคดีภาษีอากร ขณะที่มีการสอบสวนคดียักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง และฟอกเงินจากการทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่งมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงวัดพระธรรมกาย รวมทั้งนายพิสิฐชัยยังได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในชุดเจรจากับพระวัดพระธรรมกาย ในปฏิบัติการจับตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย รวมทั้งในช่วงที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ (พศ.) ถูกย้ายออกจากตำแหน่งไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และมีกระแสข่าวการแต่งตั้ง ผอ.พศ.คนใหม่ ก็ปรากฏชื่อนายพิสิฐชัยเป็นหนึ่งในแดนดิเดต ผอ.พศ.ด้วย ก่อนที่ พ.ต.ท.พงศ์พรจะได้ย้ายกลับมาเป็น ผอ.พศ.ในปัจจุบัน
    วันเดียวกัน นพ.มโน เลาหวณิช อดีตลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย กล่าวถึงกรณีการหลบหนีของพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่า ล่าสุดได้ข้อมูลมาจากคนในวัดระบุธัมมชโยและทัตตชีโวอดีตรองเจ้าอาวาสยังอยู่ในวัดแถวๆ อาคารพุทธศิลป์ ไม่ได้ออกไปไหน มีการคุ้มกันแน่นหนาจากกองกำลังของเขา โดยเฉพาะธัมมชโย นับแต่ถูกถอดสมณศักดิ์เมื่อ 5 มี.ค.60 ถึงขั้นล้มป่วยเป็นโรค Post Traumatic Syndrome หรือการได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง เพราะยึดติดทางสมณศักดิ์มาก ถึงขนาดมือไม้อ่อนแรง ไม่มีแรงแม้แต่จะหยิบช้อนตักอาหารมาใส่ปากตัวเอง ทำให้ศิษย์และพระที่ใกล้ชิดในวัดเป็นห่วง จนหมุนเวียนสวดมนต์ให้ตลอด 24 ชม. จากนั้นค่อยๆ ฟื้นมาพูดจารู้เรื่องเมื่อไม่นานมานี้
    “มั่นใจว่าธัมมชโยยังอยู่ในวัด แม้แต่ทัตตชีโวก็อยู่ไม่ไปไหน แต่รู้สึกแปลกใจ ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงน่าจะทราบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ที่รู้มาตอนนี้มีการถอนกำลังแถววัดออกกลับไปเป็นจำนวนมากจริงหรือไม่ และถ้าทางการข่าวทราบมาจริง เหตุใดทำไมถึงไม่มีการเข้าไปตรวจค้นอีกครั้ง" นพ.มโนกล่าว 
    มีรายงานว่า ภายในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ชุดติดตามจับกุมพระธัมมชโยจะเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานีอีกครั้ง เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวการหลบซ่อนตัวของพระธัมมชโยเช่นกัน
    ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) กล่าวว่า เรื่องในวงการสงฆ์เราต้องกล้าท้วงติง เพื่อให้พระอยู่ในธรรมวินัย หน้าที่รักษาพระพุทธศาสนาเป็นหน้าที่อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย การจับกุมดำเนินคดีพระภิกษุระดับกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นผลจากการที่พวกเราเรียกร้องให้มีการต่อสู้ เรียกร้องให้มีการปฏิรูปวงการสงฆ์ เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐเอาจริงเรื่องทุจริตเงินทอนวัด ต้องให้เครดิตรัฐบาลประยุทธ์ ที่กล้าทำในเรื่องนี้ หากเป็นรัฐบาลก่อนหน้านี้กล้าทำหรือไม่ บอกได้เลยว่าไม่มีทาง เพราะห่วงเรื่องคะแนนเสียง ยอมปล่อยให้พระพุทธศาสนาถูกละเมิด เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพราะอลัชชีพวกนี้เป็นหัวคะแนนให้ 
    "ที่พูดไม่ได้หมายถึงทุกพรรค แต่เป็นเฉพาะบางพรรคการเมือง จึงนำมาสู่การออกนโยบายของพรรคเรา สิ่งที่ผมเคยเรียกร้องให้มีการปฏิรูปวงการสงฆ์ จะโดนด่าบ้างก็ตาม แต่ไม่หวั่นไหว จะเดินหน้าต่อไป เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ให้พระพุทธศาสนาบริสุทธิ์ให้ได้" นายไพบูลย์กล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"