
26 ก.ค. 64 - ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และส.ส.มหาสารคาม แถลงข่าวกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2565 ได้ยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ตรวจสอบกรณีนำที่ดินส่วนตัวไปทำ รพ.สนาม โดยไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินหลังเข้ารับตำแหน่งส.ส. ว่า สถานการณ์ต่างจังหวัดในตอนนี้ มีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก ทำให้โรงพยาบาลประจำอำเภอ ไม่เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วย จึงใช้สถานที่ที่ทำการพรรคเพื่อไทย อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม มาสร้างเป็นโรงพยาบาลสนาม เมื่อเป็น ส.ส.จะไปทิ้งประชาชนได้อย่างไร โรงพยาบาลสนามนั้นเป็นการประสานงานกับสาธารณสุขของจังหวัด ได้รับงบประมาณมาจากนางเตือนใจ จรัสเสถียร มารดา บริจาคให้จำนวน 100,000 บาท ที่ดินแปลงนี้ มีโฉนดถูกต้องตามกฏหมาย เป็นชื่อมารดา ที่ครอบครองมาจนถึงทุกวันนี้
ส่วนประเด็นหน้ากากอนามัย ที่ถูกตั้งข้อสงสัยที่มานั้น เจ้าสัวใหญ่คนหนึ่งได้นำมาบริจาค ไม่ได้มีการคิดเงินแต่อย่างใด ครอบครัวของตน ทั้งพ่อแม่ เป็นเจ้าของโรงสีที่ใหญ่ที่สุดใน จ.มหาสารคาม ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 มาตั้งแต่เเรก ได้ปรึกษากับแม่ว่า อยากจะขายที่ดินตรงที่ถูกนายเรืองไกรให้ตรวจสอบนี้ ให้เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี รวมกว่า 100 ไร่ ราคา 600 ล้านบาท เพื่อเอาเงินมาช่วยโควิด-19 จะได้ไม่ถูกนายเรืองไกรคอยขัดเพราะต้องการที่ช่วยประชาชนจริงๆ ขอท้านายเรืองไกร วันที่ 5 ส.ค. เวลา 10.00 น. ให้มาที่หน้าบริษัทไทยเบฟฯ ให้เป็นพยานเพื่อตนจะเสนอขายที่ดินให้กับเจ้าสัวเจริญ การที่จะขายให้เจ้าสัวเจริญ เพราะนายโกเมน ตันติวิวัฒนพันธ์ ปู่ของภรรยาตน เป็นถึงอดีตรองประธานกรรมการของไทยเบฟ มีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าสัวเจริญ และจะยังเป็นการพิสูจน์ใจว่า จะทิ้งกันได้หรือไม่ ขอขายในราคาที่เท่ากัน เหมือนเช่นครั้งที่เจ้าสัวช่วยซื้อที่ดินบ่อตกปลาของบิดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า แม้จะเป็นส.ส.ฝ่ายค้าน แทบจะไม่มีงบประมาณอะไรแล้ว ผิดกับนายเรืองไกร ที่มีผู้ใหญ่ใจดีซื้อรถเบนซ์คันละ 5 ล้านบาท กรณีนี้จะยื่นเรื่องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะได้ข้อมูลว่า หลังจากนายเรืองไกร ได้ทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการงบประมาณฯ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 ได้หิ้วเงินสดกว่า 5 ล้านบาท ไปซื้อรถที่โชว์รูม ย่านถนนพหลโยธิน ดังนั้นนายเรืองไกรต้องชี้แจงว่า เงินก้อนนี้ได้แจ้ง กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หรือไม่ และผู้ใหญ่ใจดีคนนั้นเป็นใคร เงินสดดังกล่าวได้มาด้วยความบริสุทธิ์หรือไม่ มีความเกี่ยวข้องกับการที่นายเรืองไกร เป็นกรรมาธิการงบประมาณหรือไม่ นอกจากนี้ตามกฏหมาย เจ้าหน้าที่ของรัฐห้ามรับเงินเกิน 3,000 บาท นายเรืองไกร รับเบี้ยประชุมจากกรรมาธิการงบประมาณ จึงถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเหมือนกันหรือไม่ โดยวันที่ 27 ก.ค. จะยื่นเรื่องต่อกรรมาธิการงบประมาณ และป.ป.ช. ให้ตรวจสอบนายเรืองไกร รวมทั้งจะยื่นเลขาธิการ ป.ป.ง.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยได้ร่างเอกสารและเตรียมข้อมูลไว้แล้ว.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |