ทส. เผยแก้ไฟป่าช่วงครึ่งปีแรก 64 จุดความร้อนลด 50% ฝุ่นพิษบรรเทาลง 25 จังหวัด


เพิ่มเพื่อน    

30 ก.ค.64 - กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เปิดเผยความคืบหน้าในการแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองเป็นปัญหาสำคัญของประเทศที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยเฉพาะช่วงต้นปี ปัญหาฝุ่นของประเทศมักจะรุนแรงมากกว่าช่วงอื่น โดยกรุงเทพและปริมณฑลมักเกิดวิกฤติในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ พื้นที่ 17 จังหวัดในภาคเหนือเกิดในช่วงกุมภาพันธ์ถึงเมษายน และภาคใต้เกิดในช่วงกรกฎาคมถึงสิงหาคม การป้องกันแก้ไขปัญหามีความเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน และต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนในการแก้ไขปัญหา

รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ห่วงใยและให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองเป็นอย่างยิ่ง โดยกำหนดให้ “การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละออง” เป็นวาระแห่งชาติ และต่อมาได้มีมติเห็นชอบ แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ โดยเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ได้มีมติเห็นชอบ แผนเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง 12 ข้อ นอกจากนี้ พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ยังได้ลงมากำกับการดำเนินงานอย่างเต็มที่ ทั้งการให้นโยบายและการติดตามการดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านฝุ่นละอองให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ในครึ่งปีแรก 2564 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจ 12 ข้อดังนี้ (1) สื่อสารประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้คลอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย โดยคณะอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนนตรีเป็นประธาน และได้จัดตั้งศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ขึ้นที่กรมควบคุมมลพิษ เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ ประสานติดตามบูรณาการการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รวมถึงสื่อสารประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่สาธารณชน

(2) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภายใต้คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งขาติ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นรองประธาน เพื่อเป็นกลไกหลักในการกำกับดูแลและรับมือสถานการณ์

(3) การบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า โดยการเก็บขนและใช้ประโยชน์เศษวัสดุในป่า (ชิงเก็บ ลดเผา) และการบริหารจัดการเชื้อเพลิงใน 17 จังหวัดภาคเหนือ (4) สร้างเครือข่าย อาสาสมัคร และจิตอาสา เป็นกลไกหลักเข้าถึงพื้นที่ ทั้งสื่อสาร ติตตาม เฝ้าระวัง และดับไฟ (5) เร่งขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า (6) เร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม (7) การพยากรณ์ฝุ่นละอองล่วงหน้า 3 วัน เพื่อแจ้งเตือนประชาชน

(8) ประยุกต์ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการรายงานปริมาณฝุ่นละอองเชิงพื้นที่ (9) พัฒนาระบบคาดการณ์ และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ รวมถึงการใช้งานแอปพลิเคชันบัญชาการการดับไฟป่า (10) บริหารจัดการเชื้อพลิงโดยใช้แอปพลิเคซันลงทะเบียนจัดการเชื้อเพลิง ซึ่งได้พัฒนาแอปพลิเคชันบริหารการเผาในที่โล่ง (Burn Check) เพื่อจัดระเบียบการจัดการเชื้อเพลิงให้เกิดการเผาให้น้อยที่สุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบการใช้งาน

(11) ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลป่าไม้ และลดการเผาป่าผ่านการจัดที่ดินทำกิน (12) ดำเนินงานตามข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน เพื่อร่วมมือกับประเทศ สมาชิกอาเซียนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในภูมิภาค

แม้ว่าที่ผ่านมาจะยังมีข้อจำกัดในการติดตามตรวจสอบและรายงานคุณภาพอากาศที่ยังไม่ครอบคลุมทุกจังหวัด การเพิ่มสถานีใน 77 จังหวัดก็ได้มีการบรรจุในแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติฯ ภายในปีงบประมาณ 2567 สำหรับการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองที่มีข้อจำกัดของระยะเวลาในการพยากรณ์ที่ใช้เวลาในการประมวลผลนาน ได้มีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำ Super Computer มาใช้ในการประมวลผล เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์ล่วงหน้า 7 วัน

ส่วนเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย แม้จะมีข้อจำกัดเนื่องจากการควบคุมแหล่งกำเนิดหรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นแต่ละประเภทเป็นอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน แต่การบังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษจากรถยนต์ใหม่ให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6  การบังคับใช้มาตรฐานน้ำมันยูโร 5 ก็ถูกบรรุจไว้ในแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติฯ เช่นกัน โดยให้มีการบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าตามมติประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะยาว

จากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก 2564 จำนวนจุดความร้อนภายในประเทศลดลงมากถึงร้อยละ 50 และจำนวนวันที่ PM2.5 เกินค่ามาตรฐานลดลงถึง 19 จังหวัด และไม่เกินค่ามาตรฐานเลยถึง 6 จังหวัด เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการแก้ไข PM2.5 ภาครัฐยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีนโยบายติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศให้ครบทุกจังหวัดในอนาคต เพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาให้คลอบคลุมทุกจังหวัดในประเทศไทย และพัฒนาระบบรายงานข้อมูลให้เข้าถึงง่าย แจ้งเตือนสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างถูกต้องแม่นยำ เตรียมพร้อมระบบสาธารณสุข สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชน สร้างความเชื่อมั่นและการมีส่วนร่วมในการลดแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง และร่วมมือกันป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง นำประเทศไทยสู่ประเทศไร้ฝุ่น อากาศบริสุทธิ์ เพื่อสุขภาพและความผาสุขของประชาชนต่อไป

สามารถรับชมวีดีโอได้ที่ลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=ZcRDkY5r6VY


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"