ศบค.เผยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 17,784 ราย เสียชีวิตอีก 178 ราย ทำให้ยอดสะสมทะลุ 5 พันรายแล้ว รั้งอันดับ 42 ของโลก “หมอเบิร์ท” บอกตัวเลขผู้ป่วยต่างจังหวัดรวมกันพุ่งไปถึง 61% ส่วน กทม.-ปริมณฑลอยู่ที่ 39% ยกตัวเลขทั่วโลกไทยยังมียอดเสียชีวิตต่ำ สธ.เผยทั่วโลกเป็นช่วงขาขึ้นของการระบาดสายพันธุ์เดลตา รับสภาพตอนนี้ผู้ป่วยล้นเตียง กทม.ใช้ไปกว่า 90% แล้ว “โคราช-บุรีรัมย์” ทำสถิตินิวไฮผู้ป่วยรายใหม่พุ่ง
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,970 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 17,784 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 13,567 ราย, มาจากการค้นหาเชิงรุก 4,217 ราย, มาจากเรือนจำ 175 ราย, เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 633,284 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 13,919 ราย หายป่วยสะสม 419,241 ราย อยู่ระหว่างรักษา 208,875  ราย อาการหนัก 4,768 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,028 ราย และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 178 ราย เป็นชาย 94 ราย หญิง 84 ราย อยู่ใน กทม.มากที่สุด 68 ราย รองลงมา จ.สมุทรปราการ 23 ราย และนครราชสีมา 10 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตที่บ้าน 5 ราย อยู่ใน กทม. 2 ราย, ปทุมธานี ร้อยเอ็ด และสุพรรณบุรี จังหวัดละ 1 ราย ทำให้ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 5,168 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 199,013,612 ราย เสียชีวิตสะสม 4,240,371 ราย ไทยขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 42 
“หากดูจากข้อมูลจะพบว่าประเทศที่ฉีดวัคซีนไปจำนวนมาก แม้มีผู้ติดเชื้อมาก แต่อัตราการเสียชีวิตน้อย เช่น อังกฤษวันนี้ติดเชื้อ 24,470 ราย แต่มีผู้เสียชีวิต 65 ราย นอกจากนี้ หากดูอัตราการป่วยต่อประชากร 1 ล้านคน และอัตราการเสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้านคนของไทย ยังถือว่าน้อยกว่าประเทศต่างๆ ทั้งสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, อินเดีย, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย” พญ.อภิสมัยกล่าว  
    พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 2 ส.ค. ได้แก่ กทม. 3,144 ราย, สมุทรสาคร 1,252 ราย, ชลบุรี 1,141 ราย, สมุทรปราการ 872 ราย, นนทบุรี 743 ราย, สระบุรี 486 ราย, ฉะเชิงเทรา 465 ราย, นครราชสีมา 457 ราย, ปทุมธานี 454 ราย และระยอง 403 ราย ซึ่งหากดูสัดส่วนการติดเชื้อของทั้งประเทศพบว่า การติดเชื้อของ กทม.และปริมณฑลอยู่ที่ 39% ส่วนจังหวัดที่เหลือรวมกัน 61% โดยกรมควบคุมโรคได้แยกแยะการติดเชื้อให้ชัดเจน พบว่าหลายพื้นที่เช่นภาคอีสาน เป็นตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับจาก กทม.และปริมณฑล จังหวัดเหล่านี้ได้ทำประวัติการสัมผัสเชื้อ รวมถึงนำบุคคลดังกล่าวที่กลับตามระบบกลับไปรักษาตัวที่บ้านจนสามารถจำกัดวงระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ อาจสังเกตได้ว่า 16 จังหวัดที่ถูกปรับเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) บางจังหวัดมีผู้ติดเชื้อไม่มาก แต่ที่ต้องประกาศเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม เพราะการระบาดมีการกระจายเป็นกลุ่มก้อนในจังหวัดนั้นๆ ทำให้ต้องเข้มข้นมาตรการในพื้นที่ 
สำหรับคลัสเตอร์ใหม่มี 7 แห่ง ประกอบด้วย ที่ อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร 2 แห่งคือ โรงงานแม่พิมพ์พลาสติก พบผู้ติดเชื้อ 15 ราย บริษัทรถยก 10 ราย, แคมป์ก่อสร้าง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 26 ราย, บริษัทโลหะขึ้นรูป อ.เมืองฯ จ.ฉะเชิงเทรา 17 ราย, ตลาดโกลเดนท์เกต อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 231 ราย, บริษัทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี 16 ราย และแผงผลไม้ อ.หลังสวน จ.ชุมพร 18 ราย 
ย้ำไทยยังตายน้อย
    ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีการติดเชื้อโควิด-19 สะสมถึง 199 ล้านราย โดยเป็นช่วงขาขึ้นของการระบาดสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น จากเมื่อก่อนที่ทั่วโลกติดเชื้อชะลอขึ้น แต่ช่วง 1-2 สัปดาห์มานี้เริ่มรุนแรงติดเชื้อมากขึ้น เฉลี่ยติดเชื้อวันละ 4-6 แสนราย และเสียชีวิตสะสม 4.2 ล้านราย คิดเป็นอัตรา 2.13% ส่วนประเทศที่ยังพบการติดเชื้อมากคือ สหรัฐอเมริกา, อินเดีย, บราซิล และรัสเซีย ซึ่งประเทศที่อยากให้ดูคือสหราชอาณาจักร เนื่องจากมีประชากรใกล้เคียงกับไทยก็มีการติดเชื้อใหม่วันละ 2 หมื่นราย อินโดนีเซียติดเชื้ออยู่จำนวนมากเช่นกัน และอัตราเสียชีวิตค่อนข้างสูง
    “การเปรียบเทียบอัตราป่วยต่อประชากร 1 ล้านคน พบว่าสหรัฐป่วยถึงกว่า 1 แสนราย, อังกฤษกว่า 8 ราย, มาเลเซียกว่า 3 หมื่นราย, อินเดียกว่า 2 หมื่นราย และอินโดนีเซีย 12,000 ราย ส่วนไทยอัตราป่วยต่อล้านคน อยู่ที่กว่า 9,000 รายเท่านั้น ขณะที่อัตราตายต่อประชากร 1 ล้านคน พบว่าสหรัฐมีอัตราตายที่สูงมาก อยู่ที่ 1,900 รายต่อประชากร 1 ล้านคน ซึ่งอังกฤษก็ใกล้เคียงกัน ประมาณ 1,900 ราย ส่วนอินโดนีเซีย 346 ราย, อินเดีย 300 ราย, มาเลเซีย 280 ราย ส่วนไทยอัตราตายอยู่ที่ 74 รายต่อประชากร 1 ล้านคน ซึ่งสถานการณ์ติดเชื้อในอาเซียน พบว่าอินเดียและอินโดนีเซียยังสูง ส่วนไทยถูกจัดลำดับไว้ที่ 42 ของโลก วันนี้พบการติดเชื้อเกือบ 1.8 หมื่นราย”
    นพ.เกียรติ​ภูมิยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์ทั่วโลกในกราฟของผู้ติดเชื้อใหม่ ข้อมูลสะสมตั้งแต่ต้นปี 2564 พบว่าอัตราการติดเชื้อขึ้นสูงในระยะสัปดาห์ที่ 1-3 และเริ่มลดลงมาจนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยใหม่ต่อวันของทั่วโลกเริ่มทะยานขึ้น เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในไทยวันนี้พบผู้ติดเชื้อใหม่ 17,970 ราย แต่มีผู้รักษาหายเพิ่ม 13,919 ราย ยังเหลือรักษาที่ 208,875 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล 75,705 ราย รพ.สนามและอื่นๆ อีก 133,170 ราย ส่วนผู้ที่แยกกักที่บ้าน (Home Isolation) และศูนย์พักคอยในชุมชน (Community Isolation) ประมาณกว่า 50,000 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิต 178 ราย สะสม 5,074 ราย คิดเป็นอัตรา 0.84%
    นพ.เกียรติภูมิยังระบุว่า ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคสหรัฐระบุว่าการติดเชื้อในสหรัฐก็เป็นสายพันธุ์เดลตา โดยเก็บข้อมูลในผู้ป่วย 469 ราย พบว่า 74% เป็นผู้ติดเชื้อที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว โดยพบว่า 90% เป็นสายพันธุ์เดลตา ซึ่งสามารถผลิตไวรัสเมื่อเข้าไปในร่างกายคนได้ใกล้เคียงกัน ทั้งคนที่ฉีดและไม่ฉีดวัคซีน ดังนั้นการป้องกันตนเอง รักษาระยะห่าง สวมหน้ากาก และล้างมือบ่อย เป็นวิธีการที่ดีที่สุด ส่วนสถานการณ์เตียงขณะนี้เต็มเกือบทั้งหมดแล้ว ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และจะขยายเตียงก็ยังเต็ม โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผู้ป่วยเรียกว่าล้นเตียง ทั้งนี้ ทั่วประเทศขยายเตียงดูแลโควิด-19 ได้ถึง 185,417 เตียง เป็นต่างจังหวัด 143,758 เตียง และกรุงเทพฯ 41,659 เตียง มีการครองเตียงแล้ว 70-80% โดยกรุงเทพฯ สูงเกือบ 90% เตียง ทุกระดับมีการนอนแทบเกิน 80% ขึ้นไปทั้งสิ้น
ห้ามขาย ATK ออนไลน์
    “เราต้องอาศัยการดูแลที่บ้านและชุมชน เพื่อเชื่อมต่อระบบบริการไปดูแลที่บ้านได้ในคนอาการน้อย ถ้าอาการมากขึ้นก็เข้าระบบ รพ. โดยเราพบคนเสียชีวิตจากรายงาน 75-80% เป็นสูงอายุมีโรคเรื้อรัง จึงฉีดในกลุ่มนี้เพื่อลดอัตราป่วยหนักและเสียชีวิตต่อไป ทุกมาตรการที่รัฐบาลออกไปเป็นการขอความร่วมมือ ยังไม่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมาย คนไทยต้องแสดงให้เห็นว่าภาวะวิกฤติ ความร่วมมือมีค่ามากที่สุดในการลดการติดเชื้อ ขอให้กลับไปนึกถึงตอน เม.ย.ปีที่แล้ว อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อทุกคนไม่ติดโรค ไม่แพร่กระจายโรคต่อ จึงขออีก 2 สัปดาห์ หลังล็อกดาวน์จาก 13 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด ถ้าสามารถกดลงมาได้ประสิทธิภาพของเพิ่มอีก 5% ลักษณะการติดเชื้อ การป่วยหนักและเสียชีวิตจะลงมาในระดับควบคุมได้ต่อไป”
     ส่วน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงถึงการตรวจหาเชื้อโควิค-19 ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ว่าชุดตรวจดังกล่าวเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ ไม่อนุญาตให้ขายทางออนไลน์ ตามตลาดนัด ตามร้านสะดวกซื้อ แต่จะซื้อได้ในร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำ เพราะต้องตรวจสอบเรื่องคุณภาพและที่มาที่ไป และขณะนี้พบว่ามีการลักลอบขายทางออนไลน์อยู่จำนวนหนึ่งแล้ว ราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น หากพบว่าราคาสูงเกินไป ขอความกรุณาอย่าซื้อ ขณะนี้มีอยู่ 19 ยี่ห้อ และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วราคาจะถูกลง และที่สำคัญองค์การเภสัชกรรมได้แทรกแซงโดยการนำมาจำหน่ายไม่เกิน 200 บาทต่อชุด ให้ซื้อได้คนละไม่เกิน 3 ชุด ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่ง  
    ส่วน นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กระบวนการโฮมไอโซเลชันวันนี้มีอยู่ 226 หน่วย และจะมากขึ้นอีกตามระบบของโรงพยาบาล สามารถดูแลประชาชนได้เต็มรูปแบบตามระบบสาธารณสุขแล้ว 60,000 คน โดยตั้งเป้าหมายว่าจะทำได้ถึง 100,000 คน นอกจากนี้ มีระบบคอมมูนิตีไอโซเลชัน หรือศูนย์พักคอย โดยระบบของ กทม.ที่จะตั้ง 68 แห่ง และจะมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถรองรับประชาชนเข้าไปนอนได้ถึง 10,000 เตียง ในวันนี้สามารถดำเนินการได้แล้ว 46 แห่ง กว่า 5,000 เตียง โดยจะกระจายทุกเขต และยังมีศูนย์พักคอยที่ดำเนินการโดยประชาชน ภาคประชาสังคมอีกกว่า 100 แห่ง
“หน่วย CCRT คือทีมทำงานทางด้านป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุกในชุมชน 226 ทีม เป็นทีมเดินเท้า สามารถตรวจคัดกรองเบื้องต้น และหากคิดว่ายังไม่ได้รับการบริการอย่างเหมาะสมหรือเพียงพอ หรือรอเตียงอยู่ที่บ้าน ก็สามารถเข้าสู่ระบบภาครัฐและเอกชนได้โดย 1330 ของ สปสช. และอีกช่องทางหนึ่งคือเบอร์สายตรงของ 50 เขต กทม. โดยหนึ่งเบอร์มี 20 คู่สาย สามารถรองรับได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถ้ามีอาการเร่งด่วนฉุกเฉินที่คิดว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตจากโควิด-19 ขอร้องขอความช่วยเหลือด่วนที่ 1669 สายด่วนช่วยชีวิต”  
    น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในเดือนนี้ สปสช.จะเริ่มแจกชุดตรวจเร็ว Antigen Test Kit ซึ่งมีแผนจัดซื้อ 8.5 ล้านชุด ผ่านหน่วยบริการสาธารณสุข โรงพยาบาล/คลินิก/ศูนย์อนามัย ตามพื้นที่เป้าหมาย และเมื่อมีคลินิกเอกชนร่วมเป็นภาคีการทำงานกับสปสช.เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้การคัดกรองและดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เบื้องต้นครอบคลุมและรวดเร็วขึ้นอีก 
    น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า จากที่ในสื่อโซเชียลมีเดียได้เผยแพร่กรณีการหลอกลวงขายยาฟาวิพิราเวียร์ ว่าขอให้ประชาชนทุกท่านระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อไปซื้อมารับประทานเอง เพราะปัจจุบันยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยาที่ใช้เฉพาะในสถานพยาบาลเท่านั้น ไม่มีการวางขายตามร้านขายยาหรือท้องตลาดทั่วไป ส่วนผู้ที่กำลังหลอกลวงประชาชนขอให้หยุดการกระทำ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบการกระทำผิดจะถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด เพราะถือเป็นการกระทำผิดในขณะที่ประเทศอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
“โคราช-บุรีรัมย์”ทำนิวไฮ
    สำหรับสถานการณ์การระบาดในจังหวัดต่างๆ นั้น นพ.พรณรงค์ ศรีม่วง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ เผยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 872 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ 40,558 ราย เสียชีวิต 23 ราย เป็นเพศชาย 12  ราย เพศหญิง 11 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 413 ราย
ส่วน นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการ รพ.สมุทรสาคร ระบุว่า ได้สูญเสีย น.ส.อุไรวรรณ จันทรปลิน พยาบาลวิชาชีพ ระดับชำนาญการจากโควิด-19 โดย น.ส.อุไรวรรณได้เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ก่อนตรวจพบเชื้อไม่ถึง 1 สัปดาห์ ซึ่งช่วงนี้เรามีบุคลากรทางการแพทย์ของ รพ.สมุทรสาครเริ่มติดเชื้อจำนวนมากขึ้น ตั้งแต่ 15 มิ.ย.ถึงปัจจุบันประมาณ 200 ราย ส่วนใหญ่ไม่มีอาการที่รุนแรงมีอาการปอดอักแสบ 4 ถึง 5 คน แต่ น.ส.อุไรวรรณมีอาการรุนแรงมากที่สุด
จ.อำนาจเจริญ รายงานว่ามีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 71 ราย เป็นผู้ติดเชื้อเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที ขณะเดียวกันจังหวัดยังได้ออกประกาศคุมเข้มผู้ที่เดินทางมาจาก 29 จังหวัดสีแดงเข้มด้วย
      ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ตอบโต้โรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จ.นครราชสีมา รายงานว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่นิวไฮ 407 ราย ผู้ป่วยเสียชีวิตอีก 4 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 64 ราย ส่วนศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ รายงานว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 421 ราย เป็นตัวเลขผู้ป่วยทำสถิติสูงที่สุด โดยกระจายใน 19 อำเภอ จากทั้งหมด 23 อำเภอ 
จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มขึ้น 129 ราย ทำให้ขณะนี้จังหวัดมีผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,439 ราย ในจำนวนนี้กำลังรักษาในโรงพยาบาล 2,416 ราย รักษาหายแล้ว 1,010 ราย และเสียชีวิต 13 ราย 
ขณะที่ นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวถึงกรณีแชร์คลิปติ๊กต๊อกที่เป็นคลิปพยาบาลสองคนนั่งกอดกันร้องไห้ในโรงพยาบาล ว่าเป็นคลิปที่แสดงความเสียใจ ของบุคลากรทางการแพทย์ที่พบว่าตัวเองนั้นติดเชื้อและต้องทำการรักษาตัว โดยไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบได้
นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าฯ สงขลา กล่าวว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อใหม่ 318 คน เสียชีวิต 3 คน รวมยอดติดเชื้อสะสม 12,662 คน เสียชีวิตสะสม 66 คน รักษาหายแล้ว 9,463 คน ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 3,133 คน รอผลตรวจวันนี้ 379 คน โดยพื้นที่แพร่ระบาดมากที่สุด คือ อ.สิงหนคร รองลงมาคือ อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา 
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่ง 308 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 ราย ซึ่งขณะนี้มียอดผู้ป่วยสะสม 9,610 ราย รักษาหาย 6,417 ราย และเสียชีวิตสะสม 125 ราย
วันเดียวกัน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวฯ พร้อมด้วยคณะนักกีฬาทีมชาติไทย การแข่งขันโอลิมปิก โตเกียว 2020 และหน่วยงานในสังกัดมอบของใช้ที่จำเป็นให้กับโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต  โดยมีนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าฯ ภูเก็ต พร้อมคณะรับมอบ.