ยุคผนึกกำลังเสริมแกร่ง


เพิ่มเพื่อน    

           

      หลายๆ ท่านที่ได้ติดตามการพบปะพูดคุยของผู้นำสองประเทศ ระหว่าง "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา กับนายคิม จองอึน ประธานาธิบดีของประเทศเกาหลีเหนือ ณ ประเทศสิงคโปร์ ว่าจะมีการเจรจาหรือมีการพูดคุยกันในเรื่องใดบ้างนั้น เชื่อว่าทุกคนอยากจะให้การพูดคุยจบแบบสวยงาม เพื่อเป็นการสร้างสันติภาพ และแน่นอนว่าจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของโลกจะมีทิศทางในทางที่ดียิ่งขึ้น

        ซึ่งจากความคิดเห็นของนายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวแสดงความแสดงความคิดเห็นในเรื่องการพบปะระหว่าง "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา กับนายคิม จองอึน ประธานาธิบดีของประเทศเกาหลีเหนือ โดยคาดว่าการพูดคุยในเบื้องต้นจะนำไปสู่การเกิดสันติภาพในรูปแบบถาวรสู่คาบสมุทรเกาหลี และเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วที่ทุกคนอยากให้เกิดขึ้น

        ในส่วนของผลการเจรจาของผู้นำทั้งสองประเทศนั้น คาดว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภูมิเอเชีย ซึ่งจะดีกับเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมาก พร้อมกับจะทำให้เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2561 มองว่าน่าจะขายตัวได้ที่ 4.1-437% โดยมีปัจจัยบวกจากภาคส่งออกที่ยังมีการขยายตัวได้ดี ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีอัตราการเติบโตได้ดี ส่วนการลงทุนภาคภาครัฐและภาคเอกชน จะเห็นว่ามีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิต ถึงจุดที่ต้องลงทุนเพิ่ม

        อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเหล่าบรรดานักลงทุน ผู้ประกอบการต่างๆ ที่ได้เฝ้ารอผลการพูดคุยคงจะโล่งใจมากขึ้นที่ผลออกมาเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเองก็เริ่มมีการขยับฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น จากการที่ภาคการส่งออกที่ขยายตัวได้ดี ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นเหมือนหัวใจหลักในการขับเคลื่อนและสร้างรายได้ให้กับประเทศยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2561 จะฟื้นตัวได้ดีกว่าในปีที่ผ่านมา

        ขณะที่ผู้ประกอบการของไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังคงเชื่อมั่นกับเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวดี จึงมีการลงทุนเพิ่ม พร้อมกับเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุน หรือแม้กระทั่งการนำความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ หรือการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าให้กับตัวสินค้า และยังสามารถเพิ่มศักยภาพให้กับตัวบุคลากรภายในองค์กร

        สำหรับในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการร่วมผนึกกำลังพันธมิตรทางธุรกิจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) บริษัทในเครือชินวะกรุ๊ป ได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตร 3 บริษัท จัดตั้งบริษัท ชินวะ เอส 39 จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งแบ่งเป็น บมจ.พรีบิลท์ เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง 49% กลุ่มชินวะกรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่น 26% และบริษัท พรีแซนส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด 25% ซึ่งบริษัทตั้งเป้ามีแผนพัฒนาโครงการใหม่ปีละ 1-2 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี และมีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องในทุกรูปแบบ

        ทางด้าน บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าสร้างความร่วมมือกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นและพันธมิตรหลักของออริจิ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจะร่วมทุนกันในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส “ออริจิ้น 24” ตรงข้ามโครงการพาร์ค 24 ในซอยสุขุมวิท 24 โดยบริษัทได้ให้ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ดำเนินการขายหุ้นในบริษัทย่อยที่ดูแลโครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น 24 ให้แก่ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ 49%

        ในส่วนของธุรกิจประกันชีวิต ก็ได้มีการร่วมมือ เช่น  บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงเดินหน้านโยบายมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรม ทั้งในด้าน Tech และ Non-Tech ล่าสุดเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในด้านการสร้างนวัตกรรมและเชื่อมต่อไปสู่การสร้างอีโคซีสเตมที่ครบวงจรยิ่งขึ้น จึงร่วมมือกับ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และพันธมิตรที่มาจากหลากหลายวงการ สนับสนุนการจัดงาน “SingularityU Thailand Summit 2018” โดยมุ่งให้ความสำคัญในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกต่างๆ ผ่านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด

        อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ความก้าวล้ำทันสมัยเข้ามาบทบาทมากยิ่งขึ้น ซึ่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของแต่ละองค์กรจึงมีส่วนช่วย และเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ในแต่ละองค์กรมีศักยภาพมีความแข็งแกร่งขึ้น และยังสามารถนำมาเป็นจุดแข็งเพื่อสร้างความต่าง ดังนั้นในยุคนี้การร่วมมือหรือการผนึกกำลังจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้เห็นการจับมือของแต่ละองค์กรเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"