"ลุงตู่"เอาไง ผมเอาด้วย ตายเป็นตาย


เพิ่มเพื่อน    

 กองหนุน"ลุงตู่"ไม่ได้หายไปไหน พี่เอาไงผมเอาด้วย ตายเป็นตาย

            การเมืองทั้งในรัฐสภาและนอกรัฐสภาเวลานี้ เชื่อมโยงกับเรื่องวิกฤติโควิดอย่างเห็นได้ชัด อย่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้น เรื่องโควิดจะเป็นประเด็นหลักที่ฝ่ายค้านนำไปอภิปรายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะที่การเมืองนอกรัฐสภาก็พบว่ากลุ่มม็อบที่ออกมาเคลื่อนไหวเวลานี้ ก็ใช้เรื่องวิกฤติโควิดมาเป็นประเด็นเรียกร้องกดดันให้พลเอกประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองว่า กองหนุน-แบ็กอัพพลเอกประยุทธ์ที่เคยมีจำนวนไม่น้อยเวลานี้หายไปไหน?

            พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ชื่อนี้เรื่อง จุดยืน-แนวคิดทางการเมือง ชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องบรรยายความให้เสียเวลาภายใต้ข้อสรุปสั้นๆ ได้ว่า เป็นแกนนำในกลุ่มปกป้องสถาบันฯ-อยู่ฝ่ายตรงข้ามม็อบสามนิ้ว ขณะเดียวกัน บทบาทของหมอเหรียญทองในช่วงโควิดก็โดดเด่นไม่น้อย เพราะเป็นบุคคลหนึ่งที่ออกมาทำ โรงพยาบาลสนามรับผู้ป่วยโควิด ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ก่อนที่หลายภาคส่วนจะเปิด รพ.สนามขึ้นหลายแห่งในเวลานี้ โดย รพ.สนามที่หมอเหรียญทองและ รพ.มงกฎวัฒนะรับผิดชอบอยู่ตอนนี้มีสองแห่งหลัก และกำลังจะเปิด รพ.สนามขนาดใหญ่ 1,800 เตียง ในวันที่ 12 ส.ค.นี้ ที่ชื่อว่า รพ.สนามใต้ร่มพระบารมี

            ก่อนจะไปคุยเรื่องการเมือง นพ.เหรียญทอง เล่าถึงการทำ รพ.สนามในช่วงที่ผ่านมาให้ฟังโดยสรุปว่า โรคระบาดโควิดเป็นเรื่องของสาธารณภัยจากโรคระบาดที่จะทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมาก การมี รพ.สนามเพื่อรองรับดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งจนถึงขณะนี้ ทาง รพ.มงกุฎวัฒนะ และกลุ่มจิตอาสาพลังแผ่นดินได้ร่วมกันจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ตั้งแต่ระดับคนไข้ไม่มีอาการหรือกลุ่มสีเขียว จนถึงกลุ่มผู้ป่วยโควิดที่มีอาการรุนแรงหรือกลุ่มสีแดง รวมกันจนถึงขณะนี้หลักๆ จะมีสองแห่งคือ โรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดิน และ โรงพยาบาลสนามพิทักษ์ราชัน และจะเปิดโรงพยาบาลสนามรับผู้ป่วยโควิดแห่งที่สามในวันที่ 12 สิงหาคม ที่เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ชื่อว่า โรงพยาบาลสนามใต้ร่มพระบารมี ที่บริเวณอาคารคลังสินค้าที่ 4 ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นอาคารที่ถูกทิ้งร้างมาร่วม 20 ปี ขณะนี้ได้มีการนำมาปรับปรุงทำโรงพยาบาลสนาม โดยได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนและการประสานงานจากนายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์-บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.)-นายสมชาย แสวงการ ส.ว. จนเกิดผลสำเร็จในการตั้ง รพ.สนามใต้ร่มพระบารมี ที่จะมีเตียงรองรับคนไข้โควิด 1,800 เตียง

            พล.ต.นพ.เหรียญทอง กล่าวว่า สำหรับ รพ.สนามใต้ร่มพระบารมี 1,800 เตียง ซึ่งเมื่อเปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.ต่อไปจะทำให้สามารถบูรณาการระบบโรงพยาบาลสนามทั้งสามแห่งที่ตั้งขึ้นมาได้โดยสมบูรณ์ โดยยึดหลักว่าผู้ป่วยโควิดจำนวนมากคือผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ที่เป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว จะให้ รพ.สนามใต้ร่มพระบารมี ที่มี 1,800 เตียง เป็น รพ.สนามหลักในการรับผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าว โดยหากว่าถ้าผู้ป่วยมีอาการแย่ลงจนกลายเป็นผู้ป่วยโควิดอาการปานกลาง ก็จะถูกส่งตัวมายัง รพ.สนามพิทักษ์ราชัน

สำหรับ รพ.สนามพิทักษ์ราชัน ต่อไปจะยกระดับมาเป็น รพ.สนามที่ดูแลผู้ป่วยที่มีอาการปานกลาง โดย รพ.สนามพิทักษ์ราชันที่ปัจจุบันมี 850 เตียง แต่หลังมีการเปิด รพ.สนามใต้ร่วมพระบารมี ก็จะเหลือ 700 เตียง ซึ่งเหตุที่เตียงลดลงก็เพื่อนำพื้นที่ไว้สำหรับติดตั้งระบบทางการแพทย์ ให้สามารถดูแลผู้ป่วยโควิดอาการปานกลาง โดยจะมีการจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังให้แก่สมาคมโรคไตในในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยจะนำผู้ป่วยไตวายที่ติดโควิดเข้ามาทำการดูแลรักษาที่ รพ.สนามพิทักษ์ราชัน ด้วยการฟอกเลือดล้างไต ซึ่งปัจจุบันเราก็ทำอยู่แล้วแต่เตียงไม่พอ เราก็จะทำการเพิ่มเตียงผู้ป่วยไตวายมากขึ้น โดยจะให้มีประมาณ 60 เตียง เพื่อให้ผู้ป่วยไตวายสามารถเข้าถึงระบบการรักษา ซึ่งที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จมาก อัตราการรอดชีวิตสูง จากเดิมที่อัตราการเสียชีวิตสูงกลายเป็นว่ากลายเป็นอัตราการรอดชีวิตสูง ส่วนอีก 640 เตียงที่เหลือ ก็จะไว้คอยดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดที่มีอาการปานกลางที่ถูกส่งตัวมาจาก รพ.สนามใต้ร่มพระบารมี

...หลังมีการเปิด รพ.สนามใต้ร่มพระบารมี วันที่ 12 สิงหาคม ก็จะทำให้ รพ.สนามพิทักษ์ราชัน เป็น รพ.สนามสีเหลือง คอยดูแลคนไข้โควิดอาการไม่รุนแรง แต่หากผู้ป่วยอาการแย่ลง มีอาการหนัก ก็จะถูกส่งต่อไปรักษายัง รพ.สนามแห่งแรกที่เราเปิดคือ รพ.สนามพลังแผ่นดิน ที่มีเตียงไอซียูอยู่ 48 เตียง แต่จะยกระดับหอผู้ป่วยอาการปานกลางให้เป็นหอดูแลผู้ป่วยโควิดอาการหนักอีก 150 เตียง ดังนั้นจากสถานการณ์โควิดวันนี้ที่มีคนไข้โควิดอาการหนักมากขึ้น ทำให้ รพ.สนามพลังแผ่นดิน ก็จะดูแลผู้ป่วยโควิดอาการหนักได้ถึง 198 เตียง

                -จากที่ทำ รพ.สนามมาตอนนี้จะสามแห่งแล้ว ที่ผ่านมาเจอปัญหาอุปสรรคในการทำ รพ.สนาม เพื่อดูแลรักษาคนไข้โควิดอย่างไรบ้าง?

            ปัญหาที่ผมเจอ ผมเจอเยอะมาก สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ จากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้วันนี้จึงเป็นสถานการณ์สาธารณภัย ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ วันนี้ต้องบอกเลยว่า ระบบราชการไทย ต้องเร่งปรับปรุง เพราะจากสถานการณ์โควิดทำให้เห็นเลยว่าส่วนราชการไทยยังไปยึดติดกับกฎ ข้อบังคับมากเกินไป เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างที่เห็น การจะไปยึดเอาระเบียบข้อบังคับต่างๆ มาเป็นตัวยึด มาเป็นข้ออ้างสุดท้าย ก็จะทำให้กลายเป็นอุปสรรค ระบบราชการไทย ต้องเข้าใจบริบทสถานการณ์ในวันนี้ด้วยว่า วันนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินจากโรคระบาด ดังนั้น กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ อย่านำมาใช้อ้างกัน เช่น การตั้งโรงพยาบาลสนาม บางฝ่ายเช่นหน่วยงานท้องถิ่น ไม่รู้เรื่องก็เอากฎบางอย่างเข้ามาจนกลายเป็นข้อพิพาท กลายเป็นอุปสรรคในการเผชิญเหตุในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนผมเองก็ประสบปัญหากับนักการเมืองในพื้นที่ หรือเจ้าหน้าที่ในท้องที่ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย เขาควรต้องเข้าใจบริบทนี้ด้วย เพราะหากไม่เข้าใจ สุดท้ายมันก็เลยกลายเป็นอุปสรรคในการช่วยบรรเทาสาธารณภัย การช่วยชีวิตประชาชนจำนวนมาก

            นอกจากนี้เราก็เจอปัญหาเรื่อง จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอ ที่ก็เป็นปัญหาพื้นฐานที่ทุกประเทศทั่วโลกเจอ ซึ่งเรื่องนี้ก็เช่นกัน วันนี้เราต้องยึดหลักการพึ่งตนเอง อย่างการสร้าง "จิตอาสา" เพื่อมาทำหน้าที่ช่วยเหลือแพทย์ พยาบาล เช่น เพื่อช่วยลดการใช้พยาบาลที่ตอนนี้ขาดแคลน สิ่งนี้จำเป็นที่เราต้องคิดกัน เราจะไปเอาเรื่องมาตรฐานวิชาชีพมาจับไม่ได้ เพราะหากนำมาจับก็จะทำให้เราไม่สามารถรับผู้ป่วยโควิดจำนวนมากได้ วันนี้ถ้าเราทำดูมันก็อาจเหมือนกับจะผิดกฎหมาย เหมือนเป็นการสร้างบุคลากรเถื่อนทางการแพทย์ แต่ความจริงแล้ววันนี้เราต้องดูเจตนารมณ์ว่า เราทำเพื่อรักษาชีวิตคน เราต้องดูสิ่งนี้เป็นหลัก

            และหัวใจสำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ จากสถานการณ์โควิดวันนี้ที่กำลังแย่มาก เป็นสถานการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติจากปัญหา "โรคระบาด" ดังนั้นเรื่อง ความสามัคคีของคนในชาติ ถือเป็นหัวใจสำคัญยิ่ง ผมขอเน้นย้ำ ถ้าตราบใดที่วันนี้คนในชาติยังไม่สามัคคีกัน พร้อมร่วมมือร่วมใจกันในการเผชิญโรคระบาด แต่ยังไปเอาประเด็นซ่อนเร้นทางการเมืองมาคอยบั่นทอนกัน โดยใช้สถานการณ์โรคระบาดมาคอยฉกฉวยจากสถานการณ์โควิดในเวลานี้ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเลวร้ายมาก เพราะผลเสียมันเกิดกับชีวิตของคนในชาติ ความสามัคคีของคนในชาติ จึงเป็นปัจจัยสำคัญมากที่ต้องคำนึงถึงในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่จะมาก่อความวุ่นวาย มาก่อความไม่สงบเกิดขึ้น มาคอยบั่นทอนให้ร้ายกัน การทำแบบนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ เพราะเมื่อไม่มีการให้ความร่วมมือกันก็จะทำให้การแก้ปัญหาโควิดจะเป็นไปได้ยาก

เมื่อถามถึงว่าโควิดระบาดหนักรอบนี้ที่มีคนป่วย คนเสียชีวิตจำนวนมาก บางฝ่ายออกมาวิจารณ์และตำหนิพลเอกประยุทธ์ นายกฯ ที่เป็นประธาน ศบค. ว่าแก้ปัญหาไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการวางแผนเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน จนทำให้มีคนติดเชื้อและคนเสียชีวิตจำนวนมาก คำถามดังกล่าว พล.ต.นพ.เหรียญทอง-ที่ทำ รพ.สนามรักษาผู้ป่วยโควิดมาหลายเดือน ให้ความเห็นว่า อยากให้ดูแบบนี้ว่าการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดรุนแรงจะพบว่าเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทย และต้องดูว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิดในไทยเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วย ซึ่งจะพบว่าอัตราการเสียชีวิตของประเทศไทยต่ำมาก จึงยังถือว่ายังอยู่ในผลงานที่ดีอยู่ไม่ใช่ว่า เลวร้าย

การติดเชื้อจำนวนมาก ที่ไหนก็มีการติดเชื้อจำนวนมากเหมือนกัน หากเราไม่มีอคติ ดูกันอย่างตรงไปตรงมา ก็จะเห็นได้ว่าอัตราการเสียชีวิตยังน้อยมาก ยังไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น สถานการณ์โควิดเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศไทย เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความล้มเหลวอะไร ดูอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจ การติดเชื้อโควิดต่อวันเป็นแสนคน การเสียชีวิตอัตราสูงกว่าเราตั้งเยอะ จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย

-แต่ก็มีการวิจารณ์ว่า ศบค.และรัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิดพลาด โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมวัคซีน บอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะแทงม้าตัวเดียว ไม่มีการเตรียมวัคซีนไว้หลายยี่ห้อเลยไม่ทันการณ์?

            เรื่องวัคซีน คิดว่ารัฐบาลชี้แจงเรื่องทั้งหมดด้วยเหตุผลที่ชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้เราเอาความอคติ มีการจงใจบั่นทอนให้ร้ายกันทางการเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะในสถานการณ์สาธารณภัย-ภัยพิบัติของคนในชาติ มันต้องร่วมมือร่วมใจกัน ไม่ใช่มาฉกฉวยในช่วงสถานการณ์อย่างนี้ในช่วงที่ประชาชนเดือดร้อน มาให้ร้ายกันด้วยชุดความคิดผิดๆ เพื่อหวังช่วงชิงอำนาจทางการเมืองกัน แบบนี้ใช้ไม่ได้

ถามต่อไปว่า มองความเคลื่อนไหวของบางฝ่าย เช่น ฝ่ายค้านหรือการเคลื่อนไหวของม็อบต่างๆ ที่ออกมาถี่ยิบตอนนี้ โดยนำเรื่องโควิดและวัคซีนมาเป็นประเด็นกดดันขับไล่นายกฯ อย่างไร พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุว่า เป็นความสามานย์ เลวร้ายมาก ใช้ไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกตอนนี้เป็นสถานการณ์ภัยพิบัติของชาติที่เป็นภัยจากโรคระบาด เป็นภัยของมวลมนุษย์โลก แต่มาหวังเอาสถานการณ์ความทุกข์ร้อนของคนในชาติเพื่อหวังดิสเครดิตรัฐบาล  

            ..ผมขอถามว่าหากนายกรัฐมนตรีเกิดถอดใจลาออกไป ตามที่บางฝ่ายต้องการ แล้วถามว่าหากนายกฯ ลาออกไปแล้วจะทำให้การแก้ปัญหาโรคระบาดตอนนี้ทำได้เสร็จหมดทันทีเลยกระนั้นหรือ ผมกลับมองว่ามันยิ่งเป็นอันตราย มันจะทำให้เกิดสุญญากาศในการบริหารจัดการ การจัดการสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่ว่าไปคิดกันมาสักพักแล้วมาแก้ปัญหากันได้เลย เพราะต้องมีการเตรียมการ มีการบูรณาการกันแก้ปัญหาแบบเป็นองคาพยพอย่างเป็นระบบ เพียงแต่จะถูกใจหรือไม่ถูกใจ ทันใจหรือไม่ทันใจ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกัน การมาบั่นทอนเพื่อจะเปลี่ยนรัฐบาล โดยการฉกฉวยสถานการณ์ในช่วงเวลาแบบนี้ จะทำให้ยิ่งเกิดความสูญเสียของคนในชาติมากขึ้น

การแก้ปัญหาโควิดไม่ใช่ว่าจะมาแก้กันได้ทันที แก้กันได้ง่ายๆ กับการจัดการโรคระบาด ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนตัวนายกฯ วันนี้แล้วจะได้วัคซีนเข้ามาอย่างรวดเร็วเลยก็ไม่ใช่ แต่อยู่ที่คนในชาติต้องร่วมมือกันเป็นปึกแผ่น ร่วมกันดูแลเรื่องสุขอนามัยของตัวเองให้ดีด้วยเสียก่อน ไม่ใช่จะมาก่อเหตุชุมนุม ที่จะยิ่งเสี่ยงต่อการทำให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำยิ่งขึ้นไปอีก ทำแบบนี้จะแก้ปัญหาอะไรได้ มีแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายขึ้นไปอีก ไม่เกิดผลดี และยังเป็นการบ่อนทำลายชาติ

กองหนุน "ลุงตู่" ไม่ได้หายไปไหน นายกฯ เอาไง ผมเอาด้วย ตายเป็นตาย

พล.ต.นพ.เหรียญทอง-ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ย้ำด้วยว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นเวลานี้ที่นำเรื่องสถานการณ์โควิด-วัคซีน เพื่อกดดันพลเอกประยุทธ์ให้ลาออก เชื่อว่ามีเบื้องหลังแน่นอน เป็นเบื้องหลังของการพยายามจะเปลี่ยนแปลงล้มล้างรัฐบาล และอาจคาดหวังสูงไปถึงการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปด้วยสำหรับในกลุ่มคนบางส่วน ซึ่งมีความชัดเจนตามความที่ปรากฏ ซึ่งการที่หวังจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ก็มาอาศัยสถานการณ์เวลานี้ที่เป็นช่วงเรากำลังมีภัยพิบัติ มีความทุกข์ร้อนของคนในชาติ ที่เป็นสถานการณ์ที่บางฝ่ายอาจเห็นว่าเหมาะสมกับการฉวยโอกาส ซึ่งเบื้องหลังการเคลื่อนไหวแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ ที่เชื่อได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่เขามีเหตุผลและจะไม่ไปคล้อยตามด้วย แต่จะยิ่งทำให้รัฐบาลได้รับความร่วมมือมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ

            การเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออกทันทีเวลานี้ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้ว จะยิ่งเป็นอันตรายต่อคนในชาติเองด้วย เพราะวันนี้ถ้าพลเอกประยุทธ์ถอดใจลาออก ผมมองว่าประชาชนจะเจออันตรายต่อการแก้ปัญหาโรคระบาดอย่างยิ่งยวดและไม่ใช่อันตรายธรรมดา แต่อันตรายต่อชีวิตของประชาชน ชีวิตของครอบครัวและคนที่เขารัก มันไม่เกิดผลดี แต่จะเกิดหายนะต่อคนในชาติของตัวเอง

-ในทางการเมืองมีการมองกันว่า ตอนนี้พลเอกประยุทธ์เหมือนกับสู้อยู่คนเดียว ไม่มีกองหนุน แบ็กอัพหาย คนที่เคยสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ก็เลิกสนับสนุนแล้ว จนคนถามกันว่ากองหนุนลุงตู่หายไปไหน?

            ผมไม่รู้ว่ากองหนุนลุงตู่หายไปหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่สำหรับผม ผมเป็นกองหนุนลุงตู่อยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ผมก็ยังอยู่ ผมเป็นกองหนุนลุงตู่ที่ประกาศความชัดเจน และผมยังเชื่อว่ากองหนุนลุงตู่ไม่ได้หายไปไหน แต่เนื่องจากตอนนี้มันมีการให้ข่าวสารบิดเบือนให้ร้ายกัน ก็ทำให้คนส่วนหนึ่งก็อาจไปหลงเชื่อ แต่อยากจะบอกว่ากองหนุนลุงตู่อย่างหมอเหรียญทองยังยืนหยัดเหมือนเดิม

            ผมเคยพูดเสมอว่าผมจะร่วมรบกับนายกฯ ในภัยพิบัติโควิดครั้งนี้ดั่งพี่น้องร่วมรบ ผมพูดแบบทหารพูดกัน คำว่าพี่น้องร่วมรบก็คือ พี่เอาไง ผมเอาด้วย ตายเป็นตาย จะร่วมเป็นร่วมตาย เพราะภัยพิบัติที่เกิดขึ้น เกิดจากโรคระบาด คุกคามชีวิตประชาชนของพระเจ้าแผ่นดิน เป็นหน้าที่ของทหารเราที่ถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อจอมทัพ ผมยังคงยืนหยัดกับลุงตู่อยู่เสมอ ถามว่าการเปลี่ยนม้ากลางศึก นายกฯ ลาออกไป แล้วไปเอาคนอื่นเข้ามาตอนนี้ ถามว่าโรคระบาดโควิดจะหยุดหายไปทันทีเลยหรือไม่ จะทำให้โควิดสายพันธุ์เดลตา คนจะไม่ติดเชื้อ จะไม่ตายเลยหรือไม่ หากเปลี่ยนม้ากลางศึกกันตอนนี้ มันก็เป็นไปไม่ได้

            สำหรับผมคงไม่ต้องให้กำลังใจนายกฯ เพราะท่านเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง แต่ผมเห็นว่าเรื่องการแก้ปัญหาโควิด สิ่งที่นายกฯ ทำไว้มาถูกทางแล้ว อยากบอกว่ายังมีประชาชนแบบผมอีกจำนวนมากยังพร้อมเคียงข้างกับนายกรัฐมนตรี และพร้อมให้ความร่วมมือในการต่อสู้กับภัยพิบัติโควิดให้ผ่านพ้นไปได้ เพื่อให้ประเทศไทยเราต้องชนะให้ได้

ผมยืนยันว่าพลังเงียบของคนในชาติมีเยอะ ทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาล เพราะหากไม่มาร่วมมือกันแล้วจะควบคุมโรคระบาดได้อย่างไร ส่วนใครจะไม่ให้ความร่วมมืออย่างไร เราคงห้ามเขาไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่ต้องการจะบั่นทอน นายกรัฐมนตรีก็ต้องปักหลักสู้ต่อไป เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

            ..สถานการณ์โควิดต่อจากนี้ ผมคงบอกไม่ได้ว่าจะเริ่มดีขึ้นได้เมื่อใด เพราะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งตราบใดที่วันนี้คนในชาติส่วนหนึ่งยังออกมาก่อความไม่สงบ ก่อความวุ่นวาย สถานการณ์โรคระบาดก็คงกระเพื่อมตลอดเวลา แต่หากถามว่าสิ่งที่ ศบค.-รัฐบาล ทำในเรื่องการแก้ปัญหาโควิดมาถูกทางหรือไม่ ก็จะเห็นได้ว่าทำมาถูกทาง อย่างเรื่องการบริหารจัดการเรื่องวัคซีน การระดมฉีดวัคซีน การออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด

อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าสิ่งสำคัญมันต้องอยู่ที่ความร่วมมือของคนในชาติด้วย เพราะต่อให้รัฐบาลออกมาตรการมาดีอย่างไร แต่คนส่วนหนึ่งยังไม่ให้ความร่วมมือ แถมยังออกมาบ่อนทำลาย การแก้ปัญหากว่าจะบรรลุผลก็ทำได้ยาก ต้องใช้เวลา สถานการณ์กว่าจะดีขึ้นก็คงต้องใช้เวลานานพอสมควร ผมยังเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์จะนำพาประเทศชนะในสงครามโรคระบาดครั้งนี้ เพราะสุดท้ายแล้วผมก็ยังเชื่อว่าสถานการณ์ยังไงอนาคตก็ต้องดีขึ้น เพราะมันเป็นสถานการณ์โรคระบาดของมวลมนุษย์โลก มันเกิดขึ้นทั่วโลก ต่อไปมันก็จะดีขึ้น วันนี้ไม่ได้มีใครทำงานผิดพลาดอะไร มีแต่การให้ร้ายกัน ที่เป็นสิ่งซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร

-สถานการณ์ม็อบต่างๆ ที่เริ่มนัดชุมนุมบ่อยขึ้นเพื่อเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออก มองว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร หลายฝ่ายเป็นห่วง จะเกิดสถานการณ์รุนแรง?

            สถานการณ์ม็อบวันนี้ คือต้องการเอาความทุกข์ยากมาทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต อย่างการสร้างภาพข่าวที่ไม่เป็นความจริง เพื่อหวังให้ร้ายว่ามีคนเสียชีวิตจากโควิดตายเกลื่อน นอนเกลื่อนถนน พวกเฟกนิวส์ สิ่งเหล่านี้ทำเพื่อให้เกิดความรู้สึกว่ารัฐบาลล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน บ้านเมืองลุกเป็นไฟ มีประชาชนออกมาก่อความไม่สงบ แล้วประชาชนอีกฝ่ายหนึ่งก็ทนไม่ได้ ก็ต้องออกมาสู้ คือต้องการจะทำให้เกิดการปะทะของคนในชาติ ทำให้เกิดการระบาดของเชื้อโควิด มีคนบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น ต้องการจะทำให้เกิดความรู้สึกว่ารัฐบาลไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไปแล้ว สถานการณ์ในช่วงนี้รัฐบาลและคนในชาติต้องอดทนกันให้มาก การใช้กำลังอะไรต่างๆ ในสถานการณ์ต่อจากนี้ต้องคิดให้รอบคอบ แม้ผมจะไม่ได้รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง แต่สิ่งที่เห็นก็คือ การฉกฉวยสถานการณ์เพื่อต้องการบ่อนทำลาย เพื่อหวังให้คนเห็นว่ารัฐบาลล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลจึงต้องปักหลักเดินหน้าแก้ปัญหาโควิดไป แม้จะเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ง่ายเหมือนดีดนิ้ว เห็นผลในเวลาวันเดียว ดังนั้นคนในชาติต้องอดทน แต่ขณะเดียวกันการทำงานด้านข่าวกรองและการสู้กับพวกเฟกนิวส์ รัฐบาลต้องทำให้มากขึ้น การบังคับใช้กฎหมายต้องเข้มแข็งขึ้น

...โดยเฉพาะในส่วนของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องขอพูดตรงนี้ โดยไม่ได้จะมาหมิ่นศาล แต่เรื่อง การยื่นขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลที่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว (แกนนำ) ทางฝ่ายตุลาการต้องคำนึงได้แล้ว ต้องขออนุญาตพาดพิงผู้พิพากษา แต่การที่ท่านยอมให้ประกันตัว-ปล่อยตัวออกมา แล้วก็ออกมาก่อความวุ่นวาย เมื่อมีประชาชนส่วนหนึ่งไปยื่นเรื่องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว ทางผู้พิพากษาต้องเห็นแล้วว่าความสงบสุขเรียบร้อยภายในชาติ มาวันนี้สถานการณ์เป็นเช่นใด จากคนที่ทางผู้พิพากษาให้ปล่อยตัวชั่วคราว วันนี้ต้องคำนึง เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนั้นทางฝ่ายกระบวนการยุติธรรมต้องมีส่วนร่วมด้วยเช่นเดียวกัน จะมาจับๆ ปล่อยๆ แบบนี้ ใช้ไม่ได้

ส่วนทางนายกฯ ก็ต้องอดทน เดินหน้าสู้ไป ประชาชนอย่างพวกผม-กลุ่มจิตอาสาพลังแผ่นดินที่จะสู้กับภัยโควิด ก็ยังยืนหยัดเคียงข้างกับนายกฯ เพื่อรักษาชีวิตประชาชนคนในชาติ 

-มองว่าการเคลื่อนไหวของม็อบและกลุ่มต่างๆ ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองตอนนี้ จะยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร?

            สำหรับผม แม้จะเป็นหมอ แต่ก็เป็นทหารเก่าด้วย มองว่ามันเป็นยุทธศาสตร์ที่บางฝ่ายต้องการยึดอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะสถานการณ์แบบนี้เป็นโอกาสของฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เปลี่ยนแปลงอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นสถานการณ์ที่เป็นโอกาสของพวกฝ่ายบ่อนทำลายชาติอยู่แล้ว เขาก็ต้องทำแบบนี้ อย่างที่เราเห็นกัน การยกระดับความรุนแรงก็คงต้องมี การก่อความไม่สงบต้องมีแน่นอน เป็นเรื่องที่่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลต้องคอยติดตามดู อย่างกรณีที่มีการนัดหมายเคลื่อนไหวชุมนุมที่บอกว่าจะไปที่บริเวณหน้าสำนักพระราชวัง การอ้างว่าเป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ แต่ก็คือการแสดงออกถึงการเป็นอริราชศัตรูอย่างชัดเจน ถือเป็นภัยต่อความมั่นคง เพื่อต้องการยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงภายในประเทศ อยากขอเตือนว่า ประชาชนที่จงรักภักดีจะไม่ยอมให้สถาบันถูกล้มล้างอย่างเด็ดขาด การแสดงในเชิงสัญลักษณ์แสดงออกมาแล้ว ก็มีแต่ทำให้เกิดความเกลียดชังต่อขบวนการก่อความไม่สงบทั้งสิ้น โดยไม่ได้ก่อความสูญเสียต่อสถาบันเลยแม้ต่อน้อยนิด สิ่งที่พยายามจะทำยิ่งทำให้คนที่มีความจงรักภักดี มีความเป็นปึกแผ่นมากขึ้นเรื่อยๆ.

                                                                                                โดยวรพล กิตติรัตวรางกูร

........................

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"