ยุเผาจนสิ้นซาก! แกนนําสามนิ้ว'อยู่รู'ปลุกม็อบอารมณ์ค้างลุกเป็นไฟ


เพิ่มเพื่อน    

  ม็อบ 3 นิ้วป่วนกรุง แกนนำพร้อมใจอ้างอยู่ในที่พักเพราะตำรวจไม่ให้ไป สั่งการผ่านโซเชียลแทน สุดท้ายเปิดฟาร์มแกะไม่ไปพระบรมมหาราชวัง ขอไปทำเนียบฯ แทน ก่อนเปลี่ยนใจไปบ้านนายกฯ ปะทะเดือดที่ดินแดง มามุกเดิมยุติชุมนุม แต่ม็อบอารมณ์ค้างเผารถตำรวจ เพจกลุ่มเยาวชนปลดแอกตัวบงการ อ้างประชาชนโต้กลับ! เผารถตำรวจจนสิ้นซาก

    เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ตามที่กลุ่มเยาวชนปลดแอกและแนวร่วม อาทิ คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.), กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย DRG, เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย, ทะลุฟ้า, ศาลายาเพื่อประชาธิปไตย, สหภาพคนทำงาน และ SUPPORTER THAILAND นัดหมายชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันนี้ เวลา 13.00 น. เพื่อเคลื่อนขบวนยังพระบรมมหาราชวัง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่กลางดึก เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมด้วยการนำตู้คอนเทนเนอร์และลวดหนามมาวางเป็นแนวขวางบนถนนราชดำเนินในบริเวณหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม และพื้นที่โดยรอบเส้นทางที่จะเข้ามาพระบรมมหาราชวัง นอกจากนั้นยังพบว่าได้นำถังบรรจุน้ำมันเก่าที่ปลดการใช้งานของขบวนรถไฟ รวมทั้งตู้รถสินค้าเก่ามาใช้เป็นแนวป้องกันการเข้ามาในพื้นที่ของกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
    ขณะที่แยก จ.ป.ร. สะพานมัฆวานรังสรรค์ และเส้นทางถนนพิษณุโลก บริเวณแยกนางเลิ้ง ซึ่งเป็นเส้นทางไปทำเนียบรัฐบาล ก็มีการนำตู้คอนเทนเนอร์ และลวดหนามมาวางขวางเส้นทางเช่นกัน  
    ทั้งนี้ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ด่วน เรื่อง ไม่เห็นด้วยกับการนำตู้รถไฟไปเป็นแนวกั้นการชุมนุม พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกการนำตู้รถไฟไปเป็นแนวกั้นการชุมนุมของประชาชน และขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าการนำตู้รถไฟออกไปนั้นกระทำการด้วยวิธีการอย่างไร ใครเป็นคนสั่งการ สร.รฟท.ยืนยันว่าไม่เห็นด้วย และการเคลื่อนไหวของประชาชนหากเคลื่อนไหวด้วยสงบ ปราศจากอาวุธ สันติ ก็เป็นสิทธิที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายในระดับสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และขอให้รัฐบาลคำนึง ตระหนักถึงสิทธิเหล่านี้
    จากนั้นได้มีการเผยแพร่หนังสือราชการที่ ด่วนที่สุด ตช 0001(มค3)/570 ลงวันที่ 6 สิงหาคม เรื่องขอความอนุเคราะห์ตู้โบกี้รถไฟและตู้เชื้อเพลิง ลงชื่อ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุความว่า  ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบกำหนดมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม ในการทำกิจกรรมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)  เพื่อให้การดำเนินการกำหนดมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอความอนุเคราะห์มายังท่าน ขอรับการสนับสนุนตู้โบกี้รถไฟและตู้เชื้อเพลิงที่ปลดระวางและหมดความจำเป็นแล้ว ดังนี้
    ตู้โบกี้ (ชำรุด) จำนวน 10 ตู้ แคปซูลน้ำมัน (ถอดจากรางแล้ว) จำนวน 8 ถัง  แคปซูลน้ำมัน (ยังไม่ถอดจากราง) จำนวน 12 ถัง เพื่อใช้ประโยชน์ในราชการของสำนักงานแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.กิตตินันท์ ดีอ่วม นายเวร (สบ 3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ประสานงาน  
คุมเข้มถนนราชดำเนิน
    เวลา 12.00 น. ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ได้เคลื่อนกำลังจากหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ไปตามถนนราชดำเนิน และเคลื่อนตัวถึงแยกคอกวัว ในขณะที่ คฝ.อีกกลุ่มถึงหัวมุมถนนตะนาวและบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิไตย โดยเจ้าหน้าที่ได้ประกาศกับประชาชนขอให้ออกนอกพื้นที่
    "ถ้าบริสุทธิ์ใจ ขอให้ถอยออกไป นักข่าวก็ขอให้ออกนอกพื้นที่ด้วย ถอยออกไป ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หากถ่ายรูปและไม่ให้ความร่วมมือ จะไปต่อไม่ได้ ขณะนี้มีกลุ่มไม่หวังดี เพื่อก่อความวุ่นวาย แทรกเข้ามากับผู้ชุมนุม มีการสร้างสถานการณ์โดยจุดพลุและประทัด สร้างความวุ่นวาย ทางสื่อได้บันทึกภาพไว้หมดแล้ว
    การกระทำนี้เป็นสิ่งที่พี่น้องกลุ่มที่ไม่หวังดีกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ขอแจ้งให้ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย จึงขอความร่วมมือให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้าน และให้เจ้าหน้าที่เข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย รวมถึงระบุว่ามีความห่วงใยเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจนำเชื้อกลับไปติดกับคนที่บ้านได้"
    ขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางผ่านสนามหลวง พระบรมมหาราชวัง ถนนราชดำเนิน และถนนพิษณุโลก เส้นทางมุ่งหน้าเข้าทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากจะมีการชุมนุมและมีการปิดการจราจร
    ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้จัดกำลังไว้รักษาความสงบเรียบร้อย และจัดกำลังตำรวจจราจรไว้อำนวยความสะดวกจราจร รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สัญจรไปมาขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณจุดที่มีการชุมนุม สำหรับช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจได้เข้าตรวจค้นจุดที่คาดว่าจะมีการเก็บอาวุธมาใช้ในการชุมนุมวันนี้ ล่าสุดมีการควบคุมตัวผู้กระทำผิดไว้ได้ 5-6 ราย และตรวจยึดลูกแก้ว เสื้อเกราะอ่อน รถยนต์ 2-3 คันไว้ดำเนินคดี  
    ทั้งนี้ ขอให้ผู้ชุมนุม แกนนำ คำนึงถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งตำรวจพยายามบังคับใช้กฎหมายตามกรอบอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ยึดหลักการเจรจา ตนเข้าใจว่าผู้ชุมนุมมีวัตถุประสงค์อะไร แต่ขอให้คำนึงถึงประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ฉบับที่ 9) เพราะไม่อยากให้กระทบกระทั่งกัน ซึ่งการรวมตัวกันเพื่อไปสถานที่ใด ถือว่าเป็นความผิดทั้งหมด
    พร้อมชี้แจงลำดับขั้นตอนหากมีเหตุความรุนแรง ตำรวจจะมีการประกาศแจ้งเตือนกับผู้ชุมนุมว่าฝ่าฝืนกฎหมายอะไร และหากไปกระทบต่อสิทธิของประชาชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ตำรวจก็ต้องใช้อุปกรณ์เข้าควบคุมฝูงชน เริ่มตั้งแต่การฉีดน้ำ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้กันแพร่อย่างหลายในต่างประเทศ เป็นกฎกติกาที่ใช้กันทั่วไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์เข้าตรวจสอบรถพยาบาลของกลุ่มการ์ด We Volunteer บริเวณลานจอดวัดมหรรณพารามวรวิหาร ผลการตรวจสอบพบผู้ต้องสงสัย จำนวน 6 คน รถยนต์ 2 คัน ภายในรถยนต์และตัวผู้ต้องสงสัย พบพลุไฟ วิทยุ เกราะอ่อน หัวนอต ลูกแก้ว หน้ากากกันแก๊ส เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปรอที่หน้าสำนักงานของวีโว่ แถววงเวียนใหญ่ และได้ขอเข้าตรวจรถยนต์ที่ นายปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่มที่จะขับไปเข้าร่วมการชุมนุม พบเพียงเครื่องเสียงในรถกระบะเท่านั้น
แกนนำอ้าง ตร.ห้ามร่วมม็อบ
    ขณะที่นายปิยรัฐ จงเทพ (โตโต้) หัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่ ไลฟ์สดแจ้งผู้ชุมนุมว่า แกนนำของพวกเราโดนจับกุมและควบคุมตัว 7-8 ราย ไปอยู่ที่ สน.สำราญราษฎร์ และยังได้ยึดรถอาสาสมัครอีก 2 คัน ส่วนตนนั้นไม่สามารถออกจากที่พักได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจขอว่าถ้าไม่อยากโดนคดีอีกให้อยู่แต่ในที่พัก
    “ตอนนี้ผมอยู่ห่างจากสนามหลวง หรือราชดำเนินไม่เกิน 5 กิโลเมตร แต่ออกไปไม่ได้ เหมือนโดนกักบริเวณ หลายคนถามว่าทำไมไม่ปลอมตัวออกมา ผมก็รู้สึกว่าเราบริสุทธิ์ใจ เป็นสุจริตชน ไม่ใช่พ่อค้ายาเสพติดหรืออาชญากร ที่จะต้องปลอมตัวเพื่อหลีกหนีกฎหมาย ฉะนั้นผมขออยู่ในจุดที่ช่วยเหลือพี่น้องได้มากกว่า ถ้าออกไป ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปอยู่ที่ไหน วันนี้เขาน่าจะกลัวมาก กลัวชนิดว่าทำได้ทุกอย่าง วันนี้เราไม่ได้แพ้ แต่เราทำให้ยักษ์ตัวใหญ่ตื่นกลัวมดกระจิริดอย่างพวกเราได้ ผมว่าพวกคุณสุดยอดแล้ว”
    นายปิยรัฐยังขอโทษผู้ชุมนุมที่ไม่สามารถออกไปร่วมด้วยได้ พยายามทำเต็มที่แล้ว วันนี้นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน), น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง) และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่  ดาวดิน) ต่างคนต่างอยู่ในจุดที่จะต้องรักษาลมหายใจเพื่อสู้ต่อ
    เช่นเดียวกับนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) แจ้งผ่านเฟซบุ๊กเมื่อคืนวันศุกร์ว่า ในฐานะที่ตำรวจได้มาดักถึงหน้าบ้านผมแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะกลับสักที เห็นทีว่าไปยังไงก็คงไปไม่ถึงม็อบ จึงขอสื่อสารกับพี่น้องทุกท่านก่อนจะถึงวันพรุ่งนี้ครับ
    วันพรุ่งนี้เป็นวันที่ประชาชนทั้งประเทศต้องจับตาสถานการณ์ ยอมรับว่าน่าเป็นห่วง ซึ่งคิดว่าทางเยาวชนปลดแอกและเครือข่ายซึ่งเป็นผู้จัดคงได้เตรียมการรองรับอย่างสุดความสามารถ ผมก็เคารพนับถือในการต่อสู้ของทุกคน ขอให้พี่น้องประชาชนที่จะร่วมการชุมนุมวันพรุ่งนี้ยึดมั่นในอุดมการณ์และใช้ความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด
    ไม่มีใครทราบได้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด ประยุทธ์จะออกไปหรือไม่ แต่ถ้ายังไม่ออกในวันพรุ่งนี้ ก็ขอให้พี่น้องออกมาสู้ในวันถัดไป สู้จนกว่าประยุทธ์ออก ไม่ออกก็ไม่หยุดสู้ ถ้าประชาชนแน่วแน่ มั่นคง และยืนหยัดในการต่อสู้ จะกี่สิบประยุทธ์หรือจะเหนือกว่าประยุทธ์ก็ไม่อาจต้านทานประชาชนได้
    เราเป็นประชาชน มีอำนาจและกำลังน้อย แต่ต้องสู้กับเผด็จการที่มีทั้งปืนและอำนาจ จะหาหมัดเด็ดหมัดเดียวชนะทันทีย่อมเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าออกหมัดน่วม ตีประยุทธ์จากทุกทิศทุกทาง ให้การต่อต้านขยายไปถึงทั่วทุกจังหวัด ให้ทุกที่ทุกเวลาเป็นสนามต่อต้านประยุทธ์ แรงกดดันของประชาชนจะสูงพอ ส่งผลให้รัฐบาลประยุทธ์ระส่ำจนถึงแก่กาลล่มสลายได้ ซึ่งประเมินจากความอ่อนแอของรัฐบาลชุดนี้ อ่อนแอชนิดที่ว่าพวกเดียวกันยังเริ่มส่ายหน้าด้วยความระอาใจ ประยุทธ์อยู่ต่อได้อีกสัปดาห์ก็ถือว่าสุดๆ แล้ว
    ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ประเทศไทยไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป การล้มทรราชไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ถ้าประชาชนพร้อมสู้สุดตัว ไม่ท้อถอย ไม่ยอมแพ้ ก็มีแต่ชัยชนะที่อยู่ตรงหน้า
    การต่อสู้เพื่อโค่นล้มระบอบทรราชอันมีประยุทธ์เป็นนายกและมีกษัตริย์เป็นประมุขนั้น วัดกันที่ว่าระหว่างความหน้าด้านของประยุทธ์กับความเด็ดเดี่ยวของประชาชน อะไรจะมีมากกว่ากัน ผมเชื่อมั่นในพลังประชาชนครับ
    ด้วยรักและศรัทธาต่อประชาชน จะกี่ชาติก็ขอพลีกายเพื่อประชาชน
เผาให้สิ้นซาก
    นอกจากนี้ นายพริษฐ์ยังคงโพสต์ต่อเนื่องในวันเสาร์จากที่พักว่า ฝ่ายรัฐอย่าคิดสร้าง 6 ตุลาในวันนี้ เพราะประชาชนจะไม่ยอม และมันจะกลายเป็น 24 มิถุนาแทนโดยไม่รู้ตัว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่เจ้าหน้าที่เตรียมรับมือการชุมนุมอย่างเข้มงวด ทำให้มีการสั่งการเคลื่อนการชุมนุมไปจุดอื่นแทน ในเวลา 12.45 น. แกนนำผู้ชุมนุมปลดแอกประกาศให้รวมพลที่ทำเนียบรัฐบาล เปลี่ยนจากเดิมที่แจ้งไว้ว่าไปยังพระบรมมหาราชวัง
    ต่อมาเวลา 13.27 น. ทางแกนนำประกาศบนรถเครื่องขยายเสียง เนื่องจากวันนี้มีสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามใช้ความรุนแรงกับประชาชน ดังนั้นเวลา 13.45 น. จะเคลื่อนขบวนจากแยกนางเลิ้งไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเดินขบวนไปบ้านพักหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ณ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์
    จากนั้นเวลา 14.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายหลังแกนนำประกาศเปลี่ยนแปลงสถานที่และจุดหมายการชุมนุมจากแยกนางเลิ้งมายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเตรียมเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพักหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ชุมนุมเริ่มทยอยมารวมตัวกันโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ ในส่วนของคาร์ม็อบ มีการบีบแตรรถอย่างไม่ขาดสาย มีการตั้งเต็นท์ปฐมพยาบาล ขณะที่การจราจรบริเวณดังกล่าวมีการปิดเส้นทางจราจรหลายเส้นทางแล้ว     
    เวลา 15.00 น. ผู้ชุมนุมทยอยเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปยัง ร.1 ทม. รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต พร้อมกับบีบแตรรถ ชูธงและแสดงสัญลักษณ์ 3 นิ้วไปตลอดเส้นทาง ขณะที่เจ้าหน้าที่นำตู้คอนเทนเนอร์พร้อมรั้วลวดหนามมาปิดบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ คฝ.เสริมกำลังอยู่บริเวณดังกล่าวด้วย
    โดยบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงมีผู้ชุมนุมบางส่วนทยอยเดินทางมาก่อนหน้านี้แล้ว และมีเสียงดังคล้ายการยิงแก๊สน้ำตาดังติดต่อกัน จากนั้นผู้บัญชาการเหตุการณ์ได้ประกาศว่า ให้ปิดการจราจรบริเวณแยกดินแดง พร้อมขอให้ผู้ชุมนุมกลับไปยังบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ และอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง เจ้าหน้าที่มีหน้าที่รักษาสถานที่สำคัญ ให้ออกจากเส้นทางเพื่อไม่ให้ขวางเส้นทางจราจร พร้อมระบุว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอย่ามายั่วยุการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    กระทั่งเวลา 15.22 น. ทางเจ้าหน้าที่ประกาศขอให้ผู้ชุมนุมถอย แต่ไม่เป็นผล จนตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตาและยิงกระสุนยาง พร้อมกับประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุม
    เวลา 15.45 น. เจ้าหน้าที่ยังคงยิงแก๊สน้ำตาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บัญชาการเหตุการณ์ประกาศว่าการยิงแก๊สน้ำตา เจ้าหน้าที่มีเจตนาเพื่อรักษาแนวพื้นที่เท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่นใด ดังนั้นขอให้มวลชนออกจากแนวตู้คอนเทนเนอร์ เจ้าหน้าที่จะหยุดยิง ขอให้การ์ดผู้ชุมนุมดูแลวัยรุ่นผู้ชุมนุมด้วย ผู้ชุมนุมที่อยู่ห่างจากแนวจะปลอดภัย คนที่ยิงลูกแก้วเข้ามา เจ้าหน้าที่จะยิงแก๊สน้ำตา ขอให้ถอยออกไป คนอื่นๆ จะเดือดร้อน อย่าพยายามขว้างปาสิ่งของเข้ามา เพราะเจ้าหน้าที่จะตอบโต้ตามสัดส่วน
    จากนั้น 16.18 น. เจ้าหน้าที่ได้ประกาศต่อผู้ชุมนุมอีกครั้งให้ออกจากแนวพื้นที่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะเริ่มใช้กระสุนยางกับผู้ก่อความวุ่นวายและทำลายข้าวของ  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.30 น. ผบ.เหตุการณ์ได้ประกาศขอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม ถ้าไม่เช่นนั้นจะสลายการชุมนุม เจ้าหน้าที่จะไม่ยอมให้มาเผาบ้านเผาเมือง โดยจะสลายการชุมนุม ใครไม่เชื่อฟังจะมีการจับกุม จากนั้นเวลา 17.40 น. เพจเยาวชนปลดแอกได้ประกาศบนหน้าเพจว่า “ขอยุติการชุมนุม”
    แต่ผลที่ตามมาก็เหมือนทุกครั้ง มีม็อบจำนวนหนึ่งอารมณ์ค้างยังคงชุมนุมและปะทะกับเจ้าหน้าที่ต่อไป โดยที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รถขนผู้ต้องหาของตำรวจถูกเผาไฟลุกท่วมเสียหายทั้งคัน ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของผู้ชุมนุม
    ทั้งนี้ มีรถดับเพลิงพยายามเข้าไปดับไฟ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนไล่ พร้อมที่จะเข้าไปทำลาย คนขับรถดับเพลิงจึงตัดสินใจขับรถออกไป ขณะที่ผู้ชุมนุมบางคนปัสสาวะใส่รถตำรวจที่ไหม้ไฟอยู่ เป็นการเหยียดหยามตำรวจ
    ขณะที่เพจเยาวชนปลดแอก-Free YOUTH ซึ่งเป็นผู้บงการได้โพสต์คลิปการเผา พร้อมระบุข้อความว่า ประชาชนโต้กลับ! เผารถตำรวจจนสิ้นซาก fuck police! fuck all cops! #รัฐฆาตกร  #ม็อบ7สิงหา.

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"