ปปง.สอบเส้นทางเงินตำรวจโกงตำรวจ229ล้าน อึ้งอดีตบิ๊กตร.รับปากจะคืนวันละ30ล้าน!


เพิ่มเพื่อน    

13 มิ.ย.61 - ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.ธนาศักดิ์  ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 ให้สัมภาษณ์ว่าได้รับการประสานงานจาก พล.ต.ต.สุทิพย์  ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ซึ่งตกเป็นผู้ถูกร้องเรียนและแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชนจากกรณีการทุจริตเงินโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ ของข้าราชการตำรวจ 192 นาย ในสังกัดตำรวจภูธร จ.เลย โดยในวันนี้เป็นการนัดให้มารายงานตัวและให้ปากคำต่อคณะกรรมการสอบสวน แต่ปรากฎว่าไม่เดินทางมาแต่อย่างใด โดยที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ ได้ประสานงานผ่านโทรศัพท์ ในการยืนยันที่จะนำเงินมาคืนให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ขอเวลาสักพัก เนื่องจากในขณะนี้เงินทั้งหมดนั้นถูกล็อคระบบในการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเครือข่ายที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ ร่วมลงทุนด้วยนั้นสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้แล้ว และพร้อมที่จะนำเงินมาคืนให้กับตำรวจ จ.เลยได้ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ( 14 มิ.ย.) วันละ 30 ล้านบาท จนกว่าจะครบจำนวน 229 ล้านบาทที่ได้นำไป

" การเจรจาหรือการชี้แจงของ พล.ต.ต.สุทิพย์ เป็นสิทธิ์ที่เจ้าตัวทำได้ แต่วันนี้ในเมื่อไม่มารายงานตัวและเข้าให้การกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ บช.ภ.4 ก็หมดเวลาในการเจรจาตามที่ได้ให้โอกาสแล้ว และ พล.ต.ท.สุรชัย  ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 ได้แต่งตั้งผมให้เป็น หัวหน้าพนักงานสืบสวนและสอบสวนในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นอำนาจทางกฎหมายที่จะเอาผิดกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ในข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีอัตราโทษปรับตั้งแต่ 500,000 – 1,000,000 บาท จำคุก 5-10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ จากนี้ไปคณะทำงาน ที่ต้องแยกออกเป็นชุดสืบสวน จะต้องลงพื้นที่หาข้อมูลและเชื่อมโยงพฤติกรรมของกลุ่มขบวนการดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ขณะที่ชุดสอบสวน นั้นโดยกลุ่มงานกฎหมายและคดี บช.ภ.4 จะลงพื้นที่ จ.เลย เพื่อสอบปากคำตำรวจทั้ง 192 นาย เพื่อสรุปสำนวนสั่งฟ้องต่อไป ซึ่งจากนี้ไป  เรามีเวลาทำงาน 2 เดือนในการสรุปสำนวนคดีที่เกิดขึ้น และวันนี้ได้มีการออกหมายเรียกให้ พล.ต.ต.สุทิพย์ เข้ามาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาแล้วเป็นครั้งที่ 1 โดยมีกำหนดระยะเวลา 7 วันนับจากนี้"

รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า ได้ประสานงานร่วมกับ ปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มขบวนการที่เชื่อมโยงกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ ที่พบว่าเป็นการร่วมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานไปยัง กลต. ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการนำเงินไปลงทุนหรือไม่ อย่างไรและกลุ่มธุรกิจอะไรบ้าง รวมทั้งการตรวจสอบข้อมูลการลงทุนในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ จ.ขอนแก่นและหลายจังหวัดในภาคอีสาน นอกจากนี้ยังคงมีการประสานงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ในการตรวจสอบการปันผลกำไรหรือค่าตอบแทนในการลงทุน ต่างๆ เนื่องจาก พล.ต.ต.สุทิพย์ และ กลุ่มขบวนการที่ร่วมลงทุนไปด้วยนั้น ยืนยันในการปันผลกำไรสูงถึงร้อยละ 2.8 ต่อสัปดาห์

 " ขบวนการที่ พล.ต.ต.สุทิพย์ นำเงินของข้าราชการตำรวจ ภ.จว.เลย จำนวน 229 ล้านบาทไปลงทุนนั้นพบว่า มีเครือข่ายขนาดใหญ่และมีผู้ร่วมลงทุนจำนวนมาก ครอบคลุมทุกภูมิภาคของไทย ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีเงินหมุนเวียนมากถึงเดือนละ ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่ง พล.ต.ต.สุทิพย์ เป็น 1 ในสายที่ร่วมลงทุนด้วย ขณะเดียวกันหลังมีการร้องเรียนในประเด็นที่เกิดขึ้น พบว่า มีผู้เสียหาย ทั้งจาก จ.หนองบัวลำภู,ขอนแก่น,เลย และ อีกหลายจังหวัดเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกขบวนการแชร์ลูกโซ่ดังกล่าวนี้หลอกลวง ซึ่ง บช.ภ.4 ได้ตั้งคณะทำงานเข้ามารับผิดชอบคดีนี้โดยเฉพาะ และขณะนี้ตำรวจรู้ตัวผู้ต้องหาที่เป็นนายใหญ่ แล้ว เป็น ชาว จ.หนองบัวลำภู  ซึ่งได้ถูกออกหมายจับแล้ว 5 คดี ขณะนี้ยังคงหลบหนีอยู่ภายในประเทศ ดังนั้นการดำเนินคดีของเครือข่ายแชร์ลูกโซ่นี้ ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอน ขอให้ทุกคนสบายใจได้เพราะตำรวจทำงานเป็นทีมและเอาผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ทุกคน"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"