ในโลกโซเชียลทุกวันนี้ มีข้อมูลข่าวสารมากมายหลากหลายที่จะเลือกเสพได้ตามอำเภอใจ หรือตามแต่จริต ความนิยมชมชอบของแต่ละคน 
    มนุษย์ป้าในฐานะศิษย์เก่าลูกแม่โดม อดไม่ได้ที่จะต้องแวะเข้าไปหาอ่าน และดูความเป็นไปเกี่ยวกับสถาบันการศึกษาที่เคยมีโอกาสไปร่ำเรียนมาอย่างน้อยรวมเบ็ดเสร็จทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท ก็เกือบ 10 ปีเอาเลยทีเดียว
    555 ไม่ได้เรียนตกซ้ำชั้นหรืออะไรหรอกนะ แต่เป็นเพราะช่วงเรียนปริญญาใบที่สองต้องทำงานไปเรียนไป ส่วนมากก็จะโดดเรียนเสียมากกว่า เลยทำให้ต้องดร็อปเรียนบ่อยครั้ง จนหมดโควตาโดดและดร็อปนั่นแหละ จึงหันกลับมาเอาจริงเอาจังกับใครเขา แล้วคว้ากระดาษอีกใบมาประดับฝาบ้านจนได้
    พล่ามไปเสียไกล ก็อยากจะบอกแค่ว่า รู้สึกประหลาดใจที่เห็นข่าวคราวรุ่นน้องรุ่นหลานเหลนโหลนยุคนี้ ใช้ภาษาวาจาที่ก้าวร้าวจาบจ้วงครูบาอาจารย์ในมหา'ลัยของตัวเอง ไม่เว้นหัวดำหัวขาว แม้แต่อธิการบดีผู้บริหารสูงสุดของสถาบันก็โดนแจก "กล้วย" แต่ไม่ประสบพบปฏิกิริยาใดๆ ที่ผู้บริหารมหาลัยดำเนินการกับนักศึกษาที่มีพฤติกรรมถ่อยไม่สมกับคำขานเรียกว่า "ปัญญาชน"     
    สืบเสาะไปมาตามประสาคนชอบกินเผือกเป็นชีวิตจิตใจ ได้ยินครูบาอาจารย์ถอยหายใจเฮือกใหญ่ บอกว่า นักศึกษาทุกคนในมหา'ลัยถือเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว สิ่งที่คิดและทำของเขาทุกคน เขาต้องรับผิดชอบ เมื่อเตือน สะกิด ทำความเข้าใจ  ชี้แจง ยกเหตุและผล สารพัดวิธีการแล้ว เด็กๆ ยังคงคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่มันคือวัฒนธรรมการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาในยุคสมัยของเขาที่ไม่คิดจะ fake อยากจะปล่อยฟักแฟงแตงโมกล้วยส้มต่อไปนั้น ก็ต้องยอมรับว่า กู่ไม่กลับแล้ว!!...หนทางที่ดีที่สุดคือ อาจารย์ต้องไม่เสียเวลาเปลืองน้ำลาย "ให้ค่า" กับคนเหล่านี้ 
    เออ..มันก็จริงนะ!! แต่สงสัยลูกศิษย์จะสำนึกรู้ หรือยิ่งพองบวมเป็นอึ่งอ่างได้ทองหนอ??.
"ป้าเอง"