เฮ้ออ์อ์อ์....เหนื่อย!!!


เพิ่มเพื่อน    

ด้วยเหตุเพราะหมดโอลิมปิกไปแล้วนั่นเอง...เลยหนีไม่พ้นต้องหันมาดู โอลิมป่วย ดูข่าวคราวการมะรุมมะตุ้มแถวๆ สามเหลี่ยมดินแดง ของบรรดาพวกเด็กๆ ที่ออกอาการเละตุ้มเป๊ะ เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ทั้งถ่อย ทั้งเถื่อน ชนิดยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ที่จะหา แนวร่วม ใดๆ ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะดันร่วมแบบเจ็บๆ แบบหนักไปทางซาด๊ง ซาดิสต์ยิ่งเข้าไปทุกที...
                                                           -----------------------------------------------
    คืออาจเพราะเด็กๆ ยุคหลังๆ...เขาโตมาในสภาพแวดล้อมที่ออกจะห่างเหินจาก ธรรมชาติ ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ โตมาจาก เทคโนโลยี ที่กองระเกะระกะ สุมกันไป-สุมกันมาไม่ต่างไปจาก กองขยะ แถมยังเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ว่าก้าวหน้า ก้าวไกล ซักเพียงไหน แต่กลับยิ่งทำให้ความปรารถนา ต้องการ ที่จะเป็น ซัมบอดี้ แทบไม่ต่างไปจากคุณน้อง ลำไย-สะพานโค้ง อะไรประมาณนั้น คือดี-ไม่ดี จริง-ไม่จริง สวย-ไม่สวย งาม-ไม่งาม มีเหตุผล-ไม่มีเหตุผล หรือไม่? อย่างไร? แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง ขอเพียงแต่ให้ เด่น ให้ ดัง หรือพอให้เกิดความเป็น ตัวกู-ของกู เอาไว้ก่อนเท่านั้นก็พอ...
                                                            -----------------------------------------------
    ดังนั้น...บรรดา มวลชน ที่มีที่มา-ที่ไป จากสภาพแวดล้อมเช่นนี้  มันจึงต่างไปจากมวลชนประเภท แก้ว 3 ประการ ในยุคย้อนหลังไปเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว หรือยุคที่บรรดาคนหนุ่ม-คนสาวจำนวนไม่น้อย ยังอยากดำรงตนเป็น ฝ่ายซ้าย อะไรทำนองนั้น ที่จำต้องหอบหนังสือ หนังหา ประเภท ชีวทรรศน์เยาวชน ติดไม้-ติดมือไว้คนละเล่ม-สองเล่ม  ต้องหัดอ่อนน้อม ถ่อมตน ต้องสุภาพเรียบร้อย ถึงขั้น เหล้าไม่กิน-บุหรี่ไม่สูบ เอาเลยก็มี ต้องเชื่อพรรค เชื่อจัดตั้ง อยู่ในระเบียบและวินัยที่ถูกถือเป็นกฎเหล็ก หนักซะยิ่งกว่ากฎเกณฑ์ทางศีลธรรม เอาเลยก็ว่าได้...
                                                              ---------------------------------------------------
    ประเภทไปยืน เยี่ยว ใส่หัวตำรวจ ใส่รถตำรวจ สาดสี สาดเลือด  ฟักโน่น ฟักนี่...ไม่ว่าจะด้วยความแค้น ความอัดอั้น ตันใจใดๆ ก็แล้วแต่  ย่อมมีสิทธิ์โดน จัดตั้ง เบิ๊ดกะโหลกเอาง่ายๆ หรือประเภท แจกกล้วย เป็นเครือๆ หวีๆ ให้กับใครต่อใคร ไม่เว้นแม้แต่ครูบาอาจารย์ของตัวเอง อันนี้...มีสิทธิ์ต้องเจอกับการวิพากษ์ วิจารณ์ตนเองและสามัคคีวิจารณ์ ชนิดไปไม่เป็นเอาเลยก็เป็นได้ คือไม่ว่าจะโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชังไปถึงขั้นไหน สิ่งสำคัญก็คือ...ต้องยึดมั่นในความดี มีคุณธรรม หรือแม้แต่ศีลธรรม ไม่ว่าตามหลักศาสนา หรือหลักธรรมชาติก็แล้วแต่ ต้องสุภาพ เรียบร้อย ต้องดำรงตนเป็น นักเรียนน้อย ต้องเข้าใจ กาละ และ เทศะ อันมีความหมายที่ออกจะลึกซึ้ง กว้างไกล ไม่ว่าในแง่ ยุทธศาสตร์ หรือ ยุทธวิธี ก็ตามที...
                                                                ------------------------------------------------------
    แต่ในเมื่อเด็กๆ หรือ มวลชน ยุคนี้...เขาออกจะเป็นคนละเรื่อง คนละม้วน กับยุคเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว แบบชนิดหน้ามือเป็นหลังตีน อะไรประมาณนั้น โอกาสที่ใครต่อใครจะ เห็นควรด้วย กับพฤติกรรมและการกระทำในแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ของบรรดาเด็กๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะโดยการอ้างเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ มันเลยออกจะลำบากเอามากๆ คือถ้าปล่อยให้เป็นใหญ่เป็นโต ปล่อยให้มี อำนาจ ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่จะหันมา แจกกล้วย ให้กับใครก็ตามที่ไปขัดอก ขัดใจ ที่ไปสร้างความหงุดหงิด งุ่นง่าน ให้กับ ตัวกู-ของกู ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ  ไม่ว่าจะปกครองกันด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบฝรั่งเศส แบบอังกฤษ  อเมริกา ฯลฯ ไปแล้วก็เถอะ...
                                                                   --------------------------------------------------------
    อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ยิ่งออกเรี่ยว ออกแรง ยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ยิ่ง ดิ้น ยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งมีแต่หดหาย เหี่ยวปลาย วูบๆ วาบๆ แวบเดียวก็ไม่เหลือเศษ เหลือซาก ไม่ต่างไปจากผีพุ่งไต้ หรืออุกกาบาต ที่วูบหาย-วูบหาย กันไปเป็นพักๆ นั่นแล ยิ่งถ้าหากดัน คิดมาก หรือ คิดเล็ก-คิดน้อย ก็แล้วแต่ ถึงขั้นคิดจะ เหาะเกินลงกา ไปไกลเกินกว่า รัฐบาล กว่า บิ๊กตู่ ก็ยิ่งกลายเป็น ขี้เถ้า เร็วยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเพียงแค่อาศัย  พฤติกรรมและการกระทำ เป็นเครื่องวัด ไม่ว่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลังของเด็กๆ ก็แล้วแต่ ก็แทบนำมาเปรียบเทียบมิได้เลย  แบบเดียวกับนำเอาพระอาทิตย์ พระจันทร์ หรือดวงดาวต่างๆ มาเปรียบกับผีพุ่งไต้ นั่นแล...
                                                                       ----------------------------------------------------
    ด้วยเหตุนี้นี่เอง...มันเลยกลายไปเป็น โอลิมป่วย กลายเป็นการแพร่ระบาดของ เชื้อโรค อีกชนิดหนึ่ง ที่มีแต่จะสร้างความขนลุก ขนพอง ความน่าอเนจอนาถ เวทนา ให้กับผู้ที่ต้องรับรู้ รับทราบความเคลื่อนไหว-ความเป็นไปในลักษณะเช่นนี้ แถมยังกลายเป็นตัวช่วยให้  บิ๊กตู่ ที่กำลังปวดเศียร เวียนเกล้า กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ชนิดหาทางออก ทางไป แทบไม่เจอ แต่ยังพอได้หายใจ หายคอ  เพราะมีเชื้อโรคอีกชนิด ที่น่าหวาดกลัวไม่แพ้กัน มาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ ความอัดอั้น ตันใจ ลงไปได้มั่ง มากบ้าง-น้อยบ้าง ไปตามสภาพ...
                                                                      --------------------------------------------------------
    สรุปรวมความแล้ว...ผู้ที่ ซวย ที่สุด คงหนีไม่พ้นไปจากเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลายนั่นเอง ที่ไม่เพียงต้องเจอกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด  ยังดันต้องเจอกับการแพร่เชื้อโรคแห่งความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง ของพวกเด็กๆ หรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเด็กๆ อีกด้วยต่างหาก ที่ไล่ยังไงๆ...ก็ไม่คิดจะลด-ละ-เลิก ยังเพียรพยายามตอดนิด ตอดหน่อย งับโน่น งับนี่ จนอะไรที่มันชุลมุน วุ่นวายอยู่แล้ว ยิ่งสับสน ระส่ำระสายยิ่งขึ้นไปใหญ่ แถมช่วงนี้ไม่มี โอลิมปิก ให้ดูอีกซะล่วย เลยหนีไม่พ้นต้องทั้งแห้ง ทั้งเหี่ยว ทั้งหดหู่และเวทนา ไปตามสภาพ...นั่นแล...
                                                                       -------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Mihaela Losof...“Children are the  most expensive form of entertainment. - ความเป็นเด็ก...คือรูปแบบความบันเทิงที่มีราคาแพงที่สุด...”
                                                                        ------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"