
ฝ่ายกฎหมาย พท.ยันไม่จำเป็นต้องออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมโควิด ชี้มี กม.ที่ใช้อยู่แล้วบุคลากรทางการแพทย์จะรับผิดต่อเมื่อจงใจหรือประมาทเลินเล่อ หวั่นออกมาคุมความบกพร่องฝ่ายบริหารแนะตั้งกองทุนเยียวยาผู้เสียชีวิตจากโควิดแทน "วิโรจน์" ชำแหละบทเฉพาะกาล พ.ร.ก.นิรโทษ เหมาโกดังล่วงหน้า ประชาชนจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายชดเชยจากฝ่ายบริหารไม่ได้เลย
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลจะออก พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ว่า แม้การออก พ.ร.ก.จะเป็นอำนาจของ ครม. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 แต่ก็ต้องดูว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่ เป็นไปเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะหรือไม่ ส่วนเนื้อหาของ พ.ร.ก.จะมีหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการจำกัดความรับผิดของบุคลากรด้านสาธารณสุขแค่ไหนเพียงไรคงต้องรอดูก่อน แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกพ.ร.ก.ฉบับนี้เพื่อนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลใด เนื่องจากตามหลักวิชาชีพของแพทย์ในการดูแลรักษาผู้ป่วย แพทย์ทุกคนก็ใช้ความรู้ความระมัดระวังในการรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
"ไม่มีแพทย์คนไหนที่มีเจตนาจะให้ผู้ป่วยตาย ส่วนความรับผิดฐานประมาทนั้น เมื่อพฤติการณ์เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า มีผู้ป่วยจำนวนมาก โอกาสในการสูญเสียย่อมเกิดขึ้นได้ แม้แพทย์จะรักษาอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม แพทย์เองก็มีข้ออ้างได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว ในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทั่วไปก็มีหลักกฎหมายที่ใช้กันอยู่แล้วว่าแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จะรับผิดก็ต่อเมื่อเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น อีกทั้งการรักษาพยาบาลผู้ป่วยถือหลักความยินยอมของผู้ป่วยหรือญาติของผู้ป่วยด้วย จึงไม่มีเหตุที่ต้องไปกลัวว่าจะมีคนไปฟ้องร้องแพทย์ตามที่มีการแถลงข่าว" นายชูศักดิ์กล่าว
นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า ที่สังคมเป็นห่วงขณะนี้คือ การเสนอ พ.ร.ก.จะนำบุคลากรทางการแพทย์เป็นข้ออ้างเพื่อนิรโทษกรรมให้กับผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดซื้อวัคซีนและในการกระจายวัคซีน หรือการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ด้วย ซึ่งได้แก่ฝ่ายการเมือง และบุคคลที่ฝ่ายการเมืองแต่งตั้งให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว สิ่งสำคัญที่รัฐบาลควรพิจารณาคือ จะทำอย่างไรในการจะชดเชยความเสียหายให้กับผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จึงเห็นว่ารัฐควรจะตั้งกองทุนเฉพาะกิจขึ้นมาโดยอนุมัติเงินจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ในการเยียวยาผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด ไม่ว่าจะเสียชีวิตระหว่างการรักษาของแพทย์หรือผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษาก็ตาม ซึ่งจะทำให้แพทย์เองก็มีความสบายใจในการที่จะดูแลรักษาผู้ป่วย ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตก็ได้รับการชดเชยเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการสูญเสียได้ระดับหนึ่ง ไม่ใช่ปล่อยให้คนตายรายวัน โดยที่ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ จากรัฐเหมือนที่เป็นอยู่ขณะนี้
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง "ความหน้าด้านที่สุด ของ พ.ร.ก.นิรโทษกรรมเหมาเข่งล่วงหน้า อยู่ที่บทเฉพาะกาล" ระบุว่า ประเด็นที่สังคมจับจ้อง และก่นด่ากันในตอนนี้ก็คือ ข้อที่ 7 ที่มีการนิรโทษกรรมล่วงหน้าให้กับ "บุคคล และคณะบุคคล ที่ได้รับการแต่งตั้ง หรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหา หรือบริหารวัคซีน" ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า ผู้ที่มีอำนาจ หรือมีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับวัคซีนทั้งหมด ทั้งนายกรัฐมนตรี ผอ.ศบค. รมว.สาธารณสุข ปลัดกระทรวง ผู้อำนวยการสถาบัน อธิบดี คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนทั้งหมด กำลังนำเอาความเหนื่อยยากของบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้ามาบังหน้า เพื่อให้ตนเองพ้นจากความรับผิดชอบทั้งปวง ถ้าเป็นการรักษาชีวิตของประชาชนในสถานการณ์โควิดนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่การอาศัยสถานการณ์โควิดมานิรโทษกรรมให้กับตนเองและพวกแบบเหมาเข่งล่วงหน้า แบบนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนแน่ ซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 อย่างชัดเจน
บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ทำงานหน้างานจริงๆ มีข้อสงสัยอย่างมาก เพราะโดยปกติแล้ว พวกเขาก็ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ และ พ.รบ.การแพทย์ฉุกเฉิน เป็นต้น
แต่ความเลวร้ายที่หน้าด้านที่สุด ไม่ได้อยู่ที่ข้อที่ 7 แต่อยู่ที่ "บทเฉพาะกาล" ที่ระบุว่า บรรดาคดีที่มีมูลความผิดที่เกี่ยวเนื่องจากการให้บริการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมและป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพ กรณีโควิด-19 ซึ่งเกิดขึ้น นับตั้งแต่วันที่ประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ให้ได้รับ "การยกเว้นความรับผิดทางแพ่งและอาญา ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ หรือทางวินัย"
นี่ไม่ใช่แค่การเหมาเข่ง แต่เป็นการ "เหมาโกดัง" เพราะถ้า พ.ร.ก.ฉบับนี้ผ่าน นั่นเท่ากับว่าประชาชนที่ถูกเลื่อนฉีดวัคซีนจากการแทงม้าตัวเดียว และการจัดฉีดวัคซีนที่ล่าช้าจนในที่สุดตัวเองต้องมาติดโควิด และเสียชีวิต ประชาชนที่ต้องรอเตียงเข้าไม่ถึงยา Favipiravir จนต้องตายคาบ้าน เด็กตัวเล็กๆ ที่พ่อแม่เสียชีวิตด้วยโควิด จากความล้มเหลวจากการบริหารจัดการของรัฐบาล-ประชาชนที่ได้รับผลข้างเคียงและเสียชีวิตจากนโยบายการฉีดวัคซีนสลับชนิดของรัฐบาล ทั้งหมดจะไม่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยเยียวยาอะไรจากรัฐบาลได้เลย รวมทั้งการกำหนดนโยบายล็อกดาวน์ที่ผิดพลาด ขาดการเยียวยา
ถ้าอ่านมาถึงบทเฉพาะกาล จะตกใจอย่างมาก เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเหมาเข่ง แต่เป็น พ.ร.ก.นิรโทษกรรมเหมาโกดังล่วงหน้า ที่ไม่ใช่แค่บุคคล หรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนโยบายวัคซีนเท่านั้น ที่จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้ แต่เป็นฝ่ายบริหารที่อยู่บนหอคอยงาช้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ผอ.ศบค. เลขาฯ สมช. นายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข รมว.มหาดไทย ฯลฯ จะไม่ต้องรับผิดอะไรเลย.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |