ชาวดินแดงร้องกมธ. เหลืออดสมรภูมิปะทะ


เพิ่มเพื่อน    

ชาวดินแดงฟ้อง กมธ. ทนไม่ไหวสมรภูมิปะทะ กระทบผู้ป่วย-เด็ก-คนแก่ ทรัพย์สินเสียหาย “เพื่อไทย-ก้าวไกล” รับลูกหาหลักฐานฟ้อง "คฝ." ใช้ความรุนแรง ขณะที่ ตร.สาธิตใช้อุปกรณ์คุมม็อบ ปลอดภัย ไม่เล็งที่ตัวคน แต่ลมอาจทำให้เปลี่ยนทิศ   
    วันที่ 18 ส.ค.64 ที่สนามบุณยะจินดา พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.),  พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.), พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมทดสอบการยิงแก๊สน้ำตาเพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีผลทำอันตรายต่อชีวิต หลังจากโซเชียลบิดเบือนข้อมูลว่าทำอันตรายต่อผู้ชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า เมื่อยิงออกไปแล้วกระสุนแก๊สเป็นพลาสติกไม่ใช่โลหะ มีน้ำหนักแค่ 102 กรัม เวลาลอยไปตรงจุดที่ต้องการ จะทำงานแบบการเผาไหมเวลาไม่เกิน 1 นาทีที่เป็นควัน ส่วนปลอกกระสุนที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์ลอยไปทำอันตรายกับผู้ชุมนุมนั้น จะอยู่ในรังเพลิง ไม่ลอยไปยังผู้ชุมุนม โดยปืนสามารถยิงได้ 3 ระยะ ทั้ง 50 เมตร, 100 เมตร, 150 เมตร หรือแล้วแต่กระแสลม โดยจะไม่ยิงใส่คน จะยิงใส่พื้นที่เท่านั้น 
ก่อนทำการทดสอบการยิงแก๊สน้ำตา พล.ต.ท.ภัคพงศ์เปิดเผยถึงภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้าวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า เริ่มชุมนุมตั้งแต่เวลา 15.00 น. จากนั้นเคลื่อนขบวนไปที่ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีการก่อเหตุขว้างปาสิ่งของทั้งสี ประทัด เจ้าหน้าที่พิจารณาแล้ว ถ้าไม่ระงับยับยั้งอาจจะมีเหตุบานปลาย ก่อนที่จะแยกกันไปชุมนุมที่แยกราชประสงค์และสามเหลี่ยมดินแดง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 6 คน พร้อมด้วยของกลางหลายรายการ เป็นหญิง 4 คน ชาย 2 คน ดำเนินคดีข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากปรากฏหลักฐานกระทำความผิดอย่างอื่นก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติม ส่วนทรัพย์สินของราชการที่เสียหาย เป็นป้อมจราจร และป้ายที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนการสาธิตการยิงแก๊สน้ำตาวันนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้อุปกรณ์การควบคุมฝูงชนจริงๆ เป็นเครื่องมือที่ได้รับอนุมัติตามมติ ครม. เป็นเครื่องมือที่ไม่ถึงแก่ชีวิต ส่วนแก๊สน้ำตาไม่สามารถทำอันตรายถึงชีวิต แต่การยิงแก๊สอาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับทิศทางลม หรือบริเวณพื้นที่บางทีจำเป็นต้องยิงไปตามสถานการณ์นั้นๆ
    เมื่อถามว่า ระยะการยิงที่ปลอดภัยต้องอยู่ที่ระยะเท่าไหร่ ผบช.น.ตอบว่า กระสุนยางระยะยิง 15 เมตรขึ้นไป ส่วนแก๊สน้ำตาถ้าอยู่ในระยะใกล้ก็จะใช้แบบขว้าง ถ้าระยะไกลใช้ยิง เราพยายามจะไม่ให้ปะทะกัน เพื่อถ้ามีการปะทะจะมีความเสียหายมากกว่านี้ สำหรับวันที่ 17 ส.ค. เราพยายามปรับยุทธวิธีปฏิบัติ เมื่อเห็นว่ามีการเริ่มทำกิจกรรมเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการรักษาความสงบให้เร็วขึ้น หลังสถานการณ์คลี่คลายรีบเปิดการจราจรให้ประชาชนใช้เร็วที่สุด ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
    ถามต่อว่า แนวโน้มของกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามใช้ความรุนแรงมากขึ้น เจ้าหน้าที่จะปรับเปลี่ยนการปฏิบัติอย่างไร ผบช.น.ตอบว่า เจ้าหน้าที่ยังคงยึดหลักเครื่องมืออุปกรณ์ควบคุมฝูงชน ส่วนเยาวชนอายุ 15 ปีที่ถูกยิงเข้าที่ท้ายทอยใกล้ สน.ดินแดง อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ก็มีความคืบหน้า ส่วนเยาวชนอายุ 14 ปีที่ถูกยิงที่ไหล่ เด็กและผู้ปกครองก็ยืนยันว่าในบริเวณนั้นมีกลุ่มบุคคลอื่นที่ใช้อาวุธ ถามอีกว่าเป็นห่วงมือที่สามจะเข้ามาก่อความรุนแรงหรือไม่ เขาตอบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำให้ดีที่สุดเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย อย่างที่บอกว่าความรุนแรงไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจเน้นเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย สิ่งที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติมีเหตุจึงมีความจำเป็น
    พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวอมเรื่องเบี้ยเลี้ยง นคฝ.ว่า การจ่ายค่าตอบแทนมี 2 แนวทาง ถ้าหน่วยใดมีเงินบริหารเหลือจะให้ตรงต่อตำรวจมาวันละ 200 บาท แต่บางหน่วยจะโอนให้หลังปฏิบัติหน้าที่ไม่เกิน 5 วัน เป็นไปตามระเบียบหลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติหน้าที่ เงินไม่ตกหายไปไหน  
บี้เอาผิดปาสีพระบรมฉายาลักษณ์
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว แกนนำศูนย์รวมประชาธิปไตยปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปาสีใส่ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติและพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ถือเป็นการจาบจ้วงด้อยค่า ละเมิดศรัทธาของประชาชนส่วนใหญ่ที่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์           
ทางด้านพรรคเพื่อไทย นส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมกับ นพ.ทศพร เสรีรักษ์, นายชุมสาย ศรียาภัย สมาชิกพรรคเพื่อไทย, นายวิญญัติ ชาติมนตรี และนายกัณต์พัศฐ์ สิงห์ทอง ทนายความจากสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) และผู้เข้าร่วมโครงการ The Change Maker รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการใช้ข้อกฎหมายเอาผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีอำนาจสั่งการสลายการชุมนุมที่เกินกว่าเหตุผลและขัดหลักสากล
นายวิญญัติกล่าวว่า หลังได้รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียหายแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน สอบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ ยินดีให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำเกินกว่าเหตุจากเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้ หากบุคคลประชาชนทั่วไปที่มีการถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ไว้ได้ สามารถช่วยกันส่งมาที่คณะทำงานกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เพื่อรวบรวมประกอบการดำเนินคดีต่อไป
ที่รัฐสภา เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน และ กมธ.ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อร้องเรียนกรณีถูกคุกคามโดยเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นตัวแทนรับหนังสือโดยนายเจษฎา ศรีปลั่ง โฆษกเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากกลุ่มของเราได้จัดกิจกรรมคาร์ม็อบเพื่อไปร่วมกับกลุ่มของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด เมื่อวันที่ 1 และ 10 ส.ค. แต่ถูกเจ้าหน้าที่ยึดรถและเครื่องเสียง พร้อมกับจับกุมโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหาหรือแสดงหมายจับ นอกจากนี้เมื่อจับกุมตัวแล้วก็ไม่แจ้งว่าจะนำตัวไปที่ใด ซึ่งถือว่าผิดหลักสากล จากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องแสดงหมายจับ และต้องแจ้งสิทธิเสรีภาพว่าผู้ถูกจับกุมสามารถทำอะไรได้บ้าง เช่น ติดต่อทนายอย่างไร และต้องแจ้งว่าจะพาตัวไปที่ไหน
ด้านนางอมรัตน์กล่าวว่า อยากให้สื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับพี่น้องประชาชน เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ที่มาปฏิบัติหน้าที่ทำเป็นตัวเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนเสียเอง ทั้งนี้ ส.ส.พรรคก้าวไกลจึงได้ตามไปประกันตัวผู้ถูกจับกุมตัว เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสในการหาหลักฐานในการสู้คดี
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยธรรม สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมกมธ.การกฎหมายฯ เพื่อติดตามการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้น หลังจากมีผู้ร้องเรียนได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมทางการเมือง โดยเชิญ ผบ.ตร.,กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, รองปลัดกรุงเทพมหานคร, สำนักเทศกิจกรุงเทพมหานคร และนิติบุคคลคอนโดฯ ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เข้าชี้แจง แต่ ผบ.ตร. และฝ่ายตำรวจไม่มาชี้แจงเนื่องจากติดประชุม ทำให้นายสิระไม่พอใจและระบุว่าการประชุมครั้งต่อไปจะเชิญนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจมาชี้แจง
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้เชิญผู้แทนจากคอนโดฯ เดอะแคปปิตอล ราชปรารภ-วิภาวดี ชี้แจงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น โดย น.ส.พรจันทร์ เรืองพรพิณไสว  รักษาการประธานกรรมการคอนโดฯ แจ้งว่า คอนโดฯ ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา จากการชุมนุมและการสลายการชุมนุมต่อเนื่องทำให้ตอนนี้ได้ รับความเสียหายกระจกคอนโดฯ แตก กล้องวงจรปิดเสียหาย มีการปาหินจากฝั่งผู้ชุมนุม และชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ จากฝ่ายตำรวจ ลูกบ้านไม่สามารถเข้า-ออกคอนโดฯ และยังได้รับผลกระทบจากเสียงคล้ายระเบิดหลายครั้ง ซึ่งในคอนโดฯ มีทั้งเด็กและผู้สูงอายุ
น.ส.สุคนธา บุญมั่น ผู้จัดการนิติบุคคลคอนโดฯ กล่าวว่า สิ่งที่ร้ายแรงมี่สุดคือคอนโดฯ ถูกกล่าวหาว่าให้เป็นพื้นที่ให้ตำรวจซุ่มยิงผู้ชุมนุม ทำให้ลูกบ้านต้องอยู่ด้วยความระหวาดระแวง ยืนยันว่าคอนโดฯ ไม่ได้เลือกข้างฝ่ายใด และอยากถามไปผู้ชุมนุมว่าเหตุใดต้องใช้สามเหลี่ยมดินแดงเป็นสมรภูมิซ้ำซาก ตอนนี้วิถีชีวิตคนดินแดงไม่ปกติ และเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีให้ฝ่ายตำรวจยุติการตั้งรับการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง เพราะเมื่อมีการนำกำลังตำรวจมาก่อนที่ผู้ชุมนุมทำให้เกิดปัญหา
แฉ"คฝ."ใช้ความรุนแรง
ขณะที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล และ กมธ.พัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงความคืบหน้าการประชุมกรณีการสลายการชุมนุมที่บริเวณแยกดินแดง ว่า กมธ.ได้ตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ทางการเมือง โดยมี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ในฐานะเลขานุการ กมธ. เป็นประธานคณะทำงาน  และได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 1 ชุด สืบหาข้อเท็จจริง มี 1.นายพวงทอง ภวัครพันธ์ เป็นประธานคณะทำงาน 2.พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นรองประธานคนที่ 1 3.น.ส.สาวตรี สุขศรี เป็นรองประธานคนที่ 2 4.นายตะวัน พงศ์แพทย์ คณะทำงาน 5.นายสิปปกร ถิรตันติ คณะทำงาน และ 6. น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ เลขานุการคณะทำงาน ซึ่ง กมธ.ได้รับหนังสือจากนายอดิศร โพธิ์อ่าน ตัวแทนจากแฟลตดินแดง ประกอบไป รายชื่อจากประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในแฟลต 300 รายชื่อ พร้อมกับรูปและคลิปความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้พักอาศัย ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับนั้นในแฟลตดินแดงมีทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและเด็กพักอาศัยอยู่
นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและคฝ.ส่งข้อมูลมาในทางลับ เรื่องการเข้าปราบปรามผู้ชุมนุม ซึ่งเราก็ได้สอบถามว่าเพราะเหตุใดจึงมีความรุนแรงเกิดขึ้น เป็นเพราะคำสั่งของผู้บัญชาการเหตุการณ์หรือผู้บังคับบัญชาหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่าในกลุ่มที่เข้ามาสลายการชุมนุมนั้นเจ้าหน้าที่หลายคนมีระยะเวลาในการฝึกและระยะเวลาการใช้กระสุนในการฝึกซ้อมนั้นกระสุนมีจำกัดเบิก 100 นัด ให้ยิงจริง 20 นัด จึงมีการพูดกันในกลุ่มของ คฝ.ว่า สนามการสลายการชุมนุมคือสนามซ้อมที่เป็นที่พึงพอใจของเจ้าหน้าที่ในบางกลุ่ม ซึ่ง คฝ.จำนวนมากพูดกันว่าพื้นที่ตรงนี้ใช้กระสุนได้ไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นกระสุนยางหรือแก๊สน้ำตา ใครอยากยิงยิงได้เลย ใครอยากมามาได้เลย 
    สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุฟ้า ได้เดินทางมาชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่เวลา 16.00 น. กระทั่งเวลา 16.40 น. ตำรวจ สน.สําราญราษฎร์ และ สน.ชนะสงครามได้แจ้ง ผ่านเครื่องขยายเสียงให้เลิกชุมนุมทันที เพราะเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ผู้ชุมนุมยังได้จัดกิจกรรมและปราศรัยโจมตี รัฐบาลต่อไป โดยแกนนำประกาศไม่เคลื่อนขบวนไปไหน จากนั้นได้นำหุ่นฟางห่อด้วยผ้าขาวที่เปรียบเป็นศพและสัญลักษณ์ไปยังรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาโควิดล้มเหลวนำขึ้นไปผูกติดไว้ที่พานรัฐธรรมนูญ  และยังได้นำหุ่นฟางห่อด้วยผ้าขาวจำนวนหนึ่ง พร้อมติดใบหน้า ครม.ของพล.อ.ประยุทธ์ นำมานั่งที่เก้าอี้ บริเวณกลางถนนราชดำเนิน ก่อนนำชอล์กและสีสเปรย์มาเขียนพื้นถนนโดยรอบเพื่อระบายความรู้สึกที่มีต่อรัฐบาล และโปรยกระดาษ จำนวน  2,475 แผ่น ซึ่งเขียนข้อความ อาทิ ครม.ไร้ประโยชน์, ไม่เห็นด้วยกับ ส.ว.จำนวน 250 คน เป็นต้น
    ส่วนบรรยากาศที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง ในช่วง 17.00 น.เป็นต้นไป ฝั่งถนนวิภาวดีขาออก แนวกั้นตู้คอนเทนเนอร์  กลุ่มอาชีวะและเยาวชนประมาณ 50 คน ได้ปาประทัดและพลุข้ามแนวตู้คอนเทนเนอร์เพื่อโจมตี คฝ. แต่ถูกตอบโต้โดยการยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มมวลชน เป็นระยะๆ และยังมีมวลชนยังคงทยอยเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"