จงใจก่อความรุนแรง กมธ.ตร.สรุป‘ผบช.น.’แจงเหตุม็อบ3นิ้วป่วนมีหลักฐานชัด


เพิ่มเพื่อน    

"สิระ" ฟาด "บิ๊กปั๊ด" เบี้ยวนัด กมธ. ซัดตั้งแท่นแบริเออร์สกัดม็อบไปบ้านนายกฯ จน ปชช.เดือดร้อน "กมธ.ตำรวจ" พอใจ "ผบช.น." มีหลักฐานดูแลชุมนุมยึดหลักสากล ระบุกระสุนจริงยิงแยกดินแดงไม่ใช่ฝีมือ ตร. ชี้ลักษณะจงใจก่อความรุนแรง ตร.มีหลักฐานชัด พร้อมยืนยันคุมม็อบอยู่ไม่ต้องดึงทหารช่วย "นครบาล" เผยมีวงจรปิดจับภาพมือยิงเด็ก 14 มั่นใจจับตัวได้แน่ "เชอร์ล็อกเต้น" ปูดสาย ตร.ร่างท้วมชื่อ "ค." มือยิง "ราชทัณฑ์" แจงยิบรักษา "เพนกวิน" กับพวกติดโควิดเต็มที่ "ทะลุฟ้า" ไล่บิ๊กตู่ต่อเนื่อง
    ที่รัฐสภา วันที่ 19 ส.ค. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ไม่มาชี้แจง กมธ.การกฎหมายฯ ตามคำเชิญกรณีเหตุปะทะกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ตอนนี้มีประชาชนร้องเรียนการตั้งแท่นแบริเออร์ทุกวัน ทั้งที่การชุมนุมนัดชุมนุมกันบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถามว่าการตั้งตรงสามเหลี่ยมดินแดงนั้นเพื่อเรียกแขกใช่หรือไม่ และตั้งแต่มีม็อบมาไม่เคยเห็น ผบ.ตร.ชี้แจงประชาชนหาแนวทางปฏิบัติทางออกร่วมกันระหว่างตำรวจ ผู้ชุมนุม และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ตอนนี้ประชาชนขาวแฟลตดินแดงอยู่ไม่สุขแล้ว 
    "สามเหลี่ยมดินแดงห่างบ้านนายกฯตั้งกิโลครึ่ง ทำไมไม่ตั้งแบริเออร์ที่ห่างไกลชุมชน ตรงนั้นกลายเป็นจุดนัดตีกับผู้ชุมนุม เมื่อมีแท่นแบริเออร์เขาก็ไปตีทุกวัน ผมไม่พอใจการทำงานของ ผบ.ตร. เป็นผู้นำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางสภาเชิญมาให้เป็นเวทีชี้แจงก็ไม่มา ขอให้พิจารณาตัวเอง ถ้ายังไม่มาอีกครั้งผมจะใช้มาตรการตามอำนาจหน้าที่ที่มีตามรัฐธรรมนูญ" นายสิระกล่าว
    ต่อมา พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมคณะ เดินทางมาที่รัฐสภา เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อผู้ชุมนุม ที่มีภาพปรากฏต่อสื่อถึงการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ และเป็นไปตามหลักสากลหรือไม่  
    น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และนายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธาน กมธ.การตำรวจ แถลงผลการสอบถาม ผบช.น. โดย น.ส.จิตภัสร์กล่าวว่า ผบช.น.ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติการตามแผนงานและคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักโดยไม่เลือกปฏิบัติ ยึดแนวปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 ที่ยึดหลักปฏิบัติสากลจากเบาไปหาหนัก 
    ถามว่า กมธ.ได้ซักถามประเด็นที่ระบุให้เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตาได้ไม่อั้นหรือไม่ น.ส.จิตภัสร์กล่าวว่า ผบช.น.ยืนยันไม่เป็นความจริง การเบิกกระสุนยางจะต้องทำตามขั้นตอนในการอนุมัติ  และผู้บังคับบัญชาได้มีการเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามยุทธวิธีและกรอบกฎหมายทุกครั้งด้วยความระมัดระวังไปตามสถานการณ์
    ซักว่า กมธ.เชื่อในสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงหรือไม่ น.ส.จิตภัสร์กล่าวว่า ผบช.น.ได้นำภาพและหลักฐานหลายอย่างมาชี้แจง รวมถึงสรุปการดำเนินคดีในชั้นศาลและชั้นสืบสวน ส่วนกรณีที่ยังไม่เชิญกลุ่มผู้ชุมนุมมาให้ข้อมูลนั้น เพราะขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมร้องเรียนมายัง กมธ. แต่การเชิญตำรวจมาชี้แจงเพราะเห็นว่าสถานการณ์มีความน่าเป็นห่วงและรุนแรงขึ้นทุกวัน  
ยังไม่ใช้ทหาร'ตร.'ยันคุมอยู่
    นายสัญญาเสริมถึงเรื่องกระสุนจริงยิงบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงว่า ทางตำรวจยืนยันไม่ได้เกิดจากการปฏิบัติงานของตำรวจ ส่วนการยิงกระสุนยางก็ไม่ใช่ทุกนายที่จะได้รับปืนลูกซองกระสุนยาง มีแค่เจ้าหน้าที่ในหมวด 3 ซึ่งจะใช้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์รุนแรงแล้ว ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าจะเชิญสื่อมวลชนภาคสนามที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานของตำรวจมาให้ข้อมูล กมธ.ด้วย
    ถามว่า ได้สอบถามทางตำรวจหรือไม่ว่าจะให้ทหารเข้ามาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการดูแลสถานการณ์การชุมนุมหรือไม่ นายสัญญากล่าวว่า ผบช.น.ชี้แจงว่ายังไม่มีการให้ทหารเข้ามาช่วย ตำรวจยังสามารถควบคุมพื้นที่ได้ ทั้งนี้เมื่อ กมธ.รับฟังข้อมูลทั้งหมดแล้ว พอใจที่ตำรวจมาตอบคำถามให้ข้อมูล เพราะการชุมนุมครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะมีลักษณะจงใจก่อความรุนแรง และตำรวจมีหลักฐานที่มีน้ำหนักมาแสดงต่อ กมธ. ตำรวจ สภาฯ
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีเยาวชนอายุ 14 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บว่า พนักงานสอบสวนพร้อมด้วยด้วยสหวิชาชีพได้สอบปากคำเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ปกครอง ตัวเด็กได้แจ้งข้อมูลที่สำคัญในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชี้แผนที่เกิดเหตุ และที่สำคัญยืนยันว่ากลุ่มที่ก่อเหตุไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน ทราบจุดที่เกิดเหตุแล้ว เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนสืบสวนที่จะเช็กกล้องวงจรปิดในบริเวณนั้นที่มีอยู่หลายตัว คงจะได้ตัวในเร็วๆ นี้
    "เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ตำรวจสายตรวจ สน.พญาไท ตั้งจุดตรวจจับกุมชายไทยพร้อมด้วยอาวุธปืน .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 17 นัด ซองปืนพก 1 อัน และกระเป๋าคาดสีแดง แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต นำอาวุธปืนมาในเมืองและสาธารณะโดยไม่มีเหตจุอันควร สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหารับว่าเป็นศิษย์เก่าอาชีวะแห่งหนึ่ง แต่อ้างไม่ได้มาร่วมชุมนุมแต่ทิศทางการเดินทางใกล้บริเวณชุมนุม พนักงานสอบสวนสืบสวนต้องหาความเชื่อมโยง นำอาวุธปืนส่งตรวจว่าปืนกระบอกนี้เคยก่อเหตุที่ไหนหรือไม่ เพราะในการชุมนุมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานเป็นหัวกระสุนและปลอกกระสุนหลายปลอก จะต้องนำไปเปรียบเทียบกันว่าเคยก่อเหตุที่หนึ่งที่ใดหรือไม่อย่างไร" โฆษก บช.น.กล่าว
    วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. และผู้ประสานงานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งระบุว่า ผมเป็นพ่อคน เห็นภาพแม่เด็กอายุ 15 ปีที่ถูกยิงอาการโคม่าแถวสามเหลี่ยมดินแดงนั่งร้องไห้พูดถึงลูกชายแล้วจุก ไม่ว่าลูกใครก็ไม่ควรเจอแบบนี้ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งคลี่คลายคดีอย่างตรงไปตรงมา เอาตัวคนผิดมารับโทษตามกฎหมาย และถอดบทเรียนไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีกในการเผชิญหน้ากับเยาวชน 
    "ผมมีเบาะแสบางประการ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลองตรวจสอบตามนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้เสียหาย ถ้าท่านจริงใจกับประชาชน สน.ดินแดง ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุปิดไฟมืดทุกวันที่มีการปะทะ ไม่ทราบเพราะเหตุใด กล้องวงจรปิดของ สน.มี 4 ตัว ดำเนินการติดตั้งโดย พ.ต.ท. ป.ปลา กล้องทุกตัวใช้การได้
คืนเกิดเหตุ ร.ต.ท. ร.เรือ ถือปืนยาว ด.ต. จ.จาน กับ ด.ต. อ.อ่าง ใช้ปืนสั้น ในซอยโรงกรองน้ำมีคนออกจาก สน.มา 6 คน เป็นเจ้าหน้าที่ 2 นาย สาย 4 คน เสียงปืนหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นสายรูปร่างท้วมชื่อ ค.ควาย เป็นคนยิง สำคัญที่สุดตอนนี้คือหัวกระสุน อย่าให้มีการเปลี่ยนโดยเด็ดขาด ลองดูตามนี้ ทำความจริงให้ปรากฏเถอะครับ สงสารเด็ก สงสารพ่อแม่ สงสารประชาชน" นายณัฐวุฒิระบุ
    นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิยังได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า นายกฯ หน้าทน ประชาชนเดินหน้าไล่ 29 สิงหา CAR MOB CALL OUT เนื้อเน้นๆ เล่นใหญ่ขบวนใหญ่ ไปไหนไปกัน ไล่มันตลอด 2 ข้างทาง หยุดกระสุนยาง แค่มียางอายบ้างก็พอ 
ร้อง กมธ.คุ้มครองม็อบ
    ที่ สน.ลุมพินี พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สน.ลุมพินี แจ้งว่า กรณีพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินีออกหมายเรียกนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายปิยรัฐ จงเทพ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดฯ จากการจัดกิจกรรมคาร์ปาร์กที่แยกราชประสงค์เมื่อ 1 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ว่านายณัฐวุฒิได้ส่งทนายความมาขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหา โดยให้เหตุผลว่าติดไปขึ้นศาล ขณะที่ นายปิยรัฐก็ได้เลื่อนรับทราบข้อกล่าวหาเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่ากรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสูดและเข้มงวด ให้จำกัดการเคลื่อนย้ายเดินทาง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้นายณัฐวุฒิและนายปิยรัฐเลื่อนรับทราบข้อหาออกไปเป็นวันที่ 13 ก.ย.นี้
    ส่วนนายวรินทร์กุญช์ เขียวพันธ์ โฆษกองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวแทนองค์การและสโมสรนิสิตนักศึกษา 19 มหาวิทยาลัยและคณะ ได้ยื่นหนังสือต่อนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภา เพื่อขอให้สภาปกป้องสิทธิและคุ้มครองประชาชนจากการกระทำความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ และขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่อันเข้าข่ายเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่รัฐในการเข้าสลายการชุมนุม
    ส่วนที่กระทรวงยุติธรรม กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำแนวร่วม​ธรรมศาสตร์​และการ​ชุมนุม​ พร้อมด้วยหน่วยปฐมพยาบาลภาคสนาม  Fist aid volunteer 53 เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกต่อกระทรวงยุติธรรม เรียกร้องเรื่องการดูแลแกนนำที่ถูกคุมขัง
    นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 3 คน มีนายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และนายสิริชัย นาถึง หรือนิว โดยแพทย์ได้ตรวจร่างกายพบนายพริษฐ์ไม่มีไข้ หายใจปกติ เจ็บคอลดลง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ปกติ สัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ แพทย์ให้การรักษาด้วยยาฟา วิพิราเวียร์ร่วมด้วยกับยาพ่นโรคประจำตัวและยารักษาตามอาการ นายสิริชัยสัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ แพทย์ให้การรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ และยารักษาตามอาการ
​    นายธวัชชัยกล่าวว่า ในส่วนผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำชั่วคราวรังสิต จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, นายชาติชาย แกดำ, นายณัฐชนน ไพโรจน์ และนาย Sam Samart หรือแซม สาแมท เข้าห้องเพื่อเอกซเรย์ปอดในพื้นที่ปลอดเชื้อผลการตรวจทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง มี 3 คน ได้แก่ นายอานนท์ นำภา, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และนายเวหา แสนชนชนะศึก ทุกคนปกติ เช่นเดียวกับ น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกูล ที่ถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง 
​    "กรณีข่าวเรือนจำชั่วคราวรังสิตไม่ยอมให้ทนายความเข้าเยี่ยมนายภาณุพงศ์และพวกรวม 4 คนนั้น เนื่องจากช่วงเวลาที่ทนายความเข้ามาติดต่อ ทางเรือนจำได้คัดกรองผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้แจ้งให้ทนายความทราบในประเด็นดังกล่าวแล้ว" โฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าว 
​​​​​​​​​​    ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 16.00 น. กลุ่มทะลุฟ้าจัดกิจกรรมม็อบ 19 สิงหาไล่ล่าทรราช โดยมีการปราศรัยเกี่ยวกับ ส.ส, ส.ว. พรรคร่วมรัฐบาล ที่เป็นนั่งร้านให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยระบุทั้งหมดเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของทรราช ต่อมาเวลา 17.00 น. แกนนำกลุ่มทะลุฟ้าได้เริ่มเรียกผู้ที่สนใจทำกิจกรรมลงบนพื้นถนน มีการนำชอล์กมาให้มวลชนเขียนความรู้สึกลงบนพื้นถนน โดยผู้ชุมนุมได้นำรั้วเหล็กมาวางบริเวณฟุตปาธเพื่อกั้นพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรม และนำกองฟางที่ปั้นเป็นประโยค “ประยุทธ์ออกไป” มีการนำรูปคณะรัฐมนตรี ส.ส.และ ส.ว.ที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีมาปักไว้บนกองฟาง เพื่อสะท้อนว่าเป็นผู้ที่สนับสนุนทรราชมาวางไว้บริเวณพื้นถนนหน้าฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 
    เวลา 18.30 น. ตำรวจควบคุมฝูงชน หรือ คฝ. และรถนำแรงดันสูงหรือจีโน่ ได้มาประจำการบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยบริเวณหน้าร้านอาหารเมธาวลัย ซึ่งอยู่บริเวณตรงข้ามกับที่ผู้ชุมนุมได้จัดการชุมนุมอยู่ ซึ่งเป็นเพียงการประจำการเพื่อรอดูสถานการณ์เท่านั้น
    ต่อมา พล.ต.ต.อรรถวิทย์ สายสืบ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ได้เข้ามาพูดคุยกับแกนนำกลุ่มทะลุฟ้า โดยทำการตกลงให้ผู้ชุมนุมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในการเผาหุ่นฟางได้ แต่จะต้องยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงทันที ซึ่งทางแกนนำกลุ่มทะลุฟ้าได้ยอมรับเงื่อนไข โดยต้องให้ตำรวจควบคุมฝูงชนถอนกำลังออกไป 
    จากนั้นเวลา 19.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำกิจกรรมไฮไลต์สุดท้ายคือการเผาฟางที่วางรูปภาพของคณะรัฐมนตรี ส.ส. และส.ว. เป็นสัญลักษณ์ จากนั้นไม่ถึง 1 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ จำนวน 2 ชุด ชุดละ 4 นาย ได้ถือถังดับเพลิงเข้าทำการดับไฟทันที จากนั้นหลังดับไฟเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม    
    ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจและปราศรัยว่าการกระทำของตำรวจเป็นการขัดขวางการชุมนุมด้วยสันติวิธี ทั้งที่การเผาได้ดำเนินการเช่นนี้ทุกวัน และต่อมาเวลา 19.06 น. หลังทำกิจกรรมเสร็จสิ้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศยุติการชุมนุม.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"