โกรธสลายม็อบสภาถล่มงบฯสตช.


เพิ่มเพื่อน    

 ฝ่ายค้านถล่มงบฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับผิดสะสมอาวุธ คิดต่อจำนวนประชากรมากกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 5 เท่า ในระยะเวลาที่เร็วกว่า 5 เท่า รวมซื้ออาวุธมากกว่าถึง 25 เท่า ก้าวไกลโกรธ พอเจอม็อบมีการพูดว่ายิงเลย กระสุนไม่อั้น ข้องใจหน่วยงานควบคุมฝูงชน ปีนี้ทำงานเยอะเป็นพิเศษ แต่กระมิดกระเมี้ยนของบมา 3 ล้าน สุดท้ายงบผ่านฉลุย

    เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 21 สิงหาคม 2564 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วในวาระสอง เป็นการพิจารณาต่อจากเมื่อคืนวันที่ 20  ส.ค.ซึ่งเป็นวันที่สี่
    ก่อนเข้าสู่การประชุม นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แจ้งต่อที่ประชุมว่า ตั้งใจจะให้จบการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวในวันนี้ ถ้ามีอะไรที่จะสามารถไม่ต้องอภิปรายได้ก็ขอความร่วมมือจากสมาชิกด้วย แต่หากวันนี้พิจารณาไม่เสร็จจริงๆ จะขอเว้นวันที่ 22 ส.ค.และประชุมใหม่อีกครั้งในวันที่ 23 ส.ค.
    จากนั้นนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นคัดค้านฝ่ายรัฐบาลอย่ามาขอร้องกำหนดวันจบการอภิปราย เพราะงบประมาณจำนวน 3.1 ล้านล้านบาทถือว่าไม่น้อย ดังนั้นอย่ารวบรัด
    ขณะที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะกำหนดเวลาอภิปรายของ ส.ส. วันนี้อภิปรายให้เต็มที่เพื่อเป็นการไม่ปิดกั้นการพูดของ ส.ส. เพราะอย่างไรเสีย parliament ก็แปลว่าที่ถ่มน้ำลายอยู่แล้ว เชื่อว่าสมาชิกทุกคนพร้อมอยู่ ฝากถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาด้วยว่ายาวๆ ไปเลย
          ในการอภิปรายงบประมาณ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอปรับลด 7 เปอร์เซ็นต์ เพราะ สธ.ถูกทำลายศักดิ์ศรี และโดนยึดอำนาจจาก ศบค.ซึ่งขาดความเชี่ยวชาญกว่า สธ. บริหารโดยกลุ่มคนที่หาผลประโยชน์บนซากศพและความตายของประชาชน เมื่อปี 63 กู้เงินหลักล้านล้านบาทมาแก้โควิด คนไทย  67 ล้านคน วันนี้ฉีดวัคซีนไปเพียง 25 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน  3 เท่านั้น
     “วัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับการบริจาคจากอเมริกาอยู่ที่ไหน คนด่านหน้าต้องการฉีด หมอ พยาบาล ตลอดจนสัปเหร่อคือด่านหน้า แล้ว ส.ส.คือด่านหน้าหรือไม่ ถึงจะเป็นด่านหน้าแต่ต้องเสียสละให้บุคคลอื่น อย่าให้ผมได้ข่าวว่าพรุ่งนี้จะมี ส.ส.ปักเข็มที่แขน อย่าให้รู้ ต้องเสียสละให้พี่น้องประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนอีก 40 ล้านคน และขอให้หมอลุกขึ้นสู้เพื่อชีวิตประชาชนในแนวทางที่ถูกต้อง ในสถานการณ์นี้ควรจะเอานายกฯ คนนี้ออกไป และเอาคนเป็นหมอมาเป็นนายกฯ แทน” นายพิเชษฐ์กล่าว
    จากนั้นเวลา 14.04 น. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรา 25 งบประมาณรายจ่ายกระทรวงสาธารณสุข ตามที่คณะ กมธ.แก้ไขด้วยคะแนน 242 ต่อ 123 งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 2 เสียง
     ต่อมามีการพิจารณามาตรา 26 งบประมาณรายจ่ายกระทรวงอุตสาหกรรม 2,128,298,100 บาท ซึ่ง ส.ส.ใช้เวลาอภิปรายกันอย่างกว้างขวางประมาณ 40 นาที จากนั้นนายชวนในฐานะประธานการประชุมได้ให้ที่ประชุมลงมติ ซึ่งผลปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบมาตรา 26 ตามที่ กมธ.แก้ไข โดยเห็นด้วย 239 ไม่เห็นด้วย 98 งดออกเสียง 2 และไม่ออกเสียง 2 เสียง
    ตามด้วยการอภิปรายมาตรา 27 งบประมาณของส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี
ถล่มงบฯ ตำรวจ
    นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยที่ขอสงวนความเห็น ได้อภิปรายขอปรับลดงบประมาณว่า ตนขอปรับลดงบประมาณในโครงการจัดซื้ออาวุธสงคราม 3 โครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คือการจัดซื้อปืนเล็กสั้น 1,000 กระบอก การจัดซื้อปืนเล็กยาว 2,000 กระบอก และปืนกลมือ 4,000 กระบอก รวม 7,000 กระบอก ทั้งที่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกานั้นมีการศึกษาผลกระทบถึงการสะสมอาวุธสงครามที่เพิ่มขึ้น พบว่าการสะสมอาวุธนอกจากจะไม่ได้ช่วยลดอัตราการเกิดอาชญากรรมแล้ว ยังมีแนวโน้มใช้ความรุนแรงกับประชาชน
    ทั้งนี้ เขาได้ยกตัวอย่างจอร์จ ฟลอยด์ ตลอด 25 ปีที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาซื้อปืนให้ตำรวจ 7.8 หมื่นกระบอก คิดเป็น 24 กระบอกต่อประชาชน 1 แสนคน เมื่อหันกลับมาดูไทยภายใต้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่ปี 2561-2563 ซื้อปืนให้ตำรวจไปแล้ว 7.3  หมื่นกระบอก รวมอีก 7,000 กระบอกที่จะซื้ออีกปี 2565 นี้ รวม 8 หมื่นกระบอก คิดเป็น 116 กระบอกต่อประชาชน 1 แสนคน
    “เมื่อนำไปเทียบกับสถิติของสหรัฐ เท่ากับว่าตำรวจไทยสะสมอาวุธสงครามต่อจำนวนประชากรมากกว่าถึง 5 เท่า ในระยะเวลาที่เร็วกว่า 5 เท่า รวมซื้ออาวุธมากกว่าถึง 25 เท่า”
    นายพิจารณ์กล่าวว่า เข้าใจว่าตำรวจบางหน่วยต้องใช้อาวุธสงคราม  แต่ที่เป็นประเด็นปัญหาคือ ในช่วงปี 2553-2556 มีการซื้ออาวุธสงครามให้ตำรวจเพียง 116 กระบอกเท่านั้น เพิ่งจะมาเพิ่มจำนวนช่วงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยหลังปี 2561 เป็นต้นมามีการซื้อมากกว่า  632 เท่า ราวกับจะตั้งกองทัพ ยิ่งต้องตั้งคำถาม เพราะความจำเป็นของการซื้อปืน 7,000 กระบอกนี้ เป็นคนละส่วนกับกองบัญชาการตำรวจสันติบาลที่เพิ่งซื้อไป 280 กระบอกเมื่อปี 2561 เป็นคนละส่วนกับกองบังคับการปราบปรามที่ซื้อไปเมื่อปี 2561 และ 2563 อีก 268 กระบอก    คนละส่วนกับสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษที่เพิ่งซื้อไปในปี 2563  อีก 150 กระบอก เป็นคนละส่วนกับกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ที่เพิ่งซื้อไปในปี 2564 อีก 84 กระบอก และเป็นคนละส่วนกับ 3  จังหวัดชายแดนใต้ที่เพิ่งซื้อไปในปี 2564 อีก 500 กระบอก เหตุผลความจำเป็นของปืน 7,000 กระบอกนี้มันมากเกินไปแล้ว
    ขณะที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ใช้สิทธิ์สงวนความเห็นอภิปรายปรับลดงบประมาณของ สตช. 7% ว่า วันนี้ สตช.มีกำลังพล 212,982 นาย มีระดับนายร้อยขึ้นไป 63,288 คน ถือเป็นกองกำลังที่ใหญ่มาก คิดเป็นอัตราส่วนตำรวจ 1 คนต่อประชาชน 304 คน ตนคิดว่าสัดส่วนนี้มากเกินไป ถ้าอัตราเท่านี้แล้วยังมีนักโทษเต็มคุกและยังมีปัญหาอาชญากรรมมากมาย ก็ถือว่าไร้ประสิทธิภาพ เราจึงจะต้องลดกำลังตำรวจ
    เขาอภิปรายว่า ในประเทศที่เจริญแล้วแทบมองหาตำรวจไม่เจอเลย  ตำรวจอยู่ในที่ตั้งของตำรวจ ไม่ได้ออกมาทำมาหากินเบียดเบียนประชาชน แต่เมื่อคุณทำผิดกฎหมาย ตำรวจจะมาทันที ตำรวจทราบได้อย่างไรว่าเราทำผิดกฎหมาย นี่คือเทคโนโลยีและการบริหารจัดการดูแลบ้านเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ หากเราลดกำลังตำรวจจาก 2 แสนนาย เหลือ 1 แสนนาย แล้วนำเงินไปดูแลสวัสดิการ ที่พักอาศัย เบี้ยเลี้ยง และครอบครัวตำรวจ จึงอยากให้บริหารจัดการกำลังของตำรวจให้เล็กลง  แล้วใช้เทคโนโลยีทดแทนให้มากขึ้น เพื่อที่จะควบคุมและสร้างประสิทธิภาพให้ตำรวจไทย
ตรงนี้กระสุนไม่อั้น
    ด้านนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ใช้สิทธิ์อภิปรายสอบถามไปยังกรรมาธิการงบประมาณ เพราะมาตรา 27 มีงบ  สตช. 32,776,031,300 บาท ถูกปรับลดเพียง 55 ล้าน อยากตั้งคำถามว่า การทำงานของ สตช.เวลานี้ถูกจับตามองจากประชาชน เนื่องจากได้ใช้ตำรวจหน่วยควบคุมฝูงชนเข้าควบคุมสถานการณ์จนเกิดความรุนแรง
    "การออกมาเรียกร้องของประชาชนเพื่อหาทางรอดจากวิกฤติต่าง ๆ จากการความล้มเหลวของผู้บริหารราชการแผ่นดินที่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บล้มตาย คนที่ออกมาเรียกร้องหันไปข้างหลังพ่อแม่ป่วยไม่มีเตียง  ไม่มียารักษา ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความรุนแรงขึ้นหลังการยุติการชุมนุมในแต่ละวัน และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น"
    นายณัฐชาอ้างว่า มีความพยายามที่จะส่งสัญญาณมาจากเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยบอกว่า การใช้อาวุธกระสุนในการฝึกนั้นยากลำบากอย่างยิ่ง  เซ็นเบิกมาตอนฝึกซ้อม 100 นัด ได้ยิงจริงประมาณ 20 นัด อีก 80 เรียกว่านายเล่นยอด เอาไปปล่อยสนามยิงปืน ปล่อยตามพรรคพวกเอาไปขายตามตลาดมืด
    “แต่นี่สถานการณ์การชุมนุมที่ออกมาปราบประชาชน มีการพูดถึงว่ายิงเลย ตรงนี้กระสุนไม่อั้น มีภาพการฝึกซ้อม จึงต้องถามหาว่าการปราบปรามประชาชนที่ใช้หลักสากล และบอกว่ามีภาพการฝึกซ้อมเป็นขั้นเป็นตอน คิดว่าตอนนี้เป็นหลักสาแก่ใจมากกว่า”
    เขาอภิปรายว่า และหน่วยงานควบคุมฝูงชน (คฝ.) ปีนี้ทำงานเยอะเป็นพิเศษ แต่กระมิดกระเมี้ยนของบมา 3 ล้านซื้อแผงเหล็กเท่านั้น แต่ตนไม่เชื่อว่าจะใช้เงิน 3 ล้านเท่านั้น เพราะในปี 2564 คฝ.ของบ 893  ล้านบาท เป็นสิ่งที่เอามาใช้ในวันนี้ คือ โล่ตำรวจ กระสุนยาง กระบองยาง อยากสอบถามว่างบ 893 ล้านที่อนุมัติไปปีที่แล้วสุดท้ายมาทำลายประชาชน ขณะนี้มีความรู้สึกอย่างไร และตนสามารถตัดสินใจได้ไม่อนุมัติให้แม้แต่บาทเดียว
    ต่อมานายวิเชียร ชวลิต กรรมาธิการ ชี้แจงว่า งบประมาณของ สตช.เป็นการจัดซื้อเนื่องจากครบอายุการใช้งานและซื้อทดแทนของเก่าที่หมดอายุการใช้งาน เป็นการจัดหาทดแทน เช่น อาวุธปืน หรือกรณีรถดับเพลิงเป็นการซ่อมแซม จากที่มีการรับโอนมา 150 คัน ใช้ในภารกิจป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
    กระทั่งเวลา 17.00 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบมาตรา  27 งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี  ด้วยคะแนน 244 ต่อ 119 งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 0 เสียง.


 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"