กองทุนบังหน้า "เลี้ยงโจร?"


เพิ่มเพื่อน    

วันนี้ มีคำถามเล็กๆ น้อยๆ ถึง
    "ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" ผู้ทำหน้าที่ทนายแก้ต่างให้ผู้ต้องหาม็อบสามนิ้ว
    และผู้ช่วยศาสตราจารย์ชลิตา บัณฑุวงศ์, ไอดา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา เจ้าของบัญชีเงิน "กองทุนราษฎรประสงค์"
    ซึ่งเป็นกองทุน "นอกกฎหมาย"
    ตั้งขึ้นในการ "ระดมทุนสาธารณะ" เพื่อเอาเงินไปประกันตัวและค่าปรับคดีเกี่ยวกับการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง
    คือเป็นกองทุนดูแลม็อบสามนิ้ว ที่ปฏิบัติการ "ปฏิรูปแบบปฏิวัติ" สถาบันกษัตริย์ 
    ภายใต้ "ขบวนการล้มเจ้า" ที่มี "ปิยบุตร-ธนาธร-กลุ่มจารย์มหา'ลัย, พรรคการเมือง เป็นตัวขับเคลื่อนในถนน-ในสภา
    คือเมื่อวันเสาร์ "ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" เผยแพร่ข่าว มีหลายประเด็นน่าสนใจ เช่น
    ตามสถิติของศูนย์ฯ นับตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค.63 ถึง 20 ส.ค.64 พบว่า หลักทรัพย์ทั้งหมด 40,233,500 บาท 
    ถูกวางเป็นเงินประกันในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดีรวมแล้ว 689 ครั้ง สำหรับ 478 คน ใน 194 คดี
    ข้อหาหลักๆ คือ
    -หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตาม ม.112 ยื่นประกัน 93 ครั้งใน 68 คดี
    -ยุยงปลุกปั่น ตาม ม.116 ยื่นประกันไป 52 ครั้ง ใน 9 คดี
    -พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยื่นประกันไป 450 ครั้ง ใน 71 คดี
    หลักทรัพย์ดังกล่าว....
    ส่วนใหญ่เป็นการช่วยเหลือจาก "กองทุนราษฎรประสงค์" และกองทุนดา ตอร์ปิโด
    นอกจากหลักทรัพย์ที่เป็นเงินแล้ว ยังมีการใช้ตำแหน่งบุคคลเป็นหลักประกัน 
    มีทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, ข้าราชการ.....ฯลฯ
    นั่นคือ ข้อมูลฝั่งทนายและฝ่ายกองทุนคอยตามประกัน
    จะเห็นว่า การเข้ามาทำหน้าที่ทนายเพื่อสิทธิฯ ก็ดี การตั้งกองทุนรับบริจาคเงินประกันให้สามนิ้วก็ดี 
    ทั้่ง ๒ หน่วยมีกรอบหลักการและเป้าหมายสอดคล้องกัน
    ทนายก็ช่วยเหลือบุคคลผู้ใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง ติชม วิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมีวัตถุประสงค์หรือมูลเหตุจูงใจทางการเมือง เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและนิติรัฐ
    เป้าหมายกองทุนประกัน ก็เพื่อรักษาสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออกทางการเมืองมิให้ถูกลิดรอนจากการใช้คดีความทางกฎหมายเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้ง กักขังหน่วงเหนี่ยว ฯลฯ
    หลักใหญ่ คือ ทั้งศูนย์ทนายเพื่อสิทธิฯ และกองทุนราษฎรประสงค์ อ้างอิงหน้าที่พิทักษ์ "สิทธิเสรีภาพ" ผู้เรียกร้องประชาธิปไตย
    ก็ โอเค......
    "ประชาธิปไตย" วันนี้ สรุปอยู่ที่ "สิทธิเสรีภาพ" ใครจะทำอะไรก็ได้ มีสหประชาชาติ มีองค์กรสิทธิมนุษยชนเป็นนายตรวจ
    แต่คำว่า "สิทธิเสรีภาพ" มันก็มีกรอบเหมือนกัน เช่น การชุมนุมก็ต้องชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ และการกระทำนั้นๆ ต้องสอดคล้องกับกฎหมายบ้านเมืองนั้นๆ ด้วย
    ดังนั้น ก็อยากถามทนายเพื่อสิทธิฯ และเจ้าของบัญชีเงินกองทุนว่า.......
    ความจริงที่เป็นอยู่วันนี้ คือผู้ชุมนุมสามนิ้วนั้น การชุมนุมก็ดี การเรียกร้องก็ดี การแสดงออกผ่านการกระทำต่างๆ ก็ดี
    ยังอยู่ในกรอบ "สิทธิเสรีภาพ" ตามหลักการและเป้าหมายตามที่ท่านแถลงไว้หรือไม่?
    สันติ ปราศจากอาวุธ ไม่เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่?
    ไม่เป็นการมุ่งหมายแบ่งแยกราชอาณาจักรไทย ตามบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่?
    ท่านอย่าเพิ่งตอบ มีอีกคำถามที่อยากถาม
    ท่านยอมรับหรือไม่ว่า ขบวนการสามนิ้วผู้ใช้สิทธิเสรีภาพตามนัยของท่าน ขณะนี้ 
    นำเด็ก คือ ผู้มีอายุต่ำกว่า ๑๕ ปี และเยาวชน คือ ผู้มีอายุเกิน ๑๕ ปี แต่ยังไม่ถึง ๑๘ ปี มาร่วมชุมนุมด้วย
    ผมไม่ได้ว่า เอาเด็ก-เอาเยาวชนมาชุมนุม นั้นผิด
    ไทยเป็นรัฐภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยการพิทักษ์สิทธิเด็ก ย่อมทำได้ ตามกฎข้อ ๑๔ ที่มีว่า
    "รัฐภาคียอมรับสิทธิของเด็กที่จะมีเสรีภาพในการสมาคม และเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบ โดยไม่อาจจำกัดการใช้สิทธิเหล่านี้ นอกเหนือจาก....
    ข้อจำกัดที่กำหนดขึ้นโดยสอดคล้องกับกฎหมายและที่จำเป็นสำหรับสังคมประชาธิปไตย" 
    คำว่า "นอกเหนือจาก..." คืออะไร?"
    คือผู้ชุมนุมต้องไม่ทำนอกเหนือข้อจำกัดตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดนั่นเอง
    "ต้องสันติ ปราศจากอาวุธ ไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น"
    เมื่อเป็นเช่นนี้ ทนายเพื่อสิทธิฯ และผู้คอยประกันด้วยเงินในรูปกองทุน ตอบได้เลยว่า
    ขณะนี้ ที่สามนิ้วทำอยู่ ใช้เสรีภาพชุมนุมโดยสงบใช่หรือไม่?
    หรือเป็นแก๊งก่อจลาจลเมือง มาในลักษณะกองโจร พุ่งปะทะตำรวจ จุดไฟเผาสถานที่ราชการ ใช้พลุไฟ ใช้อาวุธรูปแบบต่างๆ มุ่งทำร้ายตำรวจ 
    ทั้งสาดสี ตะโกนและเขียนข้อความอาฆาตมาดร้ายสถาบัน อันตรายต่อความมั่นคง ทำลายศีลธรรมอันดีงาม ละเมิดสิทธิผู้อื่น มันเป็นแบบนั้นใช่หรือไม่?
    ตกบ่าย-ตกเย็น ระดมเด็กแก๊งมอเตอร์ไซค์ ๗-๘ ขวบก็มี มาระดมยิงหนังสติ๊ก ยิงพลุไฟ ซึ่งไม่เป็นการชุมนุม หากแต่เข้าลักษณะก่อกวนเมืองสู่การจลาจล ใช่มั้ย?
    ถามต่อว่า....
    ท่านเคยเตือน เคยห้ามปรามหรือไม่ว่า นี่มันเข้าข่ายโจรก่อการร้ายแล้ว ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบแล้ว?
    แต่ถ้าทั้งทนายเพื่อสิทธิฯ และผู้ตั้งกองทุนประกัน ยืนยันว่า ยังเป็นการชุมนุมโดยสงบภายใต้กรอบสิทธิเสรีภาพ
    ผมก็เกรงว่า......
    จะมีคนเอาอย่าง ยกขบวนไปเผา ไปยิงหนังสติ๊ก สาดสีใส่ศูนย์ทนายฯ บ้าง กองทุนราษฎรประสงค์บ้าง สำนักงานยูเอ็นบ้าง สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนบ้าง ตึกไทยซัมมิทบ้าง
    แล้วอ้างเสรีภาพชุมนุมโดยสงบแบบเดียวกันไง!
    ทั้งหมดนี้ ถามเพื่อให้ตอบ จะได้ขจัดครหาที่มีว่า ทั้งทนายเพื่อสิทธิฯ ทั้่งกองทุนประกัน นั่นคือ "ฉากหน้า"
    แต่ฉากหลัง คือ.......
    ร่วมขบวนการสามนิ้ว "ปฏิรูปแบบปฏิวัติ" เพื่อล้มสถาบันด้วยกัน เพียงแยกบทบาทกันแสดงเท่านั้น
    และเงินกองทุน "๔๐ กว่าล้าน"
    ทั้งบ้าน-ทั้งเมือง อยากให้กรมสรรพากรตรวจสอบที่มาว่าใครคือผู้ใจบุญเหล่านั้น
    จะได้เคลียร์ให้ชัด ว่าเป็นกองทุนเพื่อเสรีภาพจริงๆ
    ไม่ใช่กองทุนบังหน้า "ท่อน้ำเลี้้ยงโจร" ล่มสถาบัน?.

คนปลายซอย
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"