จวกม็อบก่ออาชญากรรม ทะลุแก๊สดาวกระจายป่วน


เพิ่มเพื่อน    

ป่วนแยกดินแดงรายวันไม่เรียกผู้ชุมนุม "ตร." ลั่นแค่พวกก่อความไม่สงบ เป็นอาชญากรรมร้ายแรง ชี้ปิดประตูตีแมวจับกุมตามยุทธวิธี เล็งเรียกผู้ปกครองสอบสวน หากเข้าข่ายละเลยโดนแจ้งข้อหา  "สิระ" ลงดูพื้นที่ ฟันธงจ้างมาทำร้าย จนท. ข้องใจ "ไฮโซลูกนัท" ตาบอด  ท้าจ่าย 1 ล้านโชว์ใบแพทย์ "ศรีสุวรรณ" จ่อแจ้งจับซ้ำฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  "เยาวรุ่นทะลุแก๊ส” ปักธงนำ “มวลชนอิสระ” สามเหลี่ยมดินแดงกำหนดยุทธวิธี “ดาวกระจาย” 
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อวันที่ 23 ส.ค. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงถึงการชุมนุมประจำวันว่า มีการนัดทำกิจกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมด 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่กระทรวงยุติธรรม เวลา 09.00 น. กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มผู้ก่อเหตุความวุ่นวายในบ้านเมือง คือกลุ่มทะลุแก๊ส นัดชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง เวลา 17.30 น.  
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ในส่วนการชุมนุมเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา  กลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้ระเบิดปิงปอง พลุเพลิง พลุไฟ ขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่เพื่อหวังทำร้าย มีการทำลายสิ่งของสาธารณประโยชน์ ทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 8 นาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 42 คน ยึดรถจักรยานยนต์ 27 คัน อาวุธปืน เครื่องกระสุน ระเบิดปิงปอง ระเบิดแสวงเครื่อง และอื่นๆ อีกจำนวนมาก นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความไม่สงบในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่สั่งการให้ยุติแต่ไม่ยุติ, ความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน, พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
    "บช.น.เรียนเตือนกรณีผู้ปกครองส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงกระทำความผิด จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ผู้ปกครอง บิดามารดาหรือผู้ดูแลเด็กและเยาวชนจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย รถจักรยานยนต์  เครื่องกระสุนปืนที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ พนักงานสอบสวนจะดำเนินการร้องขอต่อพนักอัยการขอต่อศาลริบของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนทรัพย์สินที่เป็นของผู้อื่นถูกนำมาใช้กระทำความผิด เจ้าของทรัพย์จะต้องถูกหมายเรียกมาให้ปากคำตามกฎหมายอีกส่วนหนึ่ง" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
    โฆษก บช.น.ได้สรุปการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมตั้งแต่เดือน ก.ค.- ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมไป 92 คดี มีผู้ต้องหาที่อยู่ในข่ายที่จะถูกดำเนินคดี 523 คน ถูกจับกุมตัวแล้ว 266 คน ภาพรวมจากการชุมนุมมีคดีเกี่ยวกับความมั่นคง 341 คดี สอบสวนเสร็จสิ้น 200  คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 141 คดี ออกหมายเรียกผู้กระทำความผิดมารับทราบข้อหาตามกฎหมายรวม 118 หมาย เป็นแกนนำ 16 หมาย
ป่วนดินแดงไม่เรียกชุมนุม
    ถามว่า การจู่โจมปิดประตูตีแมวเป็นการกระทำรุนแรงหรือไม่  พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ถ้าบอกให้เขาหยุดเขาจะหยุดหรือไม่ การจับกุมเป็นการดำเนินการหลังการประกาศเตือน เป็นมาตรการจากเบาไปหาหนัก อยากจะให้มองว่าเป็นการดำเนินการระงับยับยั้งการก่อเหตุความวุ่นวาย 
    "การชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงมันไม่ใช่การเรียกร้องอะไรแล้ว  ตำรวจก็มีการปรับแผนการจับกุม แจ้งเตือนไม่ฟังความเสียหายในวงกว้างจะเกิดก็ต้องดำเนินการ ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศอื่นหรือเหตุการณ์อื่น ผู้ที่ก่อเหตุคงไม่นั่งรอยืนรอให้จับกุม" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
    ซักว่า การชุมนุมที่แยกดินแดงต้องเรียกว่าผู้ชุมนุมหรือเด็กแว้นเข้ามาก่อกวน พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า การแถลงข่าวช่วงหลังตนจะไม่เรียกว่าผู้ชุมนุม จะเรียกว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เป็นอาชญากรรมร้ายแรง ไม่มีจุดในการเรียกร้องใดๆ มีแต่พฤติกรรมที่ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง ยืนยันการจู่โจมจับกุมเป็นการปฏิบัติตามยุทธวิธี มีการวางแผนกำหนดพื้นที่จะเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหา อย่างที่เห็นกลุ่มผู้กระความผิดใช้ความเร็ว ตำรวจถูกผู้ชุมนุมขับขี่รถจักรยานยนต์ชนหลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงพยายามเว้นระยะห่างและใช้วิธีการต่างๆ เข้าสกัด เด็กอาจถูกล่อลวงหรือถูกบังคับ เราต้องปฏิบัติตามมาตรการและตามกฎหมายเด็ก 
    โฆษก บช.น.กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกผู้ปกครองมาสอบสวน กรณีไหนความผิดชัดเจนจะดำเนินคดีกับผู้ปกครองทุกราย  ส่วนเด็กที่ถูกจับกุมตัวการประกันตัวอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ใครมีพฤติกรรมเสี่ยงกระทำความผิดอีกหรือหลบหนี พนักงานสอบสวนจะมีความเห็นไม่ให้ประกัน 
    ซักว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเหล่านี้เป็นผู้ชุมนุมอิสระหรือได้รับการว่าจ้างมาหรือไม่ โฆษก บช.น.ตอบว่า ไม่มีม็อบไหนที่ไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง
    ที่ศาลแขวงดุสิต พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้ยื่นผัดฟ้องฝากขังครั้งแรก น.ส.จิราพัชร พูนทรัพย์ อายุ 21 ปี ชาว จ.สระแก้ว, นายศรวีร์ เหมือนสุวรรณ์ อายุ 22 ปี ชาว กทม. และนายธัญวุฒิ ฉิมพาลี อายุ  22 ปี ชาว กทม. ผู้ต้องหา 1-3 คดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการฝากขังผ่านระบบจอภาพ โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ยื่นผัดฟ้องฝากขังได้
    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ยื่นคำร้องฝากขังทางไกลผ่านจอภาพ สำนวน ฝ893/2564 ซึ่งมีนายนนทกานต์ สาเทศ อายุ 19 ปี, นายมโหฬาร แซ่เอี้ยว อายุ 34 ปี เป็นผู้ต้องหาที่ 1-2 เข้าร่วมชุมนุมก่อความวุ่นวายย่านดินแดง เนื่องจากต้องสอบปากคำเพิ่มอีก 5 ปาก รอผลตรวจลายนิ้วมือและประวัติต้องโทษผู้ต้องหาทั้ง 2 รายจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร จึงขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน นับแต่ 23 ส.ค.-3 ก.ย.64 ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
กรมคุกรักษาโควิด 'กวิ้น' ได้
    ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการลงพื้นที่ดินแดงไปตรวจสอบจุดปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ว่า ไม่มีการชุมนุม  แต่เป็นแก๊งป่วนเมืองที่ต้องการปะทะกับตำรวจอย่างเดียว แนะนำว่าการชุมนุมเรียกร้องตามรัฐธรรมนูญต้องปราศจากอาวุธและไม่ใช้ความรุนแรง และต้องมีการคัดกรองผู้ชุมนุมไม่ให้พกพาอาวุธ และพวกชอบใช้ความรุนแรงให้คัดออก การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไม่มีความรุนแรง เป็นการชุมนุมเชิงสัญลักษณ์ แต่ตรงสามเหลี่ยมดินแดงไม่ใช่การชุมนุม เป็นการจ้างมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งการพกพาอาวุธต้องถูกดำเนินคดีตามหลักสากล
    นายสิระยังกล่าวถึงกรณีนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท เข้าร่วมชุมนุมว่า มีข้อสงสัยว่าตาบอดจริงหรือไม่ ตนมีคลิปว่าสิ่งแปลกปลอมที่ลอยลงมาไม่ได้โดนตา ทำให้ตนไม่เชื่อว่าตาบอด เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่มีแพทย์ออกมาบอกว่าตาบอด และหากตาบอดจริงต้องใช้เวลารักษาตัว คงไม่มาเดินได้แบบนี้ ขอให้เอาใบรับรองแพทย์มาแสดง ถ้าไฮโซลูกนัทตาบอดจริง ตนให้เลย 1 ล้านบาท อย่าเอาแค่เลือดเข้าตาแล้วบอกว่าตาบอด ไปหวังผลทางการเมือง ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนลุกขึ้นมาทำผิดกฎหมาย 
    ขณะที่นายธนัตถ์ หรือไฮโซลูกนัท โพสต์ข้อความตอบโต้นายสิระทันทีว่า "พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงจะส่งใบรับรองแพทย์ให้ ส.ส.สิระ... คำถามคือ ส่งที่ไหน เราจะเอาเงินสิระไปบริจาคให้คนไร้บ้าน" 
    ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ในวันที่ 24 ส.ค. เวลา 10.00 น. จะเดินทางไป  สน.ชนะสงคราม แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายธนัตถ์ หรือไฮโซลูกนัท ที่แต่งกายสวมสูท สะพายกล้อง ทั้งๆ ที่พิการทางสายตาเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง ตามความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงฯ (ฉบับที่ 9) ลงวันที่ 3  ส.ค.64 ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคโควิด-19 ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และกฎหมายอื่นอีกหลายกระทง นอกจากนั้นยังปรากฏว่า ในการชุมนุมดังกล่าวมีบุคคลกระทำการพ่นข้อความบริเวณฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในลักษณะหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี ตาม ป.อ.112 ด้วย 
    ที่กระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกกระทรวงยุติธรรม รับหนังสือทวงถามความคืบหน้าจากนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่ต้องการให้นายพริษฐ์และนายสิริชัย นาถึง ที่ถูกคุมขังและรักษาอาการติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในเรือนจำอำเภอธัญบุรี ได้รับการย้ายตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 
    นายวัลลภกล่าวว่า ทั้ง 2 คนอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งเราเชื่อมั่นในกระบวนการรักษาและมาตรฐานของแพทย์จากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันอาการโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปกติ การส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำอยู่ระหว่างการประเมินและพิจารณาอาการของแพทย์ ซึ่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์จะให้การรักษาที่เกิดผลดีและเป็นประโยชน์ต่อผู้ต้องขังทุกคนอย่างเต็มที่เท่าเทียม ตามหลักสากลและไม่เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด 
    ส่วนนายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกกรมราชทัณฑ์ ยืนยันกรมราชทัณฑ์มิได้ปิดกั้นสิทธิในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขัง และยังคงมีความพร้อมที่จะดูแลรักษาพยาบาลกลุ่มผู้ชุมนุมที่ติดเชื้อโควิด-19 และขอยืนยันว่าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานถูกต้องตามกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนมีความพร้อมในการดูแลรักษาพยาบาลให้ผู้ต้องขังทุกคนตามมาตรฐาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและไม่มีการเลือกปฏิบัติ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเพจ “เยาวรุ่นทะลุแก๊ส” ได้เปิดช่องทางการสื่อสารให้ “มวลชนอิสระ” มีจุดร่วมในการทำกิจกรรมในแต่ละครั้ง ปรากฏว่าวันนี้ได้มีการโพสต์ข้อความนัดหมายรวมตัวอย่างเป็นทางการ ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง 17.30 น. เป็นต้นไป เพื่อเดินทางไปบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เรียกร้องให้ลาออก โดยระบุว่า “ขอเชิญชวนพี่น้อง ออกมาทวงคืนประชาธิปไตย กลับคืนมา! เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” 
    นอกจากนั้น ยังโพสต์ข้อความต่อเนื่องแจ้งว่า แผนงานในวันนี้ใช้รูปแบบดาวกระจาย ปลอดภัยจากการโดนเข้าจับกุม หลีกเลี่ยงการปะทะให้น้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัย โปรดระวังเรือของเรา อย่าเข้าไปลึกระวังโดนปิดกล่อง ขอให้ทุกคนใช้สติในการต่อสู้ เพื่อโค่นเผด็จการ 
    สำหรับบรรยากาศที่แยกดินแดง ในเวลา 18.10 น. พบมวลชนและจักรยานยนต์ทยอยเข้าพื้นที่ กระทั่งเวลา 18.30 น. กลุ่มจักรยานยนต์ได้ขว้างประทัดเข้าไปในกรมดุริยางค์ทหารบก ซึ่งเป็นสถานที่ในการรวมพลของตำรวจควบคุมฝูงชน จากนั้นกลุ่มได้ไปยูเทิร์นที่แยกสุทธิสารและวนกลับมาบริเวณทางลงด่วนวิภาวดีฯ ขาออก มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โรยตะปูเรือใบบนผิวการจราจรจร ถนนวิภาวดีรังสิต ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดการจราจรถนนวิภาวดีฯ เกรงประชาชนได้รับอันตราย เบื้องต้นการทางพิเศษฯ ดินแดงเข้ามาเก็บกวาดแล้ว    
     เวลา 19.00 น. สำหรับบรรยากาศการชุมนุมไม่ตึงเครียดเหมือนช่วงเย็นวันที่ 22 ส.ค. กลุ่มรถจักรยานยนต์ที่เข้าพื้นที่มีการปาประทัดไปในจุดที่คาดว่าจะมีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนอยู่ประปราย ทั้งในกรมดุริยางค์ทหารบก รวมไปถึงปาขึ้นไปบนทางด่วน บางส่วนวนเวียนอยู่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และมีบางส่วนขี่ไปด้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่เข้าเผชิญหน้าหรือปะทะกับเจ้าหน้าที่ 
    จนกระทั่งเวลา 19.10 น. เพจเยาวรุ่นทะลุแก๊ส ประกาศยุติการชุมนุม ขอให้พี่น้องมวลชน ถอนออกจากสามเหลี่ยมดินแดง พวกขี้ข้าเผด็จการจะล้อมเรา เซฟตัวเองเอาไว้ มาวางแผนกันใหม่. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"